3 ส.ค. 2020 เวลา 03:55 • ครอบครัว & เด็ก
1 ปีของการมีลูก ไม่น่าเชื่อว่ามันสอนให้เราเข้าใจชีวิตหลายอย่าง แบบที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน นี่คือรีวิว สิ่งที่ได้รับรู้จากการมีลูกจนถึงปัจจุบัน ของวิเคราะห์บอลจริงจัง
ลูกสาวผมใกล้จะมีอายุ 1 ขวบแล้วครับ
เชื่อไหมว่า ในช่วง 1 ปีของการมีลูก เป็นช่วงที่ผมได้เข้าใจสัจธรรมของชีวิตเยอะมากจริงๆ
ลูกของผมเกิดวันที่ 12 สิงหาคม เวลา 7.14 น. ผมเป็นคนแรกต่อจากหมอ และพยาบาล ที่ได้อุ้มเขา ผมได้เห็นหน้าลูกสาวก่อนที่ภรรยาที่เป็นคนคลอดจะเห็นเสียอีก
ในวันแรกที่มีลูก ผมยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ คือโอเค เรารู้สึกได้ว่ามีเรื่องต้องรับผิดชอบมากขึ้น แต่ยังไม่ได้แบบ เฮ้ย สมองสว่างวาบ กลายเป็นคนใหม่ในทันที มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น
ทว่านับวันที่ค่อยๆผ่านไป มันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับตัวเราเอง โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว แต่พอมองย้อนกลับไปตอนลูกเพิ่งเกิด กับตอนนี้ 1 ขวบ เราถึงรู้ว่า "เราเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วจริงๆ"
-----------------------
[1- รู้ว่าพ่อแม่ไม่เคยลดความรักจากเราลงไปเลย]
เป็นคำที่ Cliche มาก ที่คนบอกกันเสมอว่า เราจะรู้สึกถึงความรักของพ่อแม่อย่างถ่องแท้ ก็ต่อเมื่อตัวเองมีลูก
ซึ่งพอเรามีลูกแล้ว ต้องยอมรับว่า ความซ้ำซากของประโยคนั้น มันคือเรื่องจริง
ผมกับภรรยา เราคุยเรื่องลูกทุกอย่าง วันนี้ลูกมียุงกัดหนึ่งที่ วันนี้ลูกคลานไปชนขอบประตู วันนี้ลูกตีลังกาท่าพิสดาร เราสนใจทุกรายละเอียด ทุกดีเทลของเขา
ผมก็มั่นใจนะ ว่าต่อให้โตไป ลูกสาวผมจะคิดอะไร จะชอบสิ่งไหน เราก็จะสนใจในสิ่งที่เขาเป็นต่อไป
เราอยากเห็นเขาพัฒนาการทุกวัน อยากเห็นเขาเติบโต อยากเห็นเขามีความสุข อยากอยู่ใกล้ๆตอนเขาร้องไห้
มาจุดนี้ผมก็ย้อนคิดถึงตัวเองเหมือนกัน คือพอเราโตขึ้น ผมคุยกับพ่อแม่น้อยลง คือเราก็ใช้ชีวิตของตัวเองไป ซึ่งพ่อแม่ก็เข้าใจดี
แต่ผมว่าพ่อแม่ก็คงคิดเหมือนผมตอนนี้ คืออยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูก ผมไปทำอะไรมา คิดอะไรอยู่ เขาเองก็คงอยากรู้ทุกอย่าง แต่เมื่อลูกโตแล้ว จะมาคาดคั้นมันก็ใช่เรื่อง เพราะเด็กคนนั้นก็มีชีวิตของตัวเองแล้ว
แต่มาคิดดูแล้ว ความรักที่ผมมีให้ลูก ไม่ได้ต่างอะไรกับที่พ่อแม่มีให้ผมเลย คือเต็มไปด้วยความปรารถนาดีให้ลูกเสมอ ซึ่งกว่าเราจะเข้าใจเรื่องนี้ก็เมื่อเรามีลูกจริงๆ
-----------------------
[2- ลูกโตขึ้นทุกวันจริงๆ]
ในช่วง 1 เดือนแรก ลูกจะนอนหลับเยอะมาก ยังไม่ร่าเริงนัก เขาเองพยายามปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่อยู่
แต่จากนั้น ทุกๆวัน เราจะเห็นเขาเติบโตขึ้น ลูกแอดมินตอนสองเดือนแรก นอนคว่ำอยู่แต่จะไม่สามารถพลิกตัวให้นอนหงายได้ พอทำไม่ได้ ก็ร้องไห้แงๆ แต่พอผ่านไปสัก 3-4 เดือน คราวนี้พลิกหน้า พลิกหลังอย่างชำนาญมากๆ
จากเด็กตัวเล็กๆ ที่ร้องไห้กับทุกคนที่เข้าใกล้ ยกเว้นคุณแม่คนเดียวเท่านั้นที่เอาอยู่ เขากลายมาเป็นเด็กยิ้มเก่ง หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ชอบทำหน้าประหลาด
ผมชอบดูเขาแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆในแต่ละวัน อย่างเช่นคลานอยู่บนพื้นบ้าน เขาก็จะคิดด้วยสมองเล็กๆของเขานั่นแหละ ว่าทำอย่างไร ถึงจะปีนขึ้นไปโซฟาได้ ต้องไปหาลากอะไรสักอย่างมาเพื่อปีนขึ้นไปไหม หรือคลานมาไต่พ่อเพื่อใช้เป็นบันได ให้ปีนขึ้นได้สำเร็จ
การได้เห็นเขาเติบโตไปทีละเล็ก ทีละน้อย มันมีความสุขมาก ผมก็อธิบายไม่ถูก แต่เราไม่อยากพลาดอะไรสักอย่างเลย ทุกโมเมนต์ในชีวิตเขา เราอยากอยู่ตรงนั้นทั้งหมด
อีกจุดหนึ่งที่ผมคิดบ่อยๆ คือ ลูกสาวกับคุณพ่อ ถึงจุดหนึ่งตอนลูกโตแล้ว คุณพ่อก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมจะมากอด มาหอมอะไรแบบสมัยเด็กๆ มันก็คงไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสได้กอดเขา ณ เวลานี้ ผมจะจดจำความรู้สึกไว้นานๆ ให้อีกหลายๆปี เพื่อให้ตลอดชีวิตที่เหลือ จะได้ไม่ลืมช่วงเวลาเหล่านี้
[3- หลายๆอย่างรอได้]
เมื่อก่อน ผมจะห่วงเรื่องงานเป็นอันดับหนึ่ง มือถือจะเตรียมพร้อมตอบไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ตอนไปเที่ยวกับแฟน เคยไปต่างจังหวัดกันแล้วผมนั่งเปิดแล็ปท็อปทำงานอย่างเดียว ก็มีมาแล้ว
แต่พอมีลูก ผมถึงเข้าใจว่า มันไม่ใช่ทุกอย่างที่เราต้อง response โดยทันที เราต้องจำแนกความสำคัญว่า อะไรที่ยังไงก็ต้องทำเดี๋ยวนี้ และอะไรที่ต่อให้ทำช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร
ลูก และคนรัก ต้องการ quality time จากเรา คือเวลาดีๆ ที่อยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูกอย่างมีความสุข โดยที่ใจไม่ไปโฟกัสเรื่องอื่นเลย
ตอนมีลูกใหม่ๆ ผมยังจำแนกเวลา และความสำคัญของสิ่งต่างๆไม่เป็น มีครั้งหนึ่งทะเลาะกับแฟน แล้วเขาบอกว่า ถ้าหากไม่สามารถให้เวลากับลูกได้ แล้วคิดจะมีลูกทำไม
ถึงจุดนั้นผมก็เลยคิดได้ มันก็จริงอย่างที่เธอพูดจริงๆ มันไม่ใช่ทุกอย่างบนโลก ที่เราต้องรีบทำโดยทันที เราสามารถแบ่งเวลามาให้ครอบครัวได้ก่อน เราสามารถจัดสรรเวลาให้ดีกว่านี้ได้
พอมีลูกแล้วมันจะเข้าใจในการแบ่งความสำคัญเลย ว่าเราไม่ต้องรีบไปทุกอย่างหรอก เพราะบางอย่างมันก็รอได้จริงๆ
[4- มีลูกใช้เงินเยอะกว่าที่คิด]
การเลี้ยงลูกไม่ได้แปลว่าคุณต้องใช้เงินมากมาย คนจำนวนมาก ใช้เงินทองไม่ได้เยอะ แต่ก็สามารถส่งเสริมให้ลูกเติบโตเป็นคนดี คนเก่ง ของสังคมได้
แต่แม้จะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ในโลกแห่งความจริง การมีลูกนั้น แปลว่าคุณต้องพร้อมทางการเงินแล้วประมาณหนึ่ง เพราะค่าใช้จ่ายมันก็เยอะมาก
คือผมเองไม่ได้อยากจะใช้จ่ายฟุ้งเฟ้ออะไร แต่เราก็อยากให้เขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี อยากให้เขาปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ มากับเงินทั้งนั้น
ประกันชีวิตของเด็กทารกแรกเกิด 55,000 บาทต่อปี แพงไหมก็แพง แต่ถ้าลูกเราเป็นโรคอะไรรุนแรงขึ้นมาล่ะ มีประกันไว้มันก็สบายใจกว่า
หรืออย่างค่าโรงพยาบาลในกรุงเทพถ้าคุณคลอดเอกชนราคาก็ไม่เบาเลย อย่างแอดมินตอนภรรยาคลอดที่ร.พ.บีแคร์ เกิดมีโรคแทรกซ้อนกะทันหันต้องผ่าตัดเพิ่ม สรุปค่าคลอดจ่ายไป 60,000
สิ่งจำเป็นอื่นๆ พอคลอดแล้ว มันใช้เงินทั้งนั้น เช่นค่าตรวจรักษาโรค ฉีดวัคซีน การซื้อคาร์ซีท รถเข็น เก้าอี้นั่งกินข้าว คือของเหล่านี้มันใช้เงินกันหมด ต่อให้คุณประหยัดแค่ไหน แต่บางเรื่องมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจ่าย
ดังนั้นการมีเงินเก็บไว้ส่วนหนึ่งจึงจำเป็นมาก
มีลูกใครๆก็เลี้ยงได้ นั่นคือเรื่องจริง แต่เลี้ยงมาแบบไหน นั่นคือคำถาม เลี้ยงให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัยเพียงพอหรือเปล่า
ถ้าเราหาเงินเพิ่มไม่ได้ ก็ต้องมีวินัยทางการเงินมากกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้หลังจากมีลูกจริงๆ
[5- เราไม่อยากให้เขาฝังใจกับสิ่งไม่ดี]
อันนี้ เป็นสิ่งที่เกิดกับผมนะครับ ผมเองนั้นกลัวมาก ที่จะทำอะไรสักอย่างให้ลูกฝังใจ เพราะมันอาจเป็นรอยแผลในใจของเขาไปตลอด
ในอดีตตอนผม อยู่ ม.1 ผมอ่อนวิชาคณิตศาสตร์มาก เลยให้พ่อสอนให้หน่อย ซึ่งพ่อก็สอนในโจทย์ที่ง่ายมากๆ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ จนทำให้พ่อหงุดหงิด เผลอตบหัวผมไปทีนึง แบบไม่แรงเท่าไหร่
จากนั้นไม่กี่นาที พ่อก็ขอโทษนะครับ ผมรู้ว่าพ่อเสียใจ คือบ้านผมไม่เคยมีการทำร้ายกันอยู่แล้ว แต่ครั้งนั้นผมคงแบบคงโง่จริงๆ จนพ่อน็อตหลุด
1
นั่นกลายเป็นแผลในใจของผมเกี่ยวกับวิชาเลขไปเลย ผมเกลียดเลขสุดๆ และปล่อยเบลอคณิตศาสตร์ไปเลย ตอนเอ็นทรานซ์ ผมสอบวิชา คณิตศาสตร์ ได้ 28 คะแนนเต็ม 100 ซึ่งก็ไม่ได้เกินคาดอะไร
เรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ ผมก็พยายามจะระวังไม่ให้ตัวเองเผลอทำอะไรไป ที่จะเป็นแผลในใจจนลูกไม่ลืม
8
ตอนนี้ลูกแอดมินขวบนึง ก็อาจจะยังไม่ได้รู้ความมากนัก แต่ผมก็จะคอยเตือนตัวเองเอาไว้เรื่อยๆนะ
[6- เราจะทำดีกับภรรยามากขึ้น]
แอดมินรักภรรยาอยู่แล้วนะครับ เธอเองก็รู้ดี แต่พอมีลูกแล้ว เราคิดว่าตัวเองควรทำดีกับเธอให้มากกว่านี้อีก
กระบวนการการมีลูก ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องสูญเสียอะไรไปหลายอย่างมาก ตั้งแต่แฟนผมตั้งครรภ์ เธอต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบยี่สิบกิโลกรัม เพื่อแบกเด็กคนหนึ่งไว้ในท้อง
จะเดินเหิน จะทำอะไรก็ไม่สะดวก ปวดท้อง ปวดหลัง คนที่เคยปราดเปรียวมั่นใจ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนเดิม
จากนั้นพอคลอดแล้ว แม้ลูกจะออกไปจากตัวแล้วก็จริง แต่น้ำหนักที่เพิ่มมา ราว 15-20 กิโลฯ มันต้องใช้เวลานานมากๆ กว่าจะขจัดออกไปได้
ลองนึกภาพผู้หญิงที่ก่อนท้อง เขาสวย เขามั่นใจ แล้วอยู่ๆ ก็น้ำหนักขึ้น ทำอะไรยากขึ้น คิดดูสิว่ามันจะทรมานแค่ไหน
จากนั้นพอคลอด ก็ต้องให้นมลูก ไม่ได้หลับได้นอน ลูกอยากกินเมื่อไหร่ก็ต้องให้นมตอนนั้น แล้วถ้าน้ำนมไม่มีก็เครียดอีก เพราะกลัวลูกจะขาดสารอาหาร
ผู้หญิงมีความเครียดมากขึ้น ตั้งแต่เริ่มท้อง ไปจนถึงหลังคลอดออกมาแล้ว ดังนั้นผมคิดว่า ในฐานะสามี เราควรแบ่งเบา ไม่ใช่เอาภาระไปเพิ่มให้เธอ
ดังนั้นอะไรที่ผมยอมได้ ผมก็จะยอมมากขึ้น นิดๆหน่อยๆ ก็ช่างมันเถอะ เรารู้อยู่แล้วว่าเรารักกัน จะใช้พลังงานทะเลาะกันทำไมก็ไม่รู้
เราก็ยังมีการโต้เถียงกัน เหมือนสามีภรรยาทั่วไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือมันจบเร็ว และไม่ติดใจกัน ซึ่งก็เป็นสิ่งดีนะ
และที่เหนืออื่นใด ถ้าภรรยามีความสุข เธอจะเอาความสุขนั้นส่งต่อไปให้ลูกด้วย จริงไหม
เราอยากให้ลูกของเราเติบโตมากับแม่ที่เครียดตลอดเวลา หรือแม่ที่มีความสุขล่ะ ดังนั้นถ้าเรารักลูก เราก็ควรทำดีกับแม่ของลูกด้วย มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่ จริงไหม
[7- แคร์คนใกล้ตัว อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่สำคัญในชีวิต]
เมื่อก่อน ผมเป็นคนแคร์สายตาคนรอบตัวมาก อย่างเช่น ในหน้าวอลล์ facebook ผมจะไม่โพสต์อะไรเลย โพสต์ประมาณปีละ 1-2 ครั้ง เพราะกลัวว่า จะรกหน้าฟีดคนอื่น กลัวเขาจะมองว่าเราเป็นพวกเยอะ
แต่พอมีลูก ผมลงรูปลูกสาวแทบทุกวันเลยใน facebook คือต้องการบันทึกเรื่องราว และการพัฒนาการของลูกเอาไว้ในโลกออนไลน์ รวมถึงอยากให้พ่อแม่ผม ได้เห็นหลานบ่อยๆด้วย
ถึงจุดนี้ผมรู้สึกว่า เราจะไปแคร์คนอื่นทำไมอะ โพสต์ก็โพสต์ไปเถอะ ถ้าเขาจะรำคาญเรา มันคือปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา ถ้าเขารำคาญก็อันฟอลโลว์ อันเฟรนด์ หรือบล็อกไปแค่นั้น ทางแก้มันมีอยู่แล้ว
เราจะปล่อยให้คนอื่นมามีอิทธิพลต่อการกระทำของเราขนาดนั้นได้อย่างไร ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ
ใครที่เขาไม่ชอบในสิ่งที่เราเป็น เราจะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็ปล่อยเขาไป ชีวิตนี้มันสั้นนัก เดี๋ยวอีกไม่กี่สิบปีเราก็ตายกันแล้ว ทำเรื่องที่มีความสุข และอยู่กับคนที่รักเราดีกว่า
1
1 ปี ของการมีลูก นี่คือเรื่องที่ผมได้เรียนรู้ครับ
ผมกับภรรยา เราเคยคุยกันก่อนแต่งงานว่า เราอาจจะไม่มีลูกก็ได้ แต่พอแต่งแล้ว และเขามาเกิดบนโลกนี้จริงๆ ยังไงดี เราบอกได้แค่ว่า เขาคือความมหัศจรรย์จริงๆ
เด็กตัวกระเปี๊ยกอายุ 1 ขวบ ที่ได้แต่อ้อแอ้ๆ เธอจะรู้ไหมนะ ว่าได้สอนให้พ่อได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย
ในวันที่อัลตร้าซาวด์สี่มิติ แล้วเห็นหน้าลูกสาวของผมครั้งแรก ผมเคยโพสต์สเตตัสหนึ่งเอาไว้ และมาจนถึงวันนี้ ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม
สเตตัสที่ผมเขียนคือ
"สิ่งเดียวที่ขอ คือขอให้เธอแข็งแรง
พลังใดๆทั้งหมดในชีวิต ทุกอณูและจิตวิญญาณ ฉันยินดียกมันให้เธอ"
#MYGWEN11M20D
โฆษณา