12 ส.ค. 2020 เวลา 07:24 • นิยาย เรื่องสั้น
หมู่เลือด Rh Negative A
“มองเห็นเจ้าชัดเจนเหลือเกินยามใดที่ท้องฟ้ามืดสนิท และคราใดที่มีทุกข์ไม่เคยลืมนึกถึงเจ้าเช่นกัน” ดนัทธ์
เอ่ยกับดาวศุกร์ในยามค่ำคืนนี้ เหมือนกับหัวใจของเขาตอนนี้ที่ต้องพบกับอุปสรรคทำให้หัวใจที่มีเลือดสีแดงกลับ
กลายเป็นสีดำ เขามักจะมานั่งดูท้องฟ้าเพื่อแหงนดูการกระพริบระยิบระยับของดาวฤกษ์ และไม่เคยที่จะลืมมองดูดาว
ดวงเด่นแม้ว่ามันจะไม่มีแสงสว่างในตัวเองในขณะที่มันก็สามารถส่องสว่างเจิดจรัสไม่แพ้กับดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างใน
ตัวเองเช่นกัน ดาวศุกร์ที่นักดาราศาสตร์ตั้งชื่อให้ในตอนหัวค่ำว่า ดาวประจำเมือง และด้วยเหตุนี้ปัญหาของดนัทธ์ก็มี
ดาวศุกร์เป็นกำลังใจ
“ไปดูดาวมาอีกหรือดนัทธ์” หลวงลุงถามดนัทธ์มีอะไรให้ทุกข์ใจอีกล่ะ หลวงลุงถามเพราะทราบดีว่าทุกครั้ง
ที่ดนัทธ์ไม่สบายใจ ดนัทธ์จะไปที่ศาลาท่าน้ำข้างวัดที่เขานั่งมาประจำตั้งแต่เล็กจนโต
...
...
Cr:Pixel.com
“ครับ หลวงลุง” ดนัทธ์ตอบพร้อมทั้งเงยหน้าด้วยท่ายืนที่สุภาพอ่อนน้อม ดนัทธ์ถูกหลวงลุงอบรมเรื่อง
กิริยามารยาทมาตั้งแต่เด็ก และวันนี้เขากลับมาหาหลวงลุง โดยปกติดนัทธ์พักอยู่ในเมืองใกล้ที่ทำงานในห้องเช่าคนเดียว
ที่ไม่ได้หรูหราอะไร ดนัทธ์เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรองปลัดเทศบาลเมื่อไม่นานมานี่เอง
“ผมเห็นแม่ออกรายการโทรทัศน์ครับ” เขาตอบ
“อย่าไปคิดอะไรมากเลยแม่มีหน้าที่ของเธอ ดนัทธ์โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” หลวงลุงบอก
“ครับ...ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ” เขาตอบ
“ดนัทธ์กลับมาหาหลวงลุง แสดงว่ามีอะไร” หลวงลุงพูดทักขึ้นมา
“ผมไม่ได้มาเยี่ยมหลวงลุงนานแล้วครับ เห็นหลวงลุงสบายดีก็ดีใจครับ” ดนัทธ์ตอบ เขารูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว
ผมเหยียดตรงดกดำ ตาโต เป็นคนพูดจาไพเราะอ่อนหวานมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่จะมาอยู่กับหลวงลุงพ่อของดนัทธ์เป็นครู
แต่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
“ดนัทธ์ พ่อนั้นอาจอยู่กับดนัทธ์ได้ไม่นาน ถ้าพ่อเป็นอะไรไปลูกไปอยู่กับหลวงลุงนะครับ” พ่อพูดกับดนัทธ์
พร้อมทั้งเอามือลูบหัวตอนนั้นดนัทธ์กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอกครับเราอยู่กันสองคนสบายดีแล้ว ถ้าพ่อมีใครจะแต่งงานใหม่ผมไม่ว่านะครับ” ดนัทธ์
บอกพ่อ และไม่เคยคิดเลยว่าพ่อจะจากไปด้วยวัยสี่สิบปลายๆ
ตอนที่พ่อเสียชีวิตผมจำได้แม่มาในงานศพ ผมเข้าไปยกมือไหว้ก็ไม่ได้พูดอะไรกับแม่ แม่เป็นคนแต่งตัวทันสมัย
ผมยังจำติดตาวันที่แม่จากพ่อและผมไป ผมร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเข้าไปเกาะขาแม่ก็ไม่ยอมหันหน้ามามอง
ผมแม้แต่ครั้งเดียว พ่อเข้ามากอดผมพร้อมกับอุ้มและเอามือลูบหัวน้ำตาซึมด้วยความสงสารผม แม่สวยมากเป็นนักร้อง
ตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ต่างประเทศผมก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนัก
คืนนี้ผมนอนกุฏิหลวงลุงเหมือนกับทุกครั้งที่กลับมา และจำบรรยากาศเก่าๆตอนเป็นเด็กได้ ผมจะแอบไปนั่งที่
ศาลาท่าน้ำข้างวัดพร้อมกับหนังสือหนึ่งเล่มเพื่อหวังว่าจะเอาไปอ่านยามคืนเดือนหงาย ผมเรียนหนังสือด้วยเงินช.พ.ค
ของพ่อหลังจากที่พ่อเสียชีวิตซึ่งหลวงลุงจะจ่ายให้เป็นรายเดือน และอีกส่วนหนึ่งผมชอบไปทำงานรับจ้างในตลาดแล้ว
ใครจะจ้างให้ทำอะไรผมรับทั้งนั้น ยามใดที่มีงานศพในวัดผมจะรับจ้างยกