7 ส.ค. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
“ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro) นักปฏิวัติแห่งคิวบา” ตอนที่ 1
กำเนิดนักปฏิวัติ
“ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro)”
หลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง
เขาเป็นนักปฏิวัติและนักการเมืองคนสำคัญของคิวบา
แต่ประวัติของเขาเป็นอย่างไร มาหาคำตอบกันครับ
“ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro)” เกิดในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) โดยพ่อของเขา ชื่อว่า “แอนเจิ้ล คาสโตร (Angel Castro)” เป็นเจ้าของไร่อ้อยที่อพยพจากสเปนมายังคิวบาในปีค.ศ.1905 (พ.ศ.2448) ส่วนแม่ของเขา ชื่อว่า “ลินา (Lina)” เป็นแม่บ้านในไร่
พ่อและแม่ของฟิเดล
ฟิเดลนั้นเป็นลูกคนที่สาม และเขาก็มีน้องตามมาอีกถึงสี่คน
ไร่อ้อยที่เป็นสถานที่ๆ ฟิเดลวิ่งเล่นและเติบโตนั้นมีชื่อว่า “ลาส มานาคัส (Las Manacas)” ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองบิราน เมืองทางตะวันออกของคิวบา
ในเวลานั้น บริเวณนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ยากจนที่สุดในคิวบา ผู้คนต้องอาศัยอยู่ในเพิงเล็กๆ ไม่มีไฟฟ้าหรือประปา และส่วนมากก็เป็นคนงานในไร่ ค่าแรงน้อยนิด
แอนเจิ้ล พ่อของฟิเดลก็เคยเป็นแรงงานที่ยากจนมาก่อน แต่เขาใฝ่ดี เขาเรียนการอ่านและเขียนด้วยตัวเอง และทำงานหนักเพื่อเก็บเงินซื้อที่เป็นของตนเอง และในที่สุด เขาก็ทำสำเร็จ
ฟิเดลในวัยเด็ก
ไร่ของแอนเจิ้ลขยายใหญ่จนมีเนื้อที่มากกว่า 63,000 ไร่ และมีแรงงานในไร่กว่า 300 ครอบครัว
ถึงแม้ฟิเดลจะเป็นลูกเจ้าของไร่ แต่เขาก็มักจะเล่นกับลูกคนงานอย่างไม่ถือตัว และเหล่าคนงานก็มักจะทานอาหารร่วมกับครอบครัวของฟิเดล
แต่ถึงอย่างนั้น ฟิเดลก็สังเกตว่าชีวิตของตนนั้นแตกต่างจากชีวิตของคนงาน
เขาและพี่น้องมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารการกิน ได้เข้าโรงเรียนเอกชน และสามารถเล่นสนุกได้เต็มที่
1
ฟิเดลนั้นสนิทกับ “ราอูล (Raul)” น้องชายของตน โดยราอูลนั้นเคารพฟิเดล ส่วนฟิเดลก็มักจะดูแลราอูล
ราอูล คาสโตร (Raul Castro)
ตั้งแต่ยังเด็ก ฟิเดลก็ฉายแววความดื้อและอารมณ์ร้อน โดยเขามักจะมีเรื่องชกต่อยกับนักเรียนคนอื่นๆ และมักจะเถียงอาจารย์
ขณะอายุได้เจ็ดขวบ ฟิเดลได้ไปเข้าโรงเรียนประจำ โดยพ่อแม่ของเขาหวังว่ากฎระเบียบของโรงเรียนจะช่วยให้ฟิเดลดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ผล และพ่อของเขาก็ต้องรับตัวฟิเดลกลับบ้าน
แต่ถึงจะได้กลับบ้าน ฟิเดลก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ พ่อของเขาจึงส่งเขาไปโรงเรียนที่เข้มงวดกว่าเดิมซะอีก
ที่โรงเรียนใหม่ ฟิเดลตั้งใจเรียนมากขึ้นและเล่นกีฬา และขณะที่มีอายุได้ 16 ปี ฟิเดลก็ขอให้พ่อแม่ส่งเขาไปเรียนที่ “Jesuit Preparatory school of Belen” ที่ฮาวาน่า
ที่โรงเรียนใหม่นี้ ถึงแม้ว่าฟิเดลจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เด็กคนอื่นๆ ก็มองว่าเขาเป็นเศรษฐีบ้านนอก เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองฮาวาน่า และมักจะดูถูกดูแคลนฟิเดล
ฟิเดลเก็บความโกรธแค้นและเปลี่ยนเป็นพลัง เขาตั้งใจเรียนมาก และเขาก็เรียนจบโดยติดหนึ่งในสิบเด็กที่มีคะแนนสูงสุดของชั้นเรียน
ขณะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ฟิเดลก็ใฝ่ฝันจะเล่นเบสบอลให้แก่ทีมในสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อเขาเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เขาก็เปลี่ยนเส้นทาง ไปศึกษากฎหมายแทน
