6 ส.ค. 2020 เวลา 02:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
FOCUS : 4 ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังเป็นเจ้าหนี้ของธุรกิจต่าง ๆ อยู่กว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งรอการผ่อนชำระ ขณะที่ลูกหนี้ได้ขอเลื่อนการจ่ายเงินออกไปจากช่วงกลางปีนี้
Bloomberg รายงานว่า ณ ปัจจุบันนี้ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่งของสหรัฐฯ คือ JPMorgan, Wells Fargo, Bank of America และ Citigroup กำลังเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งมีมูลค่าที่รอการผ่อนชำระรวมกันสูงถึง 1.515 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่ฝั่งลูกหนี้ซึ่งมีทั้งธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงกลาง รวมถึงเจ้าของบ้านต่าง ๆ ได้ร้องขอเพื่อเลื่อนการชำระหนี้ออกไปท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 โดยกำหนดการเดิมของวันชำระหนี้ก็คือช่วงกลางปีนี้
การปล่อยกู้ของธนาคารต่าง ๆ จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของบัญชีลูกค้า โดย Bank of America ได้เสนอการเลื่อนชำระหนี้ประเภทบัตรเครดิตออกไปเป็นระยะเวลา 60 วัน และ JPMorgan ก็ได้อนุญาตให้ลูกหนี้ยื่นเรื่องขอผ่อนปรนระยะเวลาชำระหนี้ไปอีก 3 เดือนจนถึง 1 ปีในธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย (Residential mortgages)
ส่วนทาง Citigroup และ Well Fargo ก็ได้เปิดเผยรายละเอียดของการเลื่อนเวลาในการรับชำระหนี้ออกไปสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งพวกเขาได้ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ฯ
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาของการระบาดและผลกระทบจากการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจโลก ได้ทำให้ธนาคารหลายแห่งต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตัดสินใจว่าหนี้จำนวนมากแค่ไหนของพวกเขาที่กำลังจะกลายเป็นหนี้เสียในอนาคต
JPMorgan, Wells Fargo, Bank of America และ Citigroup ได้ตั้งทุนสำรองหนี้เสียไว้มากกว่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งใกล้กับระดับสูงสุดตลอดกาลรายไตรมาส และนี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่ามาตรการผ่อนปรนของพวกเขาอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับหนี้เสียซึ่งมีอยู่อย่างมหาศาลในปัจจุบัน
การเปิดตัวโครงการกู้ยืมอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้บรรเทาความเสียหายทางการเงินให้กับหลายล้านครัวเรือน และยังช่วยให้สภาคองเกรสมีระยะเวลาในการตัดสินใจเพื่ออนุมัติมาตรการซึ่งสนับสนุนคนว่างงานภายในประเทศ รวมถึงการเสนอความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ธุรกิจต่าง ๆ
เป้าหมายทั้งหมดของพวกเขาเหล่านี้ ก็เพื่อป้องกันกระแสการผิดชำระหนี้ ที่อาจเกิดขึ้นในระดับที่มีความรุนแรงอย่างมากจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังทลายลงได้ เนื่องจากลูกหนี้ของพวกเขาได้สูญเสียความสามารถในการสร้างรายได้ โดยสาเหตุหลักก็คือมาตรการ Lockdowns เพื่อปกป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
โดยรวมแล้วธนาคารทั้ง 4 แห่งมีการรายงานเรื่องการเลื่อนชำระหนี้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงมาตรการลดหย่อนหนี้สินต่าง ๆ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าปริมาณหนี้ที่รอการผ่อนชำระจะสูงขึ้นไปอีกในอนาคต
Well Fargo ได้รายงานการเลื่อนเก็บหนี้ประเภทสินเชื่อเพื่อการบริโภค (Consumer loans) มูลค่า 4.42 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงกลางปีนี้ แต่ขณะเดียวกันก็รายงานว่ามีการปล่อยสินเชื่อทางการค้า (Commercial loans) อีก 3.82 หมื่นล้านดอลลาร์ และพวกเขาก็ไม่ได้เปิดเผยจำนวนของเงินกู้ที่ยังรอการชำระอยู่ ซึ่งพวกเขาเลื่อนออกไปจากวันที่ 30 มิถุนายน 2020
ส่วนการเลื่อนชำระหนี้ในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย โดยปกติจะเป็นรูปแบบสามัญที่ทำกันอยู่แล้วสำหรับทั้ง 4 ธนาคาร โดยการเลื่อนชำระหนี้ส่วนใหญ่ของ Well Fargo มีมูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในหนี้สินประเภทเงินกู้ลำดับ 1 และ 2 (First and Second mortagages) ซึ่งคิดเป็น 12% และ 10% ของการปล่อยกู้ทั้งหมดในสินเชื่อประเภทนี้ ตามลำดับ
ขณะเดียวกันเกือบ 9% ของสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ของ JPMorgan กำลังอยู่ภายใต้การเลื่อนชำระหนี้ คิดเป็นเกือบ 3 ใน 4 ของสินเชื้อเพื่อการบริโภคที่รอชำระอยู่ทั้งหมด 2.83 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับ Citigroup สินเชื่อบัตรเครดิตคือส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับการปล่อยกู้ของพวกเขาที่ได้มีการเลื่อนชำระหนี้ออกไป คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6.9 พันล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 5% ของปริมาณสินเชื่อบัตรเครดิตทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือ และหากคิดรวมการปล่อยสินเชื่อเพื่อการบริโภคทั่วโลก ธนาคารจะมีลูกหนี้ที่เลื่อนการชำระหนี้ออกไปทั้งหมดเป็นมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์
Bank of America เองก็มีการปล่อยกสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่เลื่อนการชำระหนี้ออกไปเป็นมูลค่า 7.7 พันล้านดอลลาร์ และมีถึง 2.85 หมื่นล้านดอลลาร์หากรวมกับการปล่อยสินเชื่อในธุรกิจขนาดเล็ก คิดเป็น 7% ของการปล่อยกู้เพื่อการบริโภคและ 20% ของการปล่อยกู้ในธุรกิจขนาดเล็กตามลำดับ
Comment : ข้อสงสัยของ World Maker ในปัจจุบันก็คือ ระยะเวลาเพียง 2 เดือนไปจนถึง 1 ปีนั้น แท้จริงแล้วจะเพียงพอหรือไม่ ในการที่ลูกหนี้ของเขาจะสามารถฟื้นฟูกิจการและหาเงินมาชำระหนี้เหล่านั้นได้ทัน
1
เพราะหากพูดในอีกแง่หนึ่ง นี่คือความเสี่ยงอย่างรุนแรงที่จะเกิดวิกฤตหนี้เสียอันมหาศาล และแน่นอนว่าจะต้องตามมาด้วยการยึดทรัพย์สิน รวมถึงการล้มละลาย ซึ่งจะเริ่มจากธุรกิจขนาดเล็กไปก่อน
ภายใต้ความไม่แน่นอนของวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญคนใดก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะเกิดอะไรเกิดอีกบ้าง
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา