31 ก.ค. 2020 เวลา 14:55 • กีฬา
ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด นาธาน อาเก้ กำลังจะได้ชูเสื้อเปิดตัวเป็นกองหลังคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ทีมเรือใบสีฟ้าบรรลุข้อตกลงคว้าตัว อาเก้ ด้วยมูลค่า 40 ล้านปอนด์ พร้อมออปชั่นเสริมอีก 1 ล้านปอนด์ จากทีมที่เพิ่งตกชั้นลงไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพอย่าง บอร์นมัธ
ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์กำลังจะเป็นผู้เล่นที่ บอร์นมัธ ขายได้ราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติเดิมที่พวกเขาเคยขาย ไทโรน มิงส์ ให้ แอสตัน วิลล่า เมื่อปีที่แล้วด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์
นอกจากกำลังจะเป็นนักเตะที่ย้ายออกจาก บอร์นมัธ ด้วยค่าตัวแพงที่สุดแล้ว อาเก้ ยังครองสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดที่ทีม เดอะ เชอร์รี่ส์ เซ็นสัญญาคว้าตัวมาอีกด้วย เพราะราคาตอนที่ย้ายจาก เชลซี เมื่อปี 2017 ก็สูงถึง 20 ล้านปอนด์
ปกติแล้ว ราคานักเตะของทีมที่ตกชั้นลงจากพรีเมียร์ลีกจะตกลงอย่างฮวบฮาบ ซึ่งต้องบอกเลยว่าค่าตัว 40+1 ล้านปอนด์ ถือว่าไม่ใช่น้อยๆ
แต่เหตุผลที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องยื่นข้อเสนอจำนวนดังกล่าวให้กับ บอร์นมัธ เป็นเพราะว่า เชลซี มีออปชั่นซื้อ อาเก้ กลับไปร่วมทีมอีกครั้งในราคา 2 เท่าจากที่เคยขายให้ 20 ล้านปอนด์ นั่นก็คือ 40 ล้านปอนด์พอดี
สกาย สปอร์ตส์ ระบุว่า เชลซี มีเวลา 72 ชั่วโมง นับจากวันที่ บอร์นมัธ บรรลุข้อตกลงขาย อาเก้ ให้ทีมเรือใบสีฟ้า ในการยื่นข้อเสนอราคาเท่ากันเข้ามาสู้ แล้วจะได้สิทธิ์เจรจาสัญญาส่วนตัวกับนักเตะ
แต่ดูเหมือนว่าทีมสิงโตน้ำเงินครามยังมีท่าทีนิ่งเฉย แม้ตำแหน่งกองหลังจะเป็นจุดอ่อนของเชลซีด้วยก็ตาม
ซึ่งบางทีเขาอาจไม่ใช่เซนเตอร์แบ็กในอุดมคติของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สักเท่าไร เพราะส่วนสูงเพียง 180 เซนติเมตร อาจจะเล็กเกินไป ในการมาช่วยแก้จุดอ่อนในเรื่องการป้องกันลูกกลางอากาศ
ทีนี้มันก็เกิดประเด็นที่ว่า นาธาน อาเก้ จะเป็นคำตอบที่ใช่ สำหรับการยกระดับขุมกำลังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จริงหรือ? เพราะนี่คือนักเตะที่ช่วยบอร์นมัธหนีตกชั้นไม่สำเร็จ
เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังของ ลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันเป็นกูรูลูกหนังให้กับ สกาย สปอร์ตส์ ตั้งข้อสังเกตว่าบางทีการเซ็นสัญญาคว้าตัว อาเก้ อาจยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับการยกระดับเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
1
คาร์ร่า ทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า “ผมชอบ นาธาน อาเก้ และผมคิดว่าเขาเหมาะกับ แมนฯ ซิตี้”
“แต่เมื่อ ลาป๊อร์กต์ การันตีตัวจริงอยู่แล้ว ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าการใช้เซนเตอร์แบ็กถนัดซ้ายลงพร้อมกัน 2 คนมันจะเวิร์ค”
“ผมรู้ว่านักเตะถนัดขวาสามารถเล่นร่วมกันได้ แต่สำหรับผมแล้ว ไม่เคยรู้สึกว่ามันจะใช่เลยถ้าเป็นตรงกันข้าม! เขาจะเล่นแบ็กซ้าย หรือเล่นระบบหลัง 3 ล่ะ?”
“ลาป๊อร์กต์ เป็นพวกเจ็บง่ายหรือเพิ่งเจ็บหนักมาอีกงั้นหรือ? มันมีความแตกต่างอยู่นะ”
“ถ้าหากลาป๊อร์กต์ฟิตพร้อม เขาจะได้ลงเล่น ผมแค่คิดว่ามันน่าสนใจที่จะได้เห็นว่า เป๊ป จะจัด อาเก้ ในทีมยังไง ตอนที่ลาป๊อร์กต์ฟิต”
คือในมุมของ คาร์ราเกอร์ เขาคิดว่า อาเก้ น่าจะถูกดึงตัวเข้ามาเร็วกว่านี้ในช่วงที่ อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ ยังต้องพักยาว
แต่ ณ ตอนนี้ที่กองหลังชาวฝรั่งเศสเริ่มฟิตสมบูรณ์อีกครั้งแล้ว มันน่าจะเป็นการซื้อเพื่อเสริมขุมกำลัง (Squad Depth) ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มากกว่าจะดึงเข้ามาเพื่อเป็น 11 ตัวจริง
หากดูจากสถิติการเสียประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 ที่เพิ่งจบลงไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจไม่ใช่ทีมที่เกมรับแย่อะไรมากอย่างที่แฟนบอลคิด
แมนฯ ซิตี้ เก็บคลีนชีตในลีกซีซั่นที่ผ่านมาถึง 17 ครั้ง มากกว่าแชมเปี้ยนอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ 15 ครั้งเสียอีก
ขณะที่จำนวนประตูเสีย ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ได้โดนยิงเยอะแบบน่าเกลียด เพราะเสียไปแค่ 35 ลูก น้อยกว่าหงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เสียน้อยที่สุด (33 ประตู) เพียงทีมเดียว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าเสียประตูน้อย เป็นเพราะพวกเขามักครองเกมเหนือคู่แข่งได้แบบเบ็ดเสร็จจนตบทีมเล็กๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยที่พวกแนวรับไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก
หลักการป้องกันของ แมนฯ ซิตี้ น่าจะเข้าข่ายปรัชญาที่ว่า “เกมรุก คือเกมรับที่ดีที่สุด” หรือไม่ก็ “ตราบใดที่บอลยังอยู่กับเรา คู่แข่งก็โจมตีอะไรเราไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนเซนเตอร์แบ็กธรรมชาติไว้ใจได้ ที่มีพร้อมใช้งานน้อยเกินไป ในฤดูกาลที่ อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักฟื้นและเรียกความฟิต มันทำให้ แมนฯ ซิตี้ ขาดความมั่นคงในการยืนระยะ
ยิ่งไปกว่านั้น การไม่มีปราการหลังตัวกลางที่ไว้ใจได้จริงๆ เลยสักคน มันส่งผลให้เห็นแน่ เมื่อต้องลงเจอคู่แข่งที่มีเกมรุกอันตรายที่แท้จริง
หลักฐานที่บอกว่าปัญหาเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเห็นได้ชัดมากตอนเจอคู่แข่งเขี้ยวๆ ก็คือ 7 จาก 9 นัดที่พวกเขาแพ้ในลีกซีซั่นล่าสุด คือความปราชัยต่อทีมที่อยู่ 7 อันดับแรกของตาราง
ทั้ง 7 นัดที่ว่า เรือใบสีฟ้าโดนยิงไม่น้อยกว่า 2 ลูกในหนึ่งเกม และมักเสียประตูในลักษณะของการป้องกันที่หละหลวม ไม่ก็ความผิดพลาดส่วนตัวจาก “ความไม่นิ่ง” ของตัวเองเป็นประจำ
ซึ่งเรื่องนั้นมันมีส่วนสำคัญมาจากการขาดเซนเตอร์แบ็กอาชีพที่ไว้ใจได้นั่นแหละ
มิดฟิลด์ตัวรับอย่าง แฟร์นันดินโญ่ อาจทำผลงานน่าพอใจ กับบทบาทเซนเตอร์แบ็กจำเป็น (ที่ได้ลงบ่อยกว่าคนที่เป็นเซนเตอร์จริงๆ เสียอีก)
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ดาวเตะจอมเก๋าชาวบราซิเลียนไม่ค่อยเจอความกดดันอะไรในเกมรับมากนัก เพราะแทบทุกเกม ทีมมักครองบอลเอาไว้ได้แทบจะฝ่ายเดียวอยู่ตลอด
แต่ถ้าหากถึงคราวที่เจอบททดสอบจริงๆ จังๆ ตัวรับวัย 35 ปีไม่ได้มีสกิลป้องกันที่ดีมากนัก ขณะที่คู่ขาอย่าง นิโกลัส โอตาเมนดี้ หรือ จอห์น สโตนส์ ฟอร์มไว้ใจไม่ได้ตลอดทั้งฤดูกาล
หลังจากที่ โอตาเมนดี้ และ สโตนส์ พร้อมใจกันออกทะเลในเกมบุกแพ้ นอริช ซิตี้ 3-2 ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ไว้ใจให้คู่นี้ลงพร้อมกันอีกอย่างเห็นได้ชัด หลักฐานก็คือหลังจากนั้นจนจบซีซั่น มีแค่นัดเปิดบ้านเฉือน บอร์นมัธ 2-1 อีกเกมเดียวเท่านั้น ที่ได้ลงคู่กัน
ความเปราะบางของตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก กลายเป็นช่องโหว่ให้คู่แข่งโจมตีได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์เอาชนะ ซิตี้ ไป 3-1 หงส์แดงได้ประตูจากการครอสเข้าไปในเขตโทษถึง 2 ลูก
การมีพื้นที่เหลือเฟือของ อดาม่า ตราโอเร่ ที่เล่นงานทีมเรือใบสีฟ้า ในจังหวะโต้กลับถึง 2 หนในวันที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน บุกชนะถึง เอติฮัด สเตเดี้ยม 2-0 ก็มาจากความไม่เข้าใจกัน และไม่นิ่งพอของคู่เซนเตอร์อีกนั่นแหละ
เรายังได้เห็นความผิดพลาดง่ายๆ จนนำไปสู่การเสียประตูโดยตรงอีกหลายครั้ง ทั้งในเกมบุกแพ้ทีมหมาป่า 3-2, ออกไปโดน แมนฯ ยูไนเต็ด อัด 2-0 และบุกพ่ายเชลซี 2-1
แต่อย่างที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตั้งข้อสงสัยเอาไว้ นั่นก็คือ นาธาน อาเก้ อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะแก้ปัญหาให้แผงหลังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างแท้จริง
เพราะถ้าหากไม่ดวงแตกจริงๆ เชื่อว่า อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ คงจะยึดตำแหน่งเซนเตอร์ตัวหลักอีกครั้งตลอดฤดูกาลหน้า
ส่วนตัวผมคิดว่า ประเด็นสำคัญก็คือ ถ้าหาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เจอปัญหาที่ ลาป๊อร์กต์ ต้องหายหน้าจากทีมไปอีกล่ะ เขาจะรับมือมันอย่างไร? เพราะทีมไม่มีเซนเตอร์ถนัดเท้าซ้ายที่ดีๆ อีกเลย
เพราะฉะนั้น การมี อาเก้ เข้ามาเสริม จะช่วยรองรับสถานการณ์ที่อดีตดาวเตะ แอธเลติก บิลเบา ไม่พร้อมช่วยทีมเอาไว้ได้ โดยโมเมนตัมไม่เสียไปมากนัก
จุดแข็งของ อาเก้ อยู่ที่ความแน่นอน โดยสถิติระบุว่าตลอดการลงสนามในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 146 นัด เขายังไม่เคยทำเข้าประตูตัวเอง และไม่เคยก่อความผิดพลาดโดยตรงจนเสียประตู (Errors leading to goal) เลยแม้แต่ลูกเดียว
การผ่านบอลจากแดนหลังอันแม่นยำคือจุดขาย ซึ่งเป็นสไตล์กองหลังที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชื่นชอบอยู่แล้ว
สถิติเผยว่า ฤดูกาลนี้ อาเก้ ผ่านบอลเข้าเป้าถึง 87.6% จากทั้งหมด 1,210 ครั้ง ถือเป็นกองหลังที่จ่ายบอลแม่นยำสูงเป็นอันดับที่ 16 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20
กองหลังชาวดัตช์ยังมีประวัติการลงสนามที่แสดงให้เห็นถึงการรักษาความฟิตได้เป็นอย่างดี เพราะนับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 ที่ย้ายเข้าสู่ บอร์นมัธ แบบถาวร เขาลงเล่นครบ 38 นัดตลอด 2 ปีแรก
จนกระทั่งซีซั่นนี้นี่แหละ ที่ อาเก้ มีช่วงเจ็บแฮมสตริงรบกวน จนต้องหายหน้าจากทีมไป 9 เกม และส่งผลให้ทีมเสียแต้มเยอะจนตกชั้น
แต่ถ้าหากไม่เจ็บไม่แบน เขาจะการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว อย่างแน่นอน
นาธาน อาเก้ ยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือความสารพัดประโยชน์ เพราะก่อนหน้าจะเปลี่ยนตำแหน่งมาเล่นเซนเตอร์แบ็ก เขาเคยยืนแบ็กซ้ายมาก่อน แถมขยับขึ้นมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับแก้ขัดได้ด้วย
นอกจากนั้นแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะได้โควตานักเตะโฮมโกรนเพิ่มขึ้นอีกคน เพราะ อาเก้ เข้าเป็นเด็กฝึกของ เชลซี ตั้งแต่อายุ 15 ปี และค้าแข้งที่อังกฤษมาตลอด
ดูๆ ไปแล้ว การที่ทีมเรือใบสีฟ้าได้ตัว นาธาน อาเก้ น่าจะเป็นการเสริมทัพเพื่อเพิ่มขนาดของขุมกำลัง สำหรับการลุ้นแชมป์หลายๆ รายการ มากกว่าจะบอกว่าเอาเข้ามาเพื่อการันตีการเป็น 11 ตัวจริง
ซึ่งการมีทีมที่ทดแทนกันได้ทุกตำแหน่ง และยังคงรักษารูปแบบการเล่นอันเปี่ยมประสิทธิภาพไว้ได้นี่แหละ คือจุดแข็งที่แท้จริงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
#เสียบสามเหลี่ยม #Ake #ManCity #MCFC #Bournemouth #Chelsea #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา