30 ก.ค. 2020 เวลา 23:52 • ธุรกิจ
ส่อง BAM พี่ใหญ่กลุ่มบริหารสินทรัพย์
หนี้เสียบวมรอบนี้ เป็นผลดีหรือเสียกับแบม ?
เมื่อพูดถีง “หนี้เสีย” ที่เป็นสาเหตุของความวิตกกังวลในตอนนี้แล้วนั้น แน่นอนว่า
ถ้าแนวโน้มของหนี้ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นแบบนี้ แล้วกลุ่มธุรกิจ บริหารสินทรัพย์ ล่ะจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง ?
ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำก่อนว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีผู้เล่นหลักๆที่อยู่ใน SET หรือตลาดหุ้นบ้านเราอยู่ทั้งหมด 3 รายได้แก่ BAM, JMT, CHAYO
และแน่นอนว่า BAM หรือบมจ. บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จะเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มด้วยสินทรัพย์รวมที่118,978 ล้านบาท โดยที่ BAM จะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ถึง 43% ของตลาดบริหารสินทรัพย์
ซึ่งลักษณะในการทำธุรกิจของ BAM ก็จะเป็นการนำสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ(NPLs) และสินทรัพย์รอการขาย(NPAs) มาบริหารนั่นเอง โดยถ้าเป็น NPLs หนี้ที่ทางบริษัทซื้อมานั้นก็คือลูกหนี้ จากนั้นบริษัทก็จะทำการพูดคุยกับลูกหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้หรือดำเนินการต่อไป
แต่ถ้าเป็น NPAs ก็จะง่ายกับทาง BAM กว่าเพราะว่าเมื่อซื้อหนี้มาทางบริษัทจะได้รับเป็นทรัพย์สินทันที
สำหรับสัดส่วนรายได้ของ BAM ก็จะมีรายได้หลักมาจากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารทั้งหมด 100% แต่ถ้าเป็นทาง JMT ก็จะมีรายได้จากทวงหนี้ผสมอยู่ 17% และ CHAYO ที่มีอยู่ 20% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งระยะเวลาเก็บหนี้ของ BAM ก็จะอยู่ที่ประมาณ 7 ปีจากนั้นจึงจะเริ่มมีกำไร เนื่องจากว่าหนี้ที่อยู่ในพอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน
💰งบการเงินยัอนหลังของ BAM
ปี 2560 รายได้ 7,630 ล้านบาท
กำไร 4,500 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 9,750 ล้านบาท
กำไร 5,200 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 12,256 ล้านบาท
กำไร 6,549 ล้านบาท
(ล่าสุด)ไตรมาส 1 ปี 2563
รายได้ 3,334 ล้านบาท
กำไร 698 ล้านบาท
ก็จะเห็นได้ว่าไตรมาสล่าสุดทาง BAM ก็ทำผลงานไปได้น่าผิดหวังจากการเปลื่ยนมาใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 และจาก Covid-19 ที่ได้เริ่มแสดงอาการออกมาในช่วงโค้งแรกของปี
แต่ถึงอย่างไรแล้ว การที่ NPLs กำลังล้นตลาดเช่นนี้ก็จะทำให้ “ต้นทุน” ในการทำธุรกิจของกลุ่มบริหารสินทรัพย์ต่ำลงไปด้วย ซึ่งความได้เปรียบของ BAM ก็คือเงินก้อนใหญ่ราวๆ 3 - 4 พันล้านที่เพิ่งได้มาจากการขายหุ้น IPO ตรงนี้ก็จะช่วยให้ BAM มีเงินสดในมือในสภาวะที่ NPLs กำลังมีอยู่มาก
นอกจากนี้ สภาวะดอกเบี้ยที่ตรึงตัวหรืออาจจะลดลงมาอีกเช่นนี้ก็จะทำให้ธุรกิจกลุ่มบริหารสินทรัพย์ได้ประโยชน์ไปด้วยอีกเหมือนกัน และในช่วงนี้การแข่งขันภายในอุตสาหกรรมก็ยังไม่ค่อยดุเดือดมากเพราะว่าต่างผู้เล่นก็ต่างมีเงินทุนจำกัดเมื่ออยู่ในสถานะการณ์วิกฤติ
เรียกได้ว่าอาจจะเป็นการ “ทรุด” ลงไปชั่วคราวในครั้งนี้สำหรับ BAM แต่ถึงอย่างไรก็ประมาทไม่ได้เพราะในสถานะการณ์แบบนี้นอกจากจะมีนโยบายต่างๆเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ถูกปล่อยออกมาจากภาครัฐแล้ว ยังมีเรื่องของการเก็บเงินที่น่าจะทำได้ยากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องเงินจมอีกด้วยถ้าสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น
BAM จะซุ่มสะสมพอร์ตหนี้ไว้ได้มากแค่ไหนในสภาวะวิกฤติ ??
และหนี้ที่ซื้อเข้ามารอบนี้จะเป็นวิกฤติหรือโอกาสในการทำเงินของ BAM ?
เรื่องนี้ก็ต้องมาติดตามกันต่อไป สวัสดีครับ...
⭐️กลับมาอีกแล้วว...รถด่วนขบวนสุดท้ายสำหรับห้อง VIP.หุ้น..TFEX สุด Exclusive By ทีมงานไก่จ๋า⭐️
เพียงแค่ท่านเปิดบัญชีกับเรา โดยมีผู้สนับสนุนใจดี
เปิดบัญชี TFEX สัญญาละ 25
หุ้นค่าคอม ล้านละ 500
.
.
สิทธิพิเศษลูกค้าใหม่ หุ้น& TFEX รับสิทธิเข้าห้องไลน์ VIP สุดพิเศษพร้อมแนะนำกลยุทธ์ทุกวัน ฟรี!!! ย้ำว่าฟรี‼️‼️
.
ด่วน!! จำนวนจำกัด...
กดได้เลย
โฆษณา