11 ส.ค. 2020 เวลา 09:53 • ธุรกิจ
สื่อไทยนับวันยิ่งตกต่ำ
ผมยอมรับตรงๆว่าเห็นการนำเสนอข่าวในทีวีไทยช่วงหลังๆมานี้ทีไรรู้สึกว่าไม่ถูกใจ และคับข้องใจทุกๆครั้ง โดยเฉพาะรายการประเภทที่เอาข่าวมาเล่า แล้วชอบนำเรื่องไร้สาระมาตีเป็นประเด็น เป็นข่าวเนี่ย
มันบ่งบอกถึงศักยภาพและทัศนคติของคนทำสื่อทีวีสมัยนี้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่การทำ Infographic แนวๆผีๆ หรือการเอาประเด็นเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างสัดส่วนของบุคคลที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมาเป็นข่าวแล้วหาเรื่องคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
อย่างกรณีในภาพนี้เป็นสัดส่วนของลุงพล มีการนำเอาอายุ ส่วนสูง รอบอก เอาประเด็นเรื่องหน้าตาไปให้ซินแสดู คือมันจะว่าตลกก็ตลก แต่มันเป็นตลกในเชิงหมดหวังน่ะครับ
แบบนี้ไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์ มันเป็นแค่การเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพยายามทำให้มันเป็นเรื่องขึ้นมา ซึ่งมันไร้สาระเอามากๆ แถมยังดูถูกสติปัญญาคนดูด้วย คือคนเราเวลาจะดูข่าวแต่ละวัน เปิดทีวี หรือเปิดคลิปใน Youtube แต่ละคลิปนี้
เขาก็ต้องการที่จะเสพข่าวสาร เสพการวิเคราะห์ ดูว่าทางช่องทีวีได้เชิญผู้เชี่ยวชาญอะไรมาวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆให้ฟัง เพื่อที่จะได้ Insight หรือภาพกว้างๆของสถานการณ์แต่ละสถานการณ์ได้ชัดขึ้น
แต่นี่เอาซินแส เอาหมอดูมาพูด มาวิเคราะห์หน้าตา เมืองนอกไม่มีนะครับ สำนักข่าวทีวีเมืองนอก ขนาดสำนักข่าวประเภทที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมจัดๆเขายังไม่เอาพวกหมอดู หรืออะไรพวกนี้มาวิเคราะห์ประเด็นในข่าวเลย
เขาว่ามันไร้สาระ อย่าง Fox News นี้ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยๆว่าเป็นสำนักข่าวที่เอนเอียงไปทางพรรคอนุรักษ์นิยม ก็ยังไม่ตกต่ำถึงขนาดไปเชิญหมอดู เชิญคนที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองมาพูดจาเหลวใหลให้ฟังเลย
มิตินี้ผมว่ามันเป็นมาตรฐานของการทำรายการข่าวนะครับ และควรจะเป็นอย่างยิ่งด้วย คือ จะทำข่าวแต่ละที จะคุยข่าว จะเอาข่าวมาวิเคราะห์เนี่ย มันควรเน้นแต่ความรู้ เน้นแต่เรื่องที่มันเกี่ยวข้องและความเป็นไปได้ของ "สถานการณ์หนึ่งๆ" เป็นหลัก
ไม่ต้องเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวไม่กระทบกับชีวิตคนอย่างดวง อย่างเรื่องสัดส่วน เรื่องไร้สาระอะไรแบบนี้มาลงก็ได้ ผมไม่ปฏิเสธนะ ว่ามันมีคนบางกลุ่มที่ชอบดูอะไรแบบนี้ มันอาจจะบันเทิงดี
แต่มันจะลดทอนความเป็นสาระความรู้ ของรายการที่มีความซีเรียส ความจริงจังอย่างรายการประเภทคุยข่าวลงไป ให้กลายเป็นความบันเทิง ความสนุกสนาน เน้นขำขันเฮฮามากจนเกินไป
และของแบบนี้มันไม่เป็นผลดีในระยะยาวต่อการทำข่าว ในวงการข่าว คือฟีดแบคจากคนดูเขาจะรู้สึกว่าคุณเล่นตลกมากไป และมองคนทำอะไรแบบนี้เป็นตัวตลกมากกว่า มันจะเสียภาพลักษณ์ เสียความน่าเชื่อถือของรายการ
สังเกตง่ายๆก็ได้ เวลาพูดถึงตัวช่อง พูดถึงรายการ คนเขานึกถึงอะไร เขาก็นึกถึงแต่เรื่องกราฟฟิค เรื่อง Infographic ประกอบข่าวกันเป็นหลักนะ น้อยคนมากเวลาที่พูดถึงช่อง Amarin จะนึกถึงคุณพุทธ กับจิตดี
นี่เป็นผลกระทบหนึ่งที่กระทบอย่างมากต่อภาพลักษณ์องค์กร และภาพลักษณ์รายการ ยอมรับว่าการทำแบบนี้มันเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ และทำให้ช่องเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากๆ
แต่ในเวลาเดียวกัน มันไม่ได้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับช่องเลยแม้แต่น้อย เทียบกับสมัยก่อนที่มีรายการประเภทจับคนมานั่งเถียงกัน โต้วาทีกัน แล้วให้พิธีกรฝีปากกล้ามาเป็นกรรมการ คอยปั่นให้คนทะเลาะกัน ให้ทั้งสองฝั่งนำข้อเท็จจริงมาเถียงกัน
ยังจะดูมีความน่าเชื่อถือ และมีความน่าติดตามมากกว่าอะไรแบบที่ทำอยู่นี้อีก เนื่องจากแบบนั้นคนดูเขายังได้สาระ ได้ความรู้จากการที่คนเอาข้อมูลชุดที่แตกต่างกันมาดีเบตกัน มาเถียงกันแล้วให้คนดูตัดสินในตอนท้ายเอง
ถ้ายังทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วคะแนนนิยม หรือเรทติ้งมันตกลงในระยะยาว (เพราะฐานคนดูขยับหดเหลือน้อยลงเรื่อยๆ) ก็คงจะไม่มีอะไรให้แปลกใจ เนื่องจากช่องและรายการไม่ยอมปรับตัว แล้วเสนอข่าวแบบที่มันดูน่าเชื่อถือให้มากขึ้น
โฆษณา