31 ก.ค. 2020 เวลา 07:15 • ธุรกิจ
รัฐบาลไทย อาจจะต้องเสียค่าโง่อีกไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้าน !
1. เมื่อช่วงประมาณ 7-8 วันที่ผ่านมาเราได้เห็นเป็นประจักษ์กันแล้วว่า ศาลปกครองสูงสุด เขาได้ปฏิเสธคำร้องขอของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศ ว่าจะไม่รับคำอุทธรณ์ให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่
2. ทำให้คำพิพากษาคดีโฮปเวลล์ นั้นต้องยึดเอาตามคำสั่งศาล เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ที่มีคำตัดสินว่ารัฐบาลต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
3. เป็นจำนวนเงินเกือบ 12,000,000,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ย 7.5% ภายในเวลา 180 วัน นับจากที่ศาลมีคำสั่งตัดสิน (โดยถ้ายึดจากการประเมินของทางการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น เงินที่รัฐบาลไทยต้องจ่ายเป็นค่าโง่จะมีมูลค่ารวมมากกว่า 25,000,000,000 บาท)
4. สาเหตุที่ศาลปกครองสูงสุดไม่ยอมรับพิจารณาการอุทธรณ์คดีดังกล่าวที่กระทรวงคมนาคมยื่นขึ้นมา เป็นเพราะเห็นว่าข้อมูล หรือหลักฐานต่างๆนั้นได้รับการพิจารณาไปจนหมดแล้ว จึงลงความเห็นว่าจะไม่รับฟังคำร้องของกระทรวงคมนาคม
1
5. ถือเป็นการปิดฉากคดีโฮปเวลล์ในตำนานอย่างแท้จริง ด้วยความเสียหายมูลค่ากว่า 25,000 ล้าน
6. จริงๆจะว่าจบเรื่องก็คงไม่ถูก เรียกว่าจบเรื่องแค่มหากาพย์คดีโฮปเวลล์อย่างเดียวจะดีกว่า เพราะรัฐบาลไทยยังมีอีกหลายคดีจ่อรอเอาผิด แล้วจ้องจะกินค่าปรับกันอยู่รวมๆแล้วไม่ต่ำกว่า 50,000,000,000 บาท
7. อีกคดีดัง คดีหนึ่งก็คือ คดีเหมืองทอง บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด มหาชน ที่เป็นตัวละครหลักในการทำกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ที่พิจิตร
8. คดีเหมืองทองนี้ทางบริษัทเขาได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลไทย กรณีที่ รัฐบาล คสช. ใช้ ม.44 สั่งระงับการทำกิจการเหมืองทองทั่วประเทศ จนเรื่องมันดังไปถึงอนุญาโตตุลาการที่สิงคโปร์
9. โดยค่าเสียหายที่เหมืองทอง-อัครานี้เขาเรียกร้องมาทางรัฐบาลไทยนั้น มีมูลค่ามากกว่า 40,000,000,000 บาท (คิดจากปริมาณการผลิตทองในอีก 10 ข้างหน้าเป็นฐาน แร่ทองเกือบ 900,000 ออนซ์ มูลค่า 37,000,000,000 บาท แร่เงิน 8,000,000,000 กว่าออนซ์ มูลค่าเกือบ 4,000,000,000 บาท)
1
10. ซึ่งก็ยังต้องรอความคืบหน้าของคดีกันอยู่ ว่าสุดท้ายแล้วคดีเหมืองทองนี้จะจบลงอย่างไร แล้วมูลค่าตอนปลายทาง หลังจากที่คดีสิ้นสุดแล้ว จะเพิ่มขึ้นมาเป็นมูลค่าเท่าไร (คดีเหมืองทองอัครานี้ยังไม่จบนะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกัน)
11. ส่วนอีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ คดีบริษัทบุหรี่ที่ชื่อ ฟิลลิป มอร์ริส (สาขาประเทศไทย) ซึ่งเคยมีคดีการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรการนำเข้าผลิตภัณฑ์บุหรี่ จากเดิมที่เคยนำเข้าสินค้ามาจากมาเลเซียในช่วงปี 1997-2007
12. แล้วใช้วิธีนำเข้าสินค้ามาในราคาหนึ่ง แต่พอเวลาจะมาสำแดงสินค้า ก็ดันระบุราคาอีกราคาหนึ่ง ซึ่งพอถูกจับได้และโดนปรับก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมดังกล่าว แต่ใช้วิธีหันไปนำเข้าบุหรี่จากฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียแทน
13. ทำให้ทางไทยต้องส่งเรื่องต่อไปยังกรม DSI แล้วสู้คดีกันมาอย่างยาวนานร่วม 10 ปี เรื่องบุหรี่นี้ดังมากจนถึงขั้นที่ศาลขององค์การการค้าโลก (WTO) ต้องโดดเข้ามาเล่นด้วย
14. เพราะประเทศฟิลิปปินส์เขาเอาเรื่องนี้ของไทยไปฟ้องที่ศาล WTO ข้อหาผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ จำนวน 14 ข้อหา แล้วทางศาล WTO เขาตัดสินให้ประเทศไทยแพ้คดีฟิลิปปินส์
1
15. แล้วอนุญาตให้ประเทศฟิลิปปินส์ใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าได้ กรณีนี้มีส่วนคล้ายๆกับคดีของบริษัท Boeing และ Airbus ของอเมริกาและยุโรปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นั่นแหละ คือหลังคดีจบแล้วศาล WTO จะเปิดช่องให้คู่ความได้ใช้มาตรการลงโทษทางการค้าโจมตีใส่กันได้
16. ตอนนั้นทางการไทยได้พยายามทำเรื่องขอให้มีการอุทธรณ์ประเด็นดังกล่าวต่อไป แต่จนแล้วจนรอด ทางศาลของ WTO ก็ได้ลงความเห็นตัดสินให้ไทยแพ้คดีความในชั้นอุทธรณ์อีกอยู่ดี
17. แต่อย่างไรก็ดี ทาง อ.วิษณุ เครืองามออกมาชี้แจงต่อสื่อไปแล้วในประเด็นนี้ ว่าคดีที่ประเทศไทยโดนประเทศฟิลิปปินส์ฟ้องร้องต่อศาลของ WTO แล้วไปแพ้คดีทั้งในชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์นั้น คดียังไม่ถึงจุดสิ้นสุด
18. แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ถ้าถึงจุดสิ้นสุดของคดีแล้วปรากฏว่าศาลตัดสินให้ทางประเทศไทยแพ้อีก ก็อาจจะนำไปสู่การเสียค่าปรับที่เรียกว่า "ค่าโง่" มุลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000,000,000 บาทเช่นกัน
19. อีกคดีหนึ่งที่เพิ่งเป็นประเด็นมาสดๆร้อนๆเลยก็คือ โปรเจ็คก่อสร้างอาคารของรัฐสภาใหม่ ที่บริษัท Sino-Thai Engineering and Construction ผู้ดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
20. โดยฝ่ายที่ถูกฟ้องคือ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนรัฐสภา สาเหตุที่มีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นก็เพราะมีการผิดนัดการส่งมอบพื้นที่เป็นเวลากว่า 4 ครั้ง ทั้งในส่วนของโรงเรียนโยธินบูรณะ และชุมชนโรงงานทอผ้า
21. ละไหนจะเรื่องการขนดินออกจากพื้นที่อีก ซึ่งทางสำนักงานเลขาฯเขาก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ แล้วยอมรับว่าทางสำนักงานฯได้มีการผิดนัดการส่งมอบพื้นที่กับทางบริษัทจริงๆ
22. แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และการดำเนินการในชั้นศาล ว่าจะเอาอย่างไร โดยทางสำนักงานฯแจ้งต่อผู้สื่อข่าวไปแค่ว่าไม่มีปัญหา ถ้าอยากฟ้องก็ให้เขาฟ้องไป ส่วนคดีจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่มีความแน่นอน
23. แต่ถ้าคดีดำเนินไปถึงจุดสิ้นสุด ทางภาครัฐก็อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่บริษัท Sino-Thai ที่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1,500,000,000 กว่าบาทได้
24. ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร เดี๋ยวผมจะนำมาเขียนให้ได้อ่านกันต่อนะครับ ประเด็นเรื่องคดีความเสียหายที่ภาครัฐถูกฟ้องร้องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และน่าติดตามเอามากๆเลย
References
1. บทความจากฐานเศรษฐกิจ ชื่อ "ค่าโง่เมืองไทย จ่อคิวลุ้นอีก 3 คดี"
2. บทความจากฐานเศรษฐกิจ ชื่อ "ส่อเสียค่าโง่…"ซิโน-ไทย"ฟ้องสภาฯเรียก1,590ล้านบาท"
3. บทความจากประชาชาติธุรกิจ ชื่อ "กพร. ยัน ข่าวไทยแพ้คดีคิงส์เกต ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีคำตัดสินใดๆ"
4. บทความจากฐานเศรษฐกิจ ชื่อ "“กพร.” ยันไทยยังไม่แพ้คดี “เหมืองทองอัครา”"
5. บทความจากสยามธุรกิจ ชื่อ "WHO เตือนบุหรี่ไฟฟ้าโทษมหันต์"
6. บทความจาก Thai PBS ชื่อ ""นิติธร" ชงนายกฯ ตั้งคณะกรรมการรื้อคดีโฮปเวลล์"
7. บทความจากไทยโพสต์ ชื่อ "รฟท.ยื่นหลักฐานชี้ชัด 'บริษัทโฮปเวลล์' จดทะเบียนไม่ถูกต้อง-เป็นโมฆะตั้งแต่แรก"
8. บทความจากกรุงเทพธุรกิจ ชื่อ "‘โฮปเวลล์’ ย้อนรอยโครงการสวยหรู สู่วันที่รัฐต้องจ่ายค่าโง่ 2.5 หมื่นล้าน!"
9. บทความจากไทยรัฐ ชื่อ "“วิษณุ” เผย ยังมีเวลาเจรจาเอกชน ปมค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน"
10. บทความจากฐานเศรษฐกิจ ชื่อ "เลิกโง่แล้ว โฮปเวลล์"
โฆษณา