ระบบปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวนี้ยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ ยังพบข้อผิดพลาด เช่น “Those musicians harmonize marvelously” ถูกแปลเป็น “The spinach was a famous singer” หรือ “A roll of wire lay near the wall” ถูกแปลเป็น “Will robin wear a yellow lily” อย่างไรก็ตามความถูกต้องแม่นยำของระบบที่พัฒนาใหม่นี้ยังสูงกว่าวิธีการก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก โดยค่าความถูกต้องแม่นยำนั้นมีความแตกต่างกันระหว่างบุคคล โดยพบว่าผู้เข้าร่วมวิจัยท่านหนึ่ง มีอัตราความผิดพลาดสำหรับการแปลประโยคเพียง 3% ซึ่งน้อยกว่านักถอดเสียงมืออาชีพที่มีอัตราความผิดพลาดในการแปลประโยคอยู่ที่ 5%
นอกจากนี้จากผลการทดลองยังพบว่า ถ้าแปลประโยคอื่นนอกเหนือจาก 50 ประโยคที่ใช้นั้น ความถูกต้องจะลดลง Dr. Joseph Makin กล่าวเสริมว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังพัฒนานี้ค่อนข้างจะขึ้นกับการผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ประโยคที่เฉพาะเจาะจง การแยกแยะคำจากการทำงานของสัญญาณประสาทในสมอง และการรับรู้รูปแบบทั่วไปในภาษาอังกฤษ
Dr. Christian Herff ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแมสทริชท์ (Maastricht University) ผู้ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้ กล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการวิจัยที่น่าสนใจ เพราะระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ใช้เวลาน้อยกว่า 40 นาทีสำหรับการฝึกอัลกอริทึมด้วยข้อมูลของผู้เข้าร่วมวิจัยแต่ละคน แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายล้านชั่วโมงที่โดยทั่วไปจำเป็นต้องใช้ และกล่าวอีกว่า “ด้วยความสามารถเช่นนี้ จะทำให้บรรลุระดับความแม่นยำที่สูงขึ้น” อย่างไรก็ดี เขาตั้งข้อสังเกตว่า ระบบนี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้สำหรับผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางด้านการพูดหรือการพิมพ์ข้อความได้ เนื่องจากระบบนี้ยังต้องอาศัยการศึกษาการทำงานของสัญญาณประสาทในสมองที่บันทึกจากการพูดออกเสียง Dr. Christian Herff กล่าวเสริมว่า “มันไม่ใช่การอ่านความคิด แต่เป็นการถอดรหัสการทำงานของสัญญาณประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับการพูด ดังนั้น ผู้คนไม่ควรต้องกังวลเกี่ยวกับการที่คนอื่นจะอ่านความคิดของพวกเขา”
Dr. Mahnaz Arvaneh ผู้เชี่ยวชาญด้านฺการติดต่อสื่อสารระหว่างสมองและเครื่องจักร (Brain-Machine Interface) จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ (Sheffield University) กล่าวว่า