10 ส.ค. 2020 เวลา 11:24 • ความคิดเห็น
You Can’t Stop Us เบื้องหลังโฆษณากีฬาจุดไม้ขีดไฟให้หัวใจของ Nike
Nike ปล่อยโฆษณาชิ้นใหม่ You Can’t Stop Us และสร้างความฮือฮาอย่างมากจากความเจ๋งของตัวโฆษณา และสารที่ลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในนั้น
โฆษณาชุดนี้ใช้ฟุตเทจที่ทีมงานรวบรวมทั้งหมดกว่า 4,000 ชิ้น ก่อนจะถูกคัด ตัดทอน และถ่ายทำเพิ่มเติมอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ภาพซ้อนกันจนไร้รอยต่อ
ผู้บรรยายในโฆษณาชิ้นนี้คือ เมแกน ราปิโน กัปตันร่วมทีมชาติสหรัฐอเมริกา และยังมีนักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ของโลกอีกมากมายที่ปรากฏตัวในโฆษณาชิ้นนี้ด้วย รวมถึง โคลิน เคเปอร์นิก
ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก วัยรุ่น คนขาว คนดำ นักฟุตบอล นักว่ายน้ำ นักบาสเกตบอล นักสเกตบอร์ด คนปกติ คนพิการ คนเอเชีย คนตะวันตก คนมุสลิม
ตัวละครมากมายเหล่านี้ปรากฏขึ้นในโฆษณาความยาว 90 วินาทีชิ้นล่าสุดของ Nike ที่ชื่อ ‘You Can’t Stop Us’ ที่สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในฐานะหนังโฆษณาที่ได้รับการยกย่องจากคนจำนวนมากว่าอาจจะเป็นหนึ่งในหนังโฆษณาที่ดีที่สุดตลอดกาล
ภายใน 2 วันภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ถูกชมบน YouTube ไปแล้วถึง 30 ล้านครั้ง (และขณะที่เขียนมีจำนวนผู้ชม 44 ล้านครั้ง) โดยไม่ได้นับช่องทางอื่นๆ อย่าง Twitter และ Facebook ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่เยอะมากสำหรับภาพยนตร์โฆษณาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกีฬา
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วภาพยนตร์ชุดนี้ก็ไม่เชิงเป็นเรื่องราวของกีฬาเพียงอย่างเดียว
เพราะ ‘หัวใจ’ ของเรื่องคือความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกใดๆ ที่จะทำร้ายและทำลายมนุษย์ได้ และยังมีสารในเรื่องของความยุติธรรมในสังคมสอดแทรกเอาไว้ด้วยในบางช็อต เพื่อสนับสนุนการต่อต้านการเหยียดสีผิวซึ่งเป็นจุดยืนที่ Nike ชัดเจนมาตลอดนับตั้งแต่การสนับสนุนโคลิน เคเปอร์นิก ซึ่งปรากฏตัวอยู่ในโฆษณาชุดนี้ด้วย
นอกเหนือจากเคเปอร์นิก ในโฆษณาชิ้นนี้ยังมี เมแกน ราปิโน กัปตันร่วมทีมฟุตบอลหญิงสหรัฐอเมริกา ซึ่งนอกจากจะเป็นนักสู้ในสนามแล้ว ยังเป็นนักสู้นอกสนามในเรื่องของความเท่าเทียมกันทางเพศ และเป็นหนึ่งในนักขับเคลื่อนทางสังคมที่สำคัญของอเมริกันชน โดยราปิโนเป็นผู้บรรยายในโฆษณาชิ้นนี้
“เราไม่เคยอยู่อย่างเดียวดาย นี่คือจุดแข็งของเรา” เสียงของราปิโนที่เล่าเรื่องราวในโฆษณา
“เพราะทุกครั้งที่เราเกิดสงสัยขึ้นมา เราทุกคนจะรวมเป็นหนึ่ง และเมื่อใดที่เรารวมพลังกันขึ้นมา เราจะไปได้ไกลกว่าเดิม หนักแน่นกว่าเดิม ถ้าเราดูไม่เอาจริงเอาจัง เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่ใช่แบบนั้น และถ้าเราไม่เหมาะกับกีฬาประเภทไหน เราก็จะเปลี่ยนแปลงกีฬานั้นเอง”
นอกจากนี้ยังมี เลอบรอน เจมส์, เซเรนา วิลเลียมส์, นาโอมิ โอซากะ, ลีโอ เบเกอร์, เอเลียด คิปโชเก, คีเลียน เอ็มบัปเป และ คริสเตียโน โรนัลโด ที่ร่วมปรากฏตัว
รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สวมชุด PPE ฉีดพ่นฆ่าเชื้ออยู่ในสนามกีฬา ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่โฆษณาชิ้นนี้ต้องการบอกเล่าถึงสถานการณ์และความเป็นไปของโลกในเวลานี้ ที่ทุกคนได้รับผลกระทบจากโรคระบาด และในวงการกีฬาเองก็พบกับความยากลำบาก การแข่งขันต้องถูกเลื่อนหรือยกเลิก หรือต่อให้กลับมาได้ก็ไม่มีผู้ชมในสนามเหมือนเก่า
แต่ถึงแม้มันจะยากลำบากแค่ไหน เราทุกคนก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อจะกลับมายืนหยัดให้ได้ทุกครั้ง
Nike ต้องการจุดไม้ขีดไฟให้หัวใจของทุกคนได้กลับมาลุกโชนด้วยความหวังอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าพวกเขาทำสำเร็จครับ เพราะโฆษณาชิ้นนี้ถูกกล่าวถึงและส่งต่อเป็นจำนวนมาก
แม้กระทั่งในกลุ่ม LINE ของทีมฟุตบอลผมเองก็มีการแชร์ต่อกันมาด้วยความรู้สึกทึ่งในผลงานที่น่าเหลือเชื่อ เพราะตลอด 90 วินาทีของโฆษณาชิ้นนี้เราจะได้เห็นการซ้อนกันของภาพที่แตกต่างกันแต่กลมกลืนราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน
เป็นผลงานที่น่าทึ่งจนอยากจะเอาเบื้องหลังของการผลิตมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้
สำหรับโฆษณาชิ้นนี้เป็นผลงานของ Wieden+Kennedy Portland ที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับบริษัทเอเจนซีที่ทำหน้าที่ในการค้นหาข้อมูลอย่าง Stalkr ที่รวบรวมฟุตเทจมากถึง 4,000 ชิ้นตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อกำหนดโครงเรื่อง เขียนสตอรีบอร์ด
จากฟุตเทจ 4,000 ชิ้น ถูกคัดแล้วเหลือ 72 ชิ้นครับ ซึ่งนั่นก็ว่ายากแล้ว แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการที่ทีมถ่ายทำซึ่งมี ออสการ์ ฮัดสัน เป็นผู้กำกับมีเวลาเพียงแค่ 5 วันเท่านั้นในการถ่ายทำบางช็อตแบบ Half-frame ที่จะต้องนำมาซ้อนกับฟุตเทจที่มีอยู่แล้วให้ลงตัวมากที่สุด
โดยเป้าหมายต้องการซ้อนกันให้ได้ในระดับที่เรียกว่า ‘ไร้รอยต่อ’
โฆษณาชิ้นนี้มีซีนทั้งหมด 36 ซีนด้วยกัน ซึ่งทีมงานต้องเทียบซีนกันแบบช็อตต่อช็อตเพื่อจำลองให้ได้ใกล้เคียงที่สุด รวมถึงในเรื่องของการจัดแสงและเกรดดิ้งฟิล์มที่ต้องทำอย่างระมัดระวังไม่ให้โดดจากฟุตเทจที่ต้องการเชื่อม
ผู้กำกับฮัดสันกล่าวถึงโฆษณาชิ้นนี้ว่า “มันเป็นความคิดที่เรียบง่าย แต่ว่ามันมีอะไรมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน”
ฮัดสันยังได้กล่าวสดุดีทีมงานที่ยังมี โลแกน ทริปเลตต์ ผู้อำนวยการสร้าง, อดัม วิลสัน โปรดักชันดีไซเนอร์, เดนนิส ไบเออร์ โปรดิวเซอร์ และทีมสตูดิโอวิชวลเอฟเฟกต์ A52 ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเก็บรายละเอียดของโฆษณาในขั้นสุดท้าย ถึงความทุ่มเทในการทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ ซึ่งแม้มันดูคล้ายเป็นงานที่บ้าคลั่ง แต่ก็เป็นงานที่สนุกสนานมากเช่นกัน
ในฐานะนักเขียนกีฬาผมคงไม่สามารถจะลงรายละเอียดเจาะลึกในการถ่ายทำได้ไปมากกว่านี้ครับ เพียงแต่ในฐานะของคนรักกีฬา โฆษณาชิ้นนี้ได้มอบพลังบางอย่างให้แก่หัวใจ
มากกว่าความทึ่งในสิ่งที่ได้เห็น คือการรู้สึกได้ถึงความหวัง
สักวันหนึ่งกีฬาจะกลับมาเหมือนเดิม สักวันหนึ่งโลกของเราจะกลับมาเหมือนเดิม
และสักวันหนึ่งสิ่งที่แบ่งแยกเราจากกันจะไม่มีอีกต่อไป
ไม่มีใครจะหยุดเราได้ ถ้าเราร่วมมือกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
FYI
- โฆษณาชิ้นนี้มีกีฬาทั้งหมด 24 ประเภท มีนักกีฬาทั้งหมด 53 คน ก่อนหน้านี้ Nike เคยปล่อยโฆษณาในชุดนี้มาแล้ว 2 ชิ้นด้วยกัน โดยในเดือนเมษายนกับโฆษณาที่ชื่อ Play for the World และอีกชิ้นในเดือนพฤษภาคม Never Too Far Down ที่นำโดย เลอบรอน เจมส์, ไทเกอร์ วูดส์ และ เซเรนา วิลเลียมส์
เรื่อง: เมธา พันธุ์วราทร
โฆษณา