1 ส.ค. 2020 เวลา 10:47 • ข่าว
ความยุติธรรม กระบวนการยุติธรรม
& สีงคมศรีธนญชัย
"กฎหมายทั้งปวง จะธำรงความยุติธรรมและความถูกต้องเที่ยงตรง มีความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมหรือไม่เพียงไรนั้น ขึ้นอยู่กับการใช้ หากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ หรือด้วยเจตนาไม่สุจริตต่างๆ กฎหมายก็เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นภัยต่อประชาชน"
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมาย แห่งเนติบัณฑิตยสภา ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร
วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๐
"กฎหมายมิใช่ตัวความยุติธรรม  หากเป็นแต่เพียงบทบัญญัติหรือปัจจัย
ที่ตราไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม  ผู้ใดก็ตามแม้ไม่รู้กฎหมาย  แต่ถ้าประพฤติปฏิบัติด้วยความสุจริตแล้ว ควรจะได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเต็มที่  ตรงกันข้ามคนที่รู้กฎหมายแต่ใช้กฎหมายไปในทางทุจริต  ควรต้องถือว่าทุจริต"
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร
วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๒
ศรีธนญชัยเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านไทย นิทานมุขตลกของคนเจ้าปัญญา ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือรู้จักกันในนาม “เซียงเมี่ยง”
ทุกวันนี้เป็นที่เข้าใจกันว่า ศรีธนญชัยเป็นแบบอย่างของการใช้ไหวพริบเพื่อเอาตัวรอด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ตนเองและผู้อื่นในแบบที่คนมักคิดไม่ถึง ผิดวิถีธรรมดา ใช้วาทศิลป์ ตรรกะทุกรูปแบบเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นตรรกะที่ผิด แต่ทำให้ดูเหมือนถูก
ศรีธนญชัยจึงมักถูกกล่าวถึงเปรียบเทียบกับคนฉลาดแกมโกง หรือฉลาดแต่โกง ที่ทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งสังคมวันนี้มีความซับซ้อนกว่าเมื่อก่อน วิธีการโกงจึงแยบยลกว่า ซับซ้อนกว่าตามไปด้วย
แต่เมื่อสังคมพัฒนาขึ้น เป็นสังคมประชาธิปไตยมากขึ้น คนมีส่วนร่วมทางสังคมการเมืองมากขึ้น คนฉลาดที่อยากโกงจึงทำได้ไม่ยากขึ้น เพราะวันนี้มีเทคโนโลยี มีกล้องวงจรปิด มีมือถือ มีกล้องบันทึกภาพบันทึกเสียง มีโซเชียล ให้บันทึกว่าเคยกล่าวเคยทำเคยแสดงออกเช่นไร
แต่ก็ยังมีคนเป็นศรีธนญชัยอยู่เสมอและเป็นปัญหาของระบบยุติธรรมไทย เรื่องกฎหมาย ตั้งแต่รัฐธรรมนูญมาจนถึงกฎหมายลูก กฎระเบียบที่ออกโดยกระทรวง หน่วยงานต่างๆ  โดยความเป็นศรีธนญชัยอยู่ในระบบโครงสร้าง ที่เกิดขึ้นบนฐานของตรรกะแบบนี้ที่บิดเบือนความถูกต้องเป็นธรรม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และความอยุติธรรมต่างๆ
แม้มีกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่ลดอำนาจของบางหน่วยงานลงให้เป็นเพียง "รับทราบ" แต่หน่วยงานนั้นก็ยังทำเหมือนว่าตนเองเป็นผู้ "อนุมัติ" อยู่ดี เพราะคุ้นเคยกับการใช้อำนาจควบคุม
ศรีธนญชัยอยู่ในอำนาจรัฐ การใช้อำนาจทำให้ผิดเป็นถูก ดำเป็นขาว พลิกแพลงเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม มีหลายมาตรฐาน ไม่มีธรรมาภิบาล
ตัวอย่างที่เป็นกระแสสังคมและทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นกระแสสร้างความสนใจของคนทั่วโลกตอนนี้ คือ กรณี นายบอส กระทิงแดง ขับรถหรูชนดาบตำรวจตาย ตอนตี5 แล้วประวิงคดี จนถึงการหลบหนีคดีหนีหมายจับไป 8 ปี หลายข้อหาหมดอายุความฟ้องไม่ทัน แต่สุดท้าย ยังมีการรื้อฟื้นคำสั่งฟ้องของอัยการเจ้าของสำนวนคดี จากรองอัยการสูงสุด และเปลี่ยนแปลงเป็นยกฟ้อง
ที่แปลกที่สุดคือ การมีหนังสือ ยกฟ้อง นี้เมื่อ 12 มิถุนายน 2563 แต่ทั้งประเทศยกเว้นผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ไม่มีใครได้ทราบ เข้าขั้นลับสุดยอด ลับที่สุดมากกว่าโผรายชื่อแต่งตั้ง ครม.เสียอีก มีการดำเนินการ เพื่อเพิกถอนหมายจับสากล จนกระทั้งสื่อต่างประเทศ เอาออกมาแสดงเมื่อ 23 กรกฎาคม 2563 (ผ่านไปเดือนครึ่ง) คนไทยและสื่อต่างๆในไทยจึงทราบเรื่อง และตีข่าว ติดตามข่าว เป็นกระแส จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง อัยการ ตำรวจ สภา และรัฐบาล ล้วนแต่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ทบทวน หาข้อบกพร่อง และแสดงพิสูจน์ว่าหน่วยงานของตนไม่ผิด ไม่ได้ทุจริต ไม่ได้บกพร่อง แต่ดังจน สื่อทั่วโลกเขาสนใจ และเอาไปวิจารณ์ถึง
ก็แค่คดีง่ายๆ ขับรถชนคนตาย ทำไมกระบวนการทำคดีถึงยากเย็น จนไม่สามารถนำขึ้นให้ศาลยุติธรรม พิจารณาความได้ คดีง่ายๆของทั่วโลก คดีที่ประเทศไทย มีตัวอย่างมหาศาล เพราะจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนน มีให้ทำเยอะแยะ จนช่ำชอง ช่องทางการทำคดี
เมื่อวานวันเดียว ก็มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 65 ราย และถ้านับยอดทั้งปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 กรกฎาคม 2563 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนมาแล้ว ถึง 8,572 ราย
มันจะยากอะไรหนักหนา ทำมากันทั้งนั้นทุกโรงพัก
ในคดีนี้เช่นกันเมื่อเกิดเหตุ ทางกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ก็ได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ สรุปออกมาบันทึกไว้ประมาณว่า
สิ่งที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางตรวจพบคือ :
1.พบรอยของเหลวรั่วจากเครื่องยนต์หน้ารถตลอดทางตั้งแต่ที่เกิดเหตุจนถึงบ้านที่มีรถหรูจอดอยู่
2.แต่ทางบ้านส่งตัวคนรับใช้มาเป็นผู้รับผิดแทน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ทำให้ต้องส่งตำรวจ 200 นายไปล้อมบ้าน จนผู้กระทำผิดออกมามอบตัว
3.พบรอยแผลช้ำจากเข็มขัดนิรภัยบนตัว บอส อยู่วิทยา ผู้กระทำผิด
4.เมื่อตรวจกล้องวงจรปิดพบว่ามีการใช้ความเร็วเกินกำหนดก่อนเกิดเหตุ
5.ผู้กระทำผิดอ้างว่าตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ปาดหน้า แต่ก็ไม่เป็นความจริงอีกเมื่อทำการวัด คำนวณ และตรวจสอบร่องรอยการชน พบว่าเป็นการชนแบบตรงๆ จังๆ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับพยานที่เห็นเหตุการณ์
(พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์)
พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้ง 5 ข้อกล่าวหา 
1. ขับรถขณะเมาสุรา
2. ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
3. ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย
4. ขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าพนักงาน
5. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
อัยการเจ้าของสำนวนก็ได้พิจารณาสั่งฟ้อง คดีง่ายๆ ส่วนเจ้าตัวจำเลย ก็พยายามประวิงคดี ตั้งแต่พยายามเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาในวันแรก ยื้อไปจนมีหมายจับ แต่ออกไม่ทัน ท่านบอสใช้สกิลเทพบินไปสิงคโปร์ก่อนหมายจับออกเฉียดฉิว แล้วท่องเที่ยวไปทั่วโลกตามประสาคนเงินไม่ต้องอิจฉา ส่วนเรื่องทางคดีขนาดผู้ต้องหาไม่อยู่ก็มีการดำเนินงานจนนำไปสู่การยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา แถม ผบ.ตร.ไม่คัดค้าน เป็นเหตุให้อ้างว่ากระบวนการยกฟ้องเป็นไปโดยสมบูรณ์ จบไปแบบแฮปปี้บอส
คดีจบแต่คนไม่จบ⚖😎
ตอนนี้ทั่วโลกคงต้องรอผลของ
คณะกรรมการทั้งหลายไปก่อนนะ
ข่าวมีออกมารายวัน เพื่อให้คณะกรรมการท่านโยนก้อนหินถามทางว่าจะไปจบสรุปกันตรงไหนดี ตรงไหนจะสวยงาม ตรงไหนจะใช้ความเป็นศรีธนญชัยให้ทางออกที่สวยงามได้ เหนื่อยใจแทนบรรดาทุกท่านจริงๆ คดีง่ายๆแต่ทำไมยุ่งยากกันจริง ที่มีการกระทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน
ข้อสงสัย
1. คดีนี้จบไปแล้วตามความเห็นสั่งยกฟ้อง จริงหรือไม่ ถ้าจะรื้อฟื้นฟื้นอย่างไร
2. ตกลงรถขับเร็ว หรือไม่ 555+ ขำขำ ไม่น่าถามแต่ดันมีเอามาเป็นทางออก
3. เรื่องเมาแล้วขับ ขยายมาจน เรื่องเสพสิ่งเสพติดแล้วขับ จนมาเรื่องหมอฟันและโคเคน น่าจะจบแล้ว ดาเคน สะกดเป็นโคเคนได้ไง
(แว๊ปเรื่อยเปื่อย เพิ่มเติม นิดนึง กรณีเสพยาเสพติดแล้วขับขี้ยานพาหนะ เป็นความผิดหรือไม่ นี่ลองขอข้อมูลที่ศาสพิจารณาและจ่ายส่วนแบ่งสินบนค่าปรับให้ตำรวจแต่ละจังหวัด ดูสิ เดือนๆข้อหาเสพแล้วขับนี่ ได้ไปจังหวัดละเท่าไร ไปดูแล้วจะได้ไม่ต้องถามว่าชำนาญกันแค่ไหนแต่ละจังหวัด 55+)
ส่วนเรื่องการพิจารณายกฟ้อง นี่เปื่อย งงเป็นอันมาก เพราะเคยเห็นแต่ กรณี อัยการเจ้าของสำนวน สั่งไม่ฟ้อง เป็นเหตุให้คดียุติ จะต้องส่งให้ตำรวจและผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา ซึ่งอาจเห็นแย้งให้ฟ้อง ถ้าขัดกันจึงให้ส่งอัยการสูงสุด โดยเจตนาการให้อำนาจอัยการสั่งไม่ฟ้องนี้เพื่อลดภาระงานของศาลยุติธรรม แต่ให้มีการกลั่นกรองเพื่อรักษาความยุติธรรม และเพื่อให้คดีที่มีมูลได้เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรม แต่ไม่มีข้อกฎหมายใด ที่ไปก้าวล่วงความเป็นอิสระของท่านอัยการเจ้าของสำนวนที่พิจารณาสั่งฟ้อง ให้กลายเป็นยกฟ้องได้ต้องเป็นเรื่องของการพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น ฉะนั้นจึงอยากได้รู้ข้อมูลว่า เอาข้อกฎหมายและอำนาจใดมายกฟ้องคดีนี้ เปื่อยเป็นงง 55+
(แถมยังกระทำการลับๆอีกด้วย)
"กฎหมายนั้น โดยหลักการแล้วจะต้องบัญญัติขึ้น ใช้เป็นอย่างเดียวกันและเสมอกันหมดสำหรับคนทั้งประเทศ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้กฎหมายจะต้องตระหนักในความรับผิดชอบของตนเองอยู่ตลอดเวลา ในอันที่จะใช้กฎหมายเพื่อธำรงรักษาและผดุงความยุติธรรม"
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๓
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๒
ขออภัยท่านผู้อ่าน เปื่อยก็บ่นไปเรื่อย ไม่มีอะไร วันนี้ว่างเลยอยากบ่นกับเขาบ้าง เดี๋ยวตกเวที 55+
โฆษณา