12 ส.ค. 2020 เวลา 03:30 • การเมือง
Joe Biden ประกาศเลือก Kamala Harris เป็นผู้สมัครรองประธานาธิบดี !
ตอนบ่ายของเมื่อวันอังคาร หรือก็คือเช้ามืดเวลาในไทยนี้ Joe Biden ตัวแทนลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรค Democrat นั้นได้ประกาศออกมาแล้วว่าเขาจะเลือกวุฒิสมาชิก Kamala Harris จากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย
ให้ขึ้นมาเป็นแคนดิเดทรองประธานาธิบดี หรือ Running mate ของเขาในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดย Biden ยืนยันว่า Kamala Harris นั้นเหมาะสมที่จะร่วมสู้ไปกับเขา
แม้ว่าพวกเขาทั้ง 2 คนจะเคยเป็นคู่แข่ง เคยปะทะวาจากันผ่านหน้าสื่อมวลชนมาก่อนในศึกชิงตำแหน่งตัวแทนพรรค ปี 2019 และ Kamala Harris ก็ถูก Biden โจมตีอย่างหนักด้วย แต่ Kamala Harris ก็ได้ประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขันไป
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่ากระแสของการเลือกตัวแทนในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของพรรค Democrat ในครั้งนี้มีเกณฑ์คัดเลือกกันอย่างไร และมีปัจจัยใดในการชี้วัดถึงความเหมาะสม
เพราะเมื่อช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสว่าคนเชื้อสายไทยคนหนึ่ง (Tammy Duckworth) ที่ปัจจุบันนั่งอยู่ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกมลรัฐอิลลินอยส์ จะได้ขึ้นมาเป็นตัวแทนตำแหน่งรองประธานาธิบดีกับเขาบ้าง
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการคัดเลือกจากทางพรรค Democrat และตัว Joe Biden อันนี้ผมตอบเหตุผลให้ง่ายๆเลยว่าเป็นเพราะตัว Tammy Duckworth นั้นไม่เหมาะสมกับการเป็นรองประธานาธิบดีในสถานการณ์แบบนี้ครับ
ทางพรรค และ Joe Biden ก็เลยมองว่าไม่สมควรที่จะดึง Tammy เข้ามาในศึกการแข่งขันครั้งนี้ เพราะแม้ว่า Tammy Duckworth จะเคยดังเป็นกระแสมาบ้างในช่วงหลายปีก่อน
แต่ก็เป็นแค่กระแสแบบประปรายไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก ที่สำคัญคือ คนเอเชียนอเมริกัน ในอเมริกานั้นไม่ได้มีฐานเสียงที่แข็งแรงมากอยู่แล้วในยุทธศาสตร์การเลือกตั้งระดับชาติ
Tammy จึงแทบไม่มีความโดดเด่น หรือมีแต้มต่ออะไรต่อสนามการเลือกตั้งสนามใหญ่เลย (พูดอีกภาษาหนึ่งก็คือ แลดูแล้ว คนคงไม่เอา Tammy แน่ ถ้าเอามาเป็นผู้ลงสมัครรองประธานาธิบดี และเผลอๆจะทำให้ Biden แพ้เลือกตั้งได้อีก)
ดังนั้นหวยเลยมาออกที่ Kamala Harris ซึ่งเป็นลูกครึ่งอินเดีย และจาไมก้า ถือเป็นส่วนประกอบที่ลงตัวของสถานการณ์ปัจจุบันนี้ อินเดียเป็นส่วนหนึ่งของเอเชีย จาไมก้าเป็นส่วนหนึ่งของคนผิวดำ
การเลือก Kamala Harris จึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว คือได้ตัวแทนฐานเสียงของฝั่งคนดำ และฐานเสียงของฝั่งคนเอเชียรวบมาด้วยเลยภายในคนคนเดียว ซึ่งถือว่าเป็นแต้มต่อให้แก่ Joe Biden มากๆ
เพราะ Joe Biden นั้นเป็นคนขาว ถ้าจะสร้างส่วนผสมที่ลงตัว ในยุทธศาสตร์การขยายฐานเสียง และฐานมวลชนนั้นก็ต้องเลือกคนที่มาจากพื้นเพแตกต่างกัน การเอา Kamala Harris จึงเหมาะสมไปในตัว
เนื่องจาก Kamala Harris นั้นจะสามารถช่วยดูดฐานเสียงของกลุ่มคนดำ และคนเอเชียให้เข้ามาฝั่ง Biden มากขึ้น ยิ่งบวกกับกระแสม็อบ George Floyd ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 1-2 เดือนก่อนด้วยแล้ว
ยิ่งทำให้สังคมมีโอกาสที่จะหันมาหาพรรค Democrat มากขึ้น หากพรรคเลือกตัดสินใจที่จะส่ง Kamala Harris ลงเป็นตัวแทนแข่งตำแหน่งรองประธานาธิบดี ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางสังคมที่กำลังแตกแยก
และแบ่งฝักฝ่ายระหว่างคนดำกับคนขาว สังคมที่คนดำถูกเหยียด ถูกตำรวจคนขาวรังแก และทำร้าย การเอาคนดำมาลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดี จึงช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้แก่พรรค Democrat
ว่าเป็นพรรคที่ใส่ใจปัญหาสังคม ปัญหาทางการเมือง และรอยร้าวระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้พรรค Democrat มีโอกาสจะเรียกความเชื่อมั่น และความไว้ใจกลับมาจากฐานมวลชนได้อีกครั้ง
หลังจากที่สูญเสียไปในการเลือกตั้งปี 2016 เพราะมี Hillary Clinton เป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แล้วพ่ายแพ้ให้แก่ประธานาธิบดี Donald Trump จากพรรค Republican
และถ้าหากศึกการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปได้อย่างสวยงาม Kamala Harris ก็อาจจะกลับมาเป็นตัวแทนของพรรค Democrat ในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ หลังจากที่ Joe Biden นั้นเกษียณอายุออกจากเวทีการเมืองใน 4 หรือ 8 ปีข้างหน้า
ด้วยอายุของ Kamala ที่ยังแค่ 55 ปี ซึ่งถือว่าอายุน้อยมากๆในแวดวงการเมืองสหรัฐอเมริกา ยังมีโอกาสและเวลาเหลือสำหรับเธออีกเยอะ หากคิดจะลงสมัครเป็นตัวแทนเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
เพราะประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาจำนวนมากก็ได้ขึ้นสู่อำนาจกันตอนอายุ 50-60 ปีขึ้นไปแล้วทั้งนั้น Donald Trump ก็ขึ้นตอนอายุ 69-70 ปี อย่าง George H.W. Bush นี้ก็ขึ้นตอนอายุ 65 ปี ส่วน Ronald Reagan นั้นขึ้นตอนอายุ 70 ปี
ถ้า Kamala Harris ยังหวังจะเดินเส้นทางนี้อยู่ ให้รออีก 4 หรือ 8 ปีก็ยังคงไม่สาย ถึงตอนนั้นเธอคงอายุประมาณ 60 ต้นๆเอง ขนาด Bernie Sanders อายุจะ 80 ปีแล้วยังมาลงสมัครเลย
โฆษณา