1 ส.ค. 2020 เวลา 06:05 • ธุรกิจ
เศรษฐกิจเวียดนามกำลังจะแซงประเทศไทย !
1. เมื่อเดือนก่อนผมเคยเขียนเล่าเกริ่นนำไปก่อนแล้วว่าช่วงหลังๆมานี้ประเทศหลายๆประเทศต่างมองเวียดนามเป็นฐานการผลิตและฐานการลงทุนแห่งใหม่ของตนเองกัน จากจุดเด่น และสิทธิประโยชน์อันเป็นข้อดึงดูดหลายๆอย่างที่เวียดนามเสนอให้
2. อย่างแรกเลยที่ทำให้เวียดนามเนื้อหอมในช่วง 3-4 ปีนี้คือ เพราะ Donald Trump ได้ก่อสงครามการค้า แล้วพยายามที่จะปรับภูมิทัศน์ของห่วโซ่อุปทานของโลกจากเดิมที่เคยมีจีนเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจเอเชีย
3. แล้วให้จีนถูกกีดกันออกจากการเป็นศูนย์กลางเหล่านั้นซะ เพื่อที่ว่าประเทศพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาจะได้เลิกพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากประเทศจีน และให้จีนมีอิทธิพลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกน้อยลง
4. ทำให้บริษัท และโรงงานผลิตสินค้าแห่งต่างๆจากทั่วโลกที่เคยแห่กันเข้าไปตั้งโรงงานในประเทศจีน เพราะค่าแรงลูกจ้างถูก บวกกับสามารถผลิตเสร็จแล้วป้อนสินค้าเข้าสู่ตลาดคนจีนได้เลยต้องรีบเปลี่ยนนโยบายการลงทุน
5. แล้วหันหัวยไปหาเวียดนามที่เป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ กำลังเติบโต เพื่อหลีกเลี่ยงพิษของสงครามการค้า จากการที่ค่าแรงของลูกจ้างเวียดนาม และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ติดกับจีน ทำให้โรงงานและบริษัทต่างๆยังสามารถผลิตสินค้าแล้วป้อนเข้าสู่ตลาดจีนได้โดยตรงเช่นเดิม
6. โรงงานทั้งญี่ปุ่น ไต้หวันอะไรพวกนี้ก็เลยยกพวกพากันย้ายฐานไปอยู่เวียดนามกันซะเยอะเลยในช่วง 1-2 ปีนี้ อย่างญี่ปุ่นนี้ย้ายทั้งโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆไปอยู่เวียดนามหลายบริษัท
7. เวียดนามจึงเป็นประเทศที่เนื้อหอมอย่างมาก ในภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหาเช่นนี้ ด้วยความที่ตัวเวียดนามนั้นพยายามปรับตัวเองเข้าหาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกอยู่ตลอดเวลา มีการเปิดเสรีทางการค้า
8. แล้วปรับระบบข้อบังคับต่างๆของส่วนราชการให้ตอบรับต่อโจทย์ทางการค้ามากขึ้น แถมยังเดินหน้าลุยทำ FTA หรือข้อตกลงทางการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งล่าสุดก็คือ กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป (EU)
9. อย่างล่าสุดเมื่อเช้านี้ข่าวที่มาจากเว็ปไซต์ของสหภาพยุโรป หรือ EU ก็ได้ประกาศออกมาว่า ข้อตกลง FTA ที่เวียดนามได้ทำไว้กับ EU นั้นจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 2020 นี้
10. แปลว่าหลังจากวันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป สินค้าส่งออกหลากหลายชนิดของเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สิ่งทอ กาแฟ ข้าว อาหารทะเล สินค้าอิเล็กโทรนิคส์ อะไรต่างๆจากอุตสาหกรรมการผลิต และการอาหารของเวียดนามนั้น
11. จะถูกทุ่มส่งไปตีตลาดที่สหภาพยุโรปอย่างเต็มที่ แล้วคนที่จะได้รับผลกระทบและความเสียหายโดยตรงจากปรากฏการณ์ครั้งนี้ก็คือประเทศไทย ซึ่งมีสินค้าส่งออกไปยุโรปไม่ค่อยต่างจากเวียดนาม
12. ไทยเราขายข้าวไปยุโรป เวียดนามก็ขายข้าวไปยุโรป ไทยเราขายอุปกรณ์และชิ้นส่วนทางอิเล็กโทรนิคส์ เวียดนามก็ขายชิ้นส่วนฯ แบบเรา ไทยเราขายชิ้นส่วนอุตสาหกรรม หรือขายอุปกรณ์ไฟฟ้า เวียดนามก็ขายของแบบเดียวกับเรา
13. ทำให้มีโอกาสสูงมากว่าในช่วงไม่ถึง 10 ปีข้างหน้านี้ สินค้าเวียดนามอาจจะกลายเป็นเจ้าตลาดแล้วถีบสินค้าจากไทยออกจากตลาดภายในสหภาพยุโรป เพราะเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางการค้า
14. และสิทธิพิเศษที่เวียดนามได้แลกกับสหภาพยุโรปไว้ตามข้อตกลง FTA ที่เพิ่งมีผล (ภายในกลุ่มประเทศ ASEAN นี้มีเพียงเวียดนาม และสิงคโปร์เท่านั้น ที่มีการเปิดเขตการค้าเสรีกับยุโรป ณ ขณะนี้)
15. เวียดนามกำลังจะกลายเป็นคู่ค้ารายสำคัญของยุโรป และกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นพันธมิตรลำดับแรกๆของยุโรปในกลุ่มประเทศ ASEAN นี้ มูลค่าทางการค้าระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปตอนนี้กำลังจะแตะ 50,000,000,000 ยูโรในไม่ช้านี้
16. จริงอยู่ที่ว่าในตอนนี้ไทยเราเป็นผู้นำ และเจ้าตลาดของสินค้าหลายๆชนิดในสหภาพยุโรป ทั้งผลไม้สด มังคุด ทุเรียน มะม่วง ข้าวสาร และยังเป็นไปได้ยากที่เวียดนามจะเข้ามาแทนที่ไทย แล้วเขี่ยไทยออกจากเวทีการค้าแถบยุโรป
17. แต่ว่ากันในเรื่องแนวโน้ม พิจารณาร่วมกับเงื่อนไข และปัจจัยล้อมรอบต่างๆ ทั้ง FTA ทั้งความเปิดกว้างทางการค้าที่เวียดนามมีต่อประเทศคู่ค้า เวียดนามอาจจะสามารถตามทัน และแซงไทยในการเป็นเจ้าตลาดในวันข้างหน้าได้
18. ยิ่งบวกกับแรงส่ง และแรงดันที่สหภาพยุโรปพยายามจะดันเวียดนามขึ้นมาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ แทนไทย ก็เริ่มจะเห็นชัดขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ ทั้งประเด็๋นเรื่องการประมง IUU ที่สหภาพยุโรปพยายามเอาใบเหลืองมาขัดไทย
19. ทั้งประเด็นเรื่องลิงเก็บมะพร้าว จริงๆเมื่อสัปดาห์ก่อนถ้าใครตามข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศก็คงพอจะทราบได้ว่า สหภาพยุโรปเขาส่งจดหมายมาขู่ไทยเรื่องใบเหลืองในอุตสาหกรรมประมงอีกแล้วนะครับ (ใบใหม่ ไม่ใช่ใบเก่าด้วย)
20. ไทยจึงอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงเอามากๆ ถ้าเราไม่ปรับตัวเรื่องเหล่านี้ จริงๆเรื่อง FTA หรือพวก CPTPP อะไรเหล่านี้ถ้าเราสามารถเจรจาให้ฝ่ายไทยเราได้ประโยชน์อย่างจริงจัง ก็จะช่วยให้ทางฝ่ายไทยเรามีความพร้อมพอที่จะลดความเสี่ยงเรื่องเวียดนามแซงได้บ้างนะครับ
21. ในอนาคตนี้ มูลค่าการค้าของสินค้าที่เวียดนามส่งไปขายในสหภาพยุโรป อาจจะขยายตัวไปไม่น้อยกว่า 300% และจะได้ดุลการค้ากับยุโรปเพิ่มจาก 8,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเกือบ 40,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ
22. ไทยจึงควรรีบปรับตัว แล้วค้นหาวิธีทางแก้ในยุทธศาสตร์การค้านี้ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้วาทกรรม "เวียดนามจะแซงไทย" กลายเป็นความจริงขึ้นมา ไม่งั้นเวียดนามจะกลายเป็นมหาอำนาจระดับภูมิภาคที่ทัดเทียมกับไทยในอนาคตแน่
References
1. บทความจากฐานเศรษฐกิจ ชื่อ "ข้อตกลง FTA อียู-เวียดนาม มีผลแล้ว ส่งออกไทยหืดจับแน่"
2. บทความจาก The Diplomat ชื่อ "Vietnam ratifies EU free trade agreement, What's next?"
3. บทความจาก ASEAN Today ชื่อ "What does Vietnam’s trade deal with the EU mean for the country and ASEAN?"
4. บทความจาก Financial Times ชื่อ "Vietnam targets China manufacturers after EU trade green light"
5. บทความจาก EU News ชื่อ "EU-Vietnam trade agreement enters into force"
6. บทความจาก Nikkei Asian Review ชื่อ "Vietnam greenlights EU trade pact in bid for china-exit deals"
7. บทความจาก Deutsche Welle ชื่อ "Vietnam ratifies major trade deal with the EU"
8. บทความจาก Voice of America ชื่อ "Vietnam to Vote on EU Trade Deal as Economy Emerges from Virus"
9. บทความจาก Global Times ชื่อ "Will China 'suffer' following recent Vietnam-EU FTA?"
10. บทความจาก CNBC ชื่อ "Trump threatened Hanoi on trade, but Vietnam just teamed up with the EU on a big new deal"
โฆษณา