3 ส.ค. 2020 เวลา 04:10 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
5G ยังมาไม่เต็มแต่ 6Gเริ่มพัฒนาแล้ว
โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การแข่งขันเพื่อพัฒนา 6G ระหว่างประเทศมหาอำนาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีบริษัทอย่าง “ซัมซุง” และ “หัวเว่ย” เป็นแนวหน้าในการช่วงชิงชัยครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศักยภาพในการพัฒนาสถานีฐานซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดเครือข่ายในอนาคต ซึ่งการมีบริษัททั้งสองแห่งได้ส่งผลให้ “จีน” และ “เกาหลีใต้” ถือไพ่เหนือกว่าในการแข่งขันครั้งนี้ ขณะ “ญี่ปุ่น” ก็ได้พยายามพัฒนาเพื่อไล่กวดทั้งสองประเทศที่กล่าวมา รวมถึง “สหรัฐ” ที่เตรียมใช้จุดแข็งของประเทศจากการผลิตชิพประมวลผลเพื่อเป็นเรือธงในการช่วงชิงชัย
ทั้งนี้ รายงานระบุว่าการกำหนดมาตรฐานของเทคโนโลยี 6G จะถูกเริ่มต้นในปี 2023 ซึ่งคาดว่าบริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์จะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องก่อนปี 2027
ก่อนไป6G มารู้ ข้อดีคร่าวๆของ5G กันก่อน
1.5 G เร็วกว่า4 G 20เท่า
2.ปริมาณการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพื้นที่มากกว่า4Gเกือบ10เท่า
3.ความเร็วในการตอบสนองเพิ่มขึ้นจาก40MSเหลือเพียง1MS แทบจะเรียลไทม์ ดังเช่นคุณจะเล่นเกมหรือดูหนังแทบไม่รู้สึกถึงความหน่วงของภาพเลยทีเดียว
6G มาแล้วแตกต่างจาก 5G อย่างไร
ซึ่งความแตกต่างอันดับ 1 ก็คือในเรื่องของความเร็ว โดยในปัจจุบันนี้ 6g กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา แต่ก็มีการวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าความเร็วของ 6g นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1 TERABIT/วินาที หรือพูดง่ายๆ ก็คือประมาณ 100 เท่าของ 5g และจะมีในเรื่องของ AI เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สำหรับความเร็วในระดับนี้จะทำให้การประมวลผลของ AI เชื่อมต่อการทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีความสามารถในการช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้ใช้งานได้ทันที ถึงแม้ปัญหานั้นจะมีความซับซ้อนมากก็ตาม ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ในเมือง NEW YORK ประเทศสหรัฐอเมริกาใน 1 วันจะมีรถยนต์จำนวนประมาณ 3 ล้านคันวิ่งเข้าออกในเมืองหลวงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นสมองกล AI จะทำการประมวลผล เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ไร้คนขับได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาในเรื่องของรถติดจำนวนมหาศาลเลย
*** ตรงจุดนี้สำคัญมากต่อการเชื่อมโยง autonomous car ของ อีลอน มัส เพราะจากการที่อีลอน มัส คิดว่าจะทำรถยนต์ไร้คนขับ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้แม้มี5G ต้องรอ6Gก่อนและจะเริ่มพัฒนาเต็มรูปแบบที่ประกาศจีน ตอนนี้จึงเห็น จีน เร่งพัฒนา6Gไปแล้ว ที่ต้องรอ6g เพราะนอกเหนือจากความเร็วแล้ว ยังต้องการเสถียร์ภาพของสัญญาณ เพราะความปลอดภัยนั้นสำคัญมากกว่าอื่นใด และนอกจากจะนำไปใช้ใน รถยนต์ ไร้คนขับของTesla แล้วยังนำไปใช้ในระบบ E-Payment การชำระเงินหรือทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านเครือข่ายไร้สายในโลกไร้เงินสด รวมถึงจีนเร่งพัฒนา digital currency นั่นเอง ทั้งนี้ แม้ว่าเทคโนโลยี 6G ของจีนนั้นยังอยู่ใน"ขั้นต้น" อีกทั้งยังไม่ชัดเจนในเชิงเทคนิคว่าลักษณะของ6Gในจีนจะเป็นเช่นไร แต่ก็แสดงให้เห็นว่าจีนมุ่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคต โดยหวังให้ก้าวต่อไปของจีนในทศวรรษหน้า จีนจะสามารถผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยีของโลก ควบคู่กับการเป็นมหาอำนาจทางการค้าในปัจจุบัน
-โดย6G จะมาพร้อมเทคโนโลยีAI ที่เรียกได้ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นหลายเท่า AI นี้จะครอบคลุมไปในทุกวงการ ทั้งการแพทย์ การเงิน ธุรกิจ รถยนต์ การศึกษา และหลายอุตสาหกรรม
-เร็วๆนี้จะทำPodcast เล่าเกี่ยวกับ6G นะครับเผื่อใครสะดวกฟังมากกว่าอ่าน ในหัวข้อ6G ผู้มีAI อยู่เบื้องหลัง
โฆษณา