5 ส.ค. 2020 เวลา 15:18
ที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องที่ชาวเกาหลีเหนือบางส่วนพยายามที่จะหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อที่จะไปเริ่มต้นใหม่ในประเทศอื่น โดยมีประเทศเกาหลีใต้เป็นชื่อที่อยู่ในลำดับต้นๆ
1
การจะหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะใช้เวลาเดินทางเป็นเดือนๆ ผ่านหลายประเทศ หากว่าโชคร้ายถูกจับได้กลางทางก็จะถูกส่งตัวกลับ แต่ก็มีบางส่วนที่เสียชีวิตขณะหลบหนีก็มี
แน่นอนว่าการถูกส่งตัวกลับเกาหลีเหนือไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ชะตากรรมที่รออยู่ข้างหน้าก็คือการถูกส่งตัวไปใช้แรงงานยังค่ายกักกัน หรือไม่ก็อาจจะถูกประหารชีวิต
แต่หากโชคดีสามารถหลบหนีไปยังเกาหลีใต้ได้สำเร็จก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างที่หวัง ต่างต้องดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอย่างที่ฝันไว้
โดยผู้ชายก็จะไปทำงานใช้แรงแลกกับค่าจ้าง ส่วนผู้หญิงหากไม่แต่งงานก็อาจจะถูกล่อลวงให้ไปขายบริการ ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จกับชีวิตใหม่บนแผ่นดินเกาหลีใต้
4
📌เรื่องราวของครอบครัวคิมฮันมี...
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อครอบครัวชาวเกาหลีเหนือครอบครัวหนึ่งได้พยายามที่จะหลบหนีเข้าไปยังสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งตัวกลับไปยังประเทศเกาหลีเหนือ
โดยครอบครัวของ "คิมฮันมี" ประกอบไปด้วย พ่อแม่ อา และย่า ทั้งหมดได้พยายามที่จะหลบหนีออกมาจากเกาหลีเหนือหลังจากที่ "ปู่" ของฮันมีถูกส่งตัวไปใช้แรงงานที่เหมืองทองแดง
ต่อมาในปี 1997 ก็ถูกส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำสำหรับขังนักโทษการเมืองเนื่องจากไปแสดงความไม่พอใจต่อคำพูดของท่านผู้นำคิมจองอิล และเสียชีวิตลงที่เรือนจำแห่งนี้ในเวลาต่อมา
1
ครอบครัวของฮันมีกลัวว่าอาจจะถูกลงโทษไปด้วยจึงได้พยายามหลบหนีข้ามชายแดนในปี 1999 โดยขณะนั้นแม่กำลังตั้งท้องเธออยู่และได้คลอดฮันมีขณะหลบซ่อนอยู่ที่ประเทศจีน
ภาพครอบครัวขณะที่คิมฮันมีเพิ่งจะเกิด
โชคไม่ดี...ขณะที่พยายามที่จะหลบหนีข้ามพรมแดนจีนไปยังเกาหลีใต้ครอบครัวของฮีนมีทั้ง 5 ชีวิตก็ถูกจับได้ และถูกส่งไปควบคุมตัวที่บ้านหลังหนึ่งเพื่อรอส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือ
"สถานทูต" คือความหวังสุดท้ายที่พวกเค้ามี เพราะหากว่าทุกคนสามารถวิ่งเข้าไปยังภายในรั้วของสถานทูตได้ ก็จะรอดพ้นจากการถูกส่งตัวกลับไปยังเกาหลีเหนือ
และสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศจีนก็คือตัวเลือกนั้น...
คิมฮันมีกับพ่อและแม่
โดยแผนการก็คือ วิ่งไปให้สุดฝีเท้าอย่าได้หันหลังกลับมาแม้ว่าใครบางคนจะถูกจับตัว
ในวันนั้นคนที่จะต้องอุ้มคิมฮันมีวัย 2 ขวบเข้าไปข้างในก็คือพ่อ แต่วันนั้นเธอไม่สบายและไม่ยอมห่างแม่ แม่จึงต้องเป็นคนอุ้มเธอเข้าไปโดยมีพ่อวิ่งนำหน้า โดยมีแม่ อา และย่าวิ่งตามมาติดๆ
พ่อกับอาสามารถวิ่งเข้าไปในสถานทูตได้อย่างรวดเร็ว ส่วนแม่กับฮันมีและย่าถูกเจ้าหน้าที่พยายามเข้าขัดขวาง
แม่ของฮันมีพยายามที่จะดิ้นรนให้หลุดจากการถูกจับตัวจนกระทั่งฮันมีถูกดึงจนตกลงไปที่พื้น
1
ทันทีที่เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เกิดกระแสการเรียกร้องจากนานาประเทศให้มีการยื่นมือเข้าช่วยเหลือครอบครัวนี้
หลังจากที่ได้มีการหารือกันระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เพื่อหาทางออก
ในที่สุด... ครอบครัวของคิมฮันมีก็ได้เดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอีก 15 วันถัดมา...
ภาพขณะที่ครอบครัวเดินทางไปถึงสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้
ต่อมาในปี 2011 พ่อของคิมฮันมีก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ในเกาหลีใต้ว่า...
การปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เมื่อมาถึงเค้าก็ได้เปิดร้านรับซ่อมคอมพิวเตอร์โดยการช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือการตั้งถิ่นฐานในเกาหลีใต้ แต่น่าเสียดายที่ต้องปิดกิจการลงในปีถัดมา...
ถึงตรงนี้เค้าก็หยุดเช็ดน้ำตาแล้วกล่าวว่า
..."เราเป็นเหมือนคนป่าที่เข้ามาในโลกที่ศิวิไลซ์ มันทำให้เราเป็นเหมือนกับเด็กทารกที่จะต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ทั้งหมด"...
10 กว่าปีถัดมา...
คิมฮันมี ในวัย 16 ปีขณะใช้ชีวิตในประเทศเกาหลีใต้ เธอก็เหมือนๆ กับวัยรุ่นทั่วๆ ไปที่ชื่นชอบศิลปิน K-Pop
และเมื่อถูกถามว่า จะเป็นยังไงหากว่าวันนั้นครอบครัวถูกส่งตัวกลับเกาหลีเหนือ...?
เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า...
..."พวกเราก็จะอดตาย"...
ผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือที่หลบหนีมายังประเทศอื่น ต่างประสบกับปัญหาเดียวกันคือ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมใหม่ๆ
อีกทั้งยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด หลายคนเสี่ยงชีวิตหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือด้วยความหวังว่าจะพบกับชีวิตที่ดีกว่าเดิม
แต่ชีวิตจริงมันไม่ง่ายเลย... ด้วยปัญหาการเงิน, การปรับตัว, หนี้สิน ทำให้มีหลายต้องมาจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายในแผ่นดินที่พวกเค้ายอมเสี่ยงตายเพื่อที่จะมาอยู่ในดินแดนในฝันนี้...
โดยมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่สามารถเอาตัวรอด และประสบความสำเร็จในชีวิต...
เรื่องสยองขวัญกับคดีฆาตกรรม
By... ♥️แอดมิ้นท์♥️
ที่มา :
โฆษณา