ฟิเดลเข้าศึกษาที่ “University of Havana” ในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488)
มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ให้ความรู้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ๆ อันตราย
พรรคการเมืองในคิวบามีกลุ่มนักศึกษาที่คอยสนับสนุน
1
พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีนโยบายที่ต่างกัน รวมทั้งกลุ่มนักศึกษาเองก็มีความเห็นที่ต่างกัน และมักจะกลายเป็นความขัดแย้งซึ่งจบลงที่ความรุนแรง
ฟิเดลให้ความสนใจต่อกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ แต่เขาตัดสินใจว่าจะไม่เข้าร่วมกับกลุ่มไหน เนื่องจากหากเป็นอิสระ ไม่สังกัดต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เขาก็สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดในงานชุมนุมต่างๆ ได้อย่างเสรี
ฟิเดลนั้นมีพรสวรรค์ในการพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก และเขาก็เริ่มสนใจที่จะทำงานการเมือง
ช่วงเวลาในมหาวิทยาลัย ฟิเดลมักจะใส่สูท ผูกเนกไทเพื่อดึงดูดความสนใจของนักศึกษาคนอื่นๆ เพื่อให้คนส่วนมากรู้จักเขา
ยิ่งความสนใจในการเมืองมีมากเท่าไร ฟิเดลก็ยิ่งเห็นความไม่เท่าเทียมในคิวบา
ผู้นำประเทศสนใจแต่ตนเองและอำนาจ ไม่สนใจที่จะแก้ไขและพัฒนาชีวิตคนที่ยากจน และฟิเดลก็ต้องการที่จะจัดการกับรัฐบาล
ฟิเดลเริ่มที่จะพูดเสียดสี ไม่เห็นด้วยกับ “รามอน เกรา (Ramón Grau)” ประธานาธิบดีคิวบาอย่างเปิดเผย ทำให้สื่อมวลชนและรัฐบาลเริ่มที่จะรู้จักฟิเดล แต่ฟิเดลก็ไม่เกรงกลัว
รามอน เกรา (Ramón Grau)
ค.ศ.1947 (พ.ศ.2490) ฟิเดลตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคออร์โธดอกซ์ (Orthodox Party) โดยมีหัวหน้าพรรคเป็นหนึ่งในคนของรัฐบาล นั่นคือ “เอดัวร์โด ชิบาส (Eduardo Chibás)”
เอดัวร์โด ชิบาส (Eduardo Chibás)
แต่ถึงแม้จะเป็นคนของรัฐบาล แต่ชิบาสก็ต้องการจะให้ชาวคิวบามีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีแนวคิดเหมือนกับฟิเดล
นอกเหนือจากความต้องการจะเปลี่ยนแปลงสังคมในคิวบาแล้ว ฟิเดลยังให้ความสนใจต่อสถานการณ์ของดินแดนอื่นๆ ในละตินอเมริกา
ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) ฟิเดลและนักศึกษาคนอื่นๆ ได้เดินทางไปเข้าร่วมงานประชุมนักศึกษา ซึ่งจัดขึ้นเพื่อต่อต้านอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก
สหรัฐอเมริกามีทั้งเงินและกองทัพที่แข็งแกร่ง และมักจะกดดันประเทศเล็กๆ ที่ด้อยกว่าให้ยอมต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าให้สหรัฐอเมริกาในราคาถูกๆ หรือยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้าไปตั้งฐานทัพในประเทศนั้นๆ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ก็ต้องยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะอยู่ในโคลัมเบีย ฟิเดลก็ได้ข่าวว่าผู้นำชนชั้นแรงงานที่เป็นที่เคารพของคนจำนวนมากถูกยิงตาย และได้เกิดจลาจลขึ้น
ฟิเดลมองดูอย่างตื่นเต้น ผู้คนวางเพลิง ทำลายข้าวของ วางเพลิงอาคารรัฐบาล
ฟิเดลคิดว่าสิ่งที่ประชาชนทำนั้นไม่ได้ผิดอะไร ตรงกันข้าม เขาชื่นชมการประท้วงที่ใช้ความรุนแรง
เมื่อกลับมายังฮาวาน่า ชิบาสก็ได้ลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งฟิเดลก็ช่วยในการหาเสียง
การเลือกตั้งจะจัดขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) ซึ่งฟิเดลก็ช่วยหาเสียงเต็มที่ แต่ผลการเลือกตั้งก็ออกมาว่าพวกเขาแพ้
แต่ถึงอย่างนั้น ความหลงไหลในการเมืองก็ยังคงอยู่ในตัวฟิเดล
ในเวลานี้ นอกจากความรักในการเมืองแล้ว ฟิเดลยังตกหลุมรักผู้หญิงที่ชื่อ “เมอร์ตา ดิแอซ-บาลาร์ต (Mirta Díaz-Balart)”
เมอร์ตา ดิแอซ-บาลาร์ต (Mirta Díaz-Balart)
เมอร์ตาเป็นนักศึกษาภาควิชาปรัชญา และมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและทรงอำนาจ โดยพ่อของเมอร์ตาเป็นนายกเทศมนตรีในเมืองที่อยู่ไม่ห่างจากไร่อ้อยของครอบครัวคาสโตร
พ่อของเมอร์ตานั้นไม่ชอบใจนักที่ลูกสาวคบหากับฟิเดล เนื่องจากฟิเดลนั้นมีความคิดทางการเมืองที่สุดโต่งและมักจะออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เกรงว่าลูกสาวของตนจะเดือดร้อนไปด้วย
แต่พ่อของฟิเดลนั้นยินดีมากที่ฟิเดลจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่มาจากครอบครัวที่ทรงอิทธิพล และสุดท้าย ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491)
1 กันยายน ค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) ทั้งคู่ก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคนแรก นั่นคือ “ฟิเดล คาสโตร ดิแอซ-บาลาร์ต (Fidel Castro Díaz-Balart)” หรือ “ฟิเดลิโต (Fidelito)”
ฟิเดล คาสโตร ดิแอซ-บาลาร์ต (Fidel Castro Díaz-Balart)
ถึงแม้ในตอนนี้ฟิเดลจะเป็นสามีและเป็นพ่อคนแล้ว แต่เขาก็มีเวลาให้ครอบครัวไม่มากนัก โดยเขาได้ทุ่มชีวิตให้กับการเมือง และไม่หางานที่มั่นคงทำแต่กลับทุ่มเวลากับพรรคการเมืองที่ตนสังกัด
ทั้งฟิเดลและเมอร์ตา ต่างมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย สามารถขอเงินจากพ่อแม่ได้ แต่ฟิเดลไม่ต้องการจะพึ่งสมบัติครอบครัว เขาต้องการให้ครอบครัวมีชีวิตที่เรียบง่าย
ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) ฟิเดลเรียนจบกฎหมายที่ University of Havana
การเรียนจบนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับฟิเดล เขาไม่ตั้งใจเรียน มักจะโดดเรียน บางครั้งก็ไม่ไปสอบ
ภายหลังจากเรียนจบ ฟิเดลก็เปิดสำนักงานกฎหมายของตนเองในฮาวาน่า โดยเขามักจะเลือกคดีที่สามารถช่วยเหลือคนยากจน เนื่องจากเขาต้องการให้ผู้อื่นเห็นว่าเขาเป็นตัวแทนของชนชั้นแรงงาน
ฟิเดลยังตัดสินใจลงเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรคิวบา โดยในเวลานั้น ฟิเดลก็เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคออร์โธดอกซ์ และมีโอกาสที่จะชนะสูง
หัวหน้าพรรคออร์โธดอกซ์ในเวลานั้นคือ “โรเบอร์โต อกรามอนต์ (Roberto Agramonte)” และอกรามอนต์ก็ตัดสินใจจะลงแข่งขันเลือกตั้ง ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยมีคู่แข่งคือ “ฟุลเฮนซิโอ บาทิสตา (Fulgencio Batista)”
โรเบอร์โต อกรามอนต์ (Roberto Agramonte)
ฟุลเฮนซิโอ บาทิสตา (Fulgencio Batista)
บาทิสตาเป็นประธานาธิบดีคิวบาตั้งแต่ค.ศ.1940-1944 (พ.ศ.2483-2487)
ในเวลานั้น บาทิสตาอาศัยอยู่ในฟลอริด้า และก็ได้มีโพลล์สำรวจออกมาว่าโอกาสที่เขาจะชนะการเลือกตั้งอีกครั้งนั้นมีน้อยมาก
แต่เพียงสามเดือนก่อนวันเลือกตั้ง บาทิสตาก็ได้ก่อรัฐประหาร
1
บาทิสตาและกองทัพคิวบา ได้เข้าควบคุมรัฐบาล
ชาวคิวบาล้วนแต่ประหลาดใจในการก่อรัฐประหารของบาทิสตา แต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน เนื่องจากขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี บาทิสตาก็ได้สร้างถนน โรงพยาบาล โรงเรียนต่างๆ มีโครงการต่างๆ ที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง
แต่เมื่อได้ขึ้นสู่อำนาจอีกครั้ง บาทิสตาก็ได้เข้าควบคุมสื่อ สั่งจับกุมคนที่เห็นต่างและต่อต้าน ก่อคอร์รัปชั่น และยังทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม (คุ้นๆ จังครับ)
4
ความหวังของฟิเดลนั้นพังทลายในทันที
ฟิเดลจะทำอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา