11 ส.ค. 2020 เวลา 03:37 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
FOCUS : จีนเปิดเผยนโยบายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตชิปของตนเอง หลังจากความตึงเครียดกับสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ประเทศจีนได้เปิดเผยนโยบายหลายอย่างเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต Semiconductor ภายในประเทศ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์แล้ว พวกเขากำลังตั้งข้อสงสัยว่าการกระทำเช่นนี้จะยิ่งส่งผลกระทบครั้งใหญ่หรือไม่
แรงจูงใจส่วนใหญ่จากสภาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การลดหย่อนภาษี ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตที่ดำเนินการมานานกว่า 15 ปีและผู้ที่ผลิตเทคโนโลยีระดับ 28 นาโนเมตรหรือเทคโนโลยีขั้นสูงกว่านั้น จะได้รับการละเว้นจากการเก็บภาษีเป็นเวลานานสูงสุดถึง 10 ปี โดยผู้ผลิตชิปทั้งหลายจะได้รับการสิทธิพิเศษนับตั้งแต่ปีแรกที่พวกเขาสามารถทำกำไรได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่แค่ภาคการผลิตที่ได้รับการลดหย่อนภาษี แต่ธุรกิจที่คล้าย ๆ กันอย่างเช่นการออกแบบชิปและ Software ต่าง ๆ ก็ได้รับการลดหย่อนภาษีเช่นกัน
นโยบายล่าสุดของรัฐบาลจีนยังมุ่งเน้นไปการระดมทุนและสนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่เน้นเทคโนโลยีของจีนอย่างเช่น Shanghai Science and Technology Innovation Board หรือที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า STAR Market.
แผนการดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "Made in China 2025" โดยกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ผลิตชิปของตัวเอง 40% จากทั้งหมดภายในปี 2020 และ 70% ภายในปี 2025
ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเลขดังกล่าวหรือไม่ แต่กุญแจที่สำคัญก็คือนี่เป็นอีกครั้งที่การตัดสินใจดังกล่าวในเพิ่มความตึงเครียดตลอด 18 เดือนที่ผ่านมาระหว่างจีนและสหรัฐฯ ให้มากขึ้นไปอีก
Neil Campling หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านเทคโนโลยี สื่อ และการโทรคมนาคมของ Mirabaud Securities กล่าวว่า
"ผมคิดว่าสงครามเย็นครั้งใหม่ คือสาเหตุที่แท้จริงซึ่งทำให้จีนขยายขอบเขตเทคโนโลยีของตนและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในแผ่นดินใหญ่อย่างจริงจัง เพื่อเป็นการขู่ว่าพวกเขาพร้อมจะตัดขาดจากนโยบายที่ก้าวร้าวของสหรัฐฯ"
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกาศครั้งล่าสุดนี้
Dan Wang นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของ Gavekal Dragonomics กล่าวว่า
"การประกาศของสภาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มุ่งเน้นไปที่การลดหย่อนภาษีเป็นหลัก ซึ่งไม่น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนา Semiconductor มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่านี่คือสัญญาณที่รัฐบาลจะใช้มาตรการอย่างแข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าว"
Paul Triolo หัวหน้าฝ่ายอบรมด้านเทคโนโลยีธรณีของ Eurasia Group กล่าวว่า
"จีนได้เทเม็ดเงินไปสู่อุตสาหกรรม Semiconductor หลายส่วนตั้งแต่ปี 2014 ที่เริ่มจัดตั้งกองทุนเพื่อการผลิต Semiconductor แห่งชาติ แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีการแข่งขันสูงในทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องการมากกว่าแค่เงินสดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ"
อนึ่งแล้วนั้น มาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหรัฐฯ ต่อ Huawei ได้ทำลายความเชื่อมั่นของจีนสำหรับการพึ่งพาผู้ผลิตชิปภายนอกประเทศ เนื่องจากกฏหมายใหม่ของสหรัฐฯ บังคับให้ผู้ผลิตชิปในประเทศต่าง ๆ ที่ใช้อุปกรณ์ผลิตชิปของสหรัฐฯ จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาติก่อนที่จะขาย Semiconductor ให้กับ Huawei
ขณะที่ Huawei ไว้วางใจให้ TSMC ของไต้หวันผลิตชิปรุ่น 7-nanometer ให้กับมือถือของพวกเขา แต่ TSMC จะได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรล่าสุดจากสหรัฐฯ หากพวกเขาผลิตให้กับจีนต่อไป
ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อจีน เนื่องจากปัจจุบันไม่มีผู้ผลิตภายในประเทศรายใดที่จะผลิตได้เพียงพอตามปริมาณที่ Huawei ต้องการเลย เพราะแม้แต่ SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของจีนก็ยังไม่สามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการของ Huawei
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ Supply Chain ของการผลิต Semiconductor นั้นค่อนข้างมีความซับซ้อน และแม้ว่า Huawei จะเป็นผู้ออกแบชิปของตนเอง แต่เขาก็จำเป็นต้องพึ่งพา TSMC ในการผลิตมันออกมาจริง ๆ เนื่องจากกระบวนการผลิตนั้นมีความหลากหลายและมีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนมากมาย ซึ่งผู้ผลิตน้อยคนที่จะทำได้ตามต้องการ
ตัวอย่างเช่น ASML บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งผลิตเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยี Extreme Ultraviolet (EUV) และเทคโนโลยีดังกล่าวก็จำเป็นต้องใช้ในการสร้างชิปที่ทันสมัยที่สุดของ TSMC และ Samsung
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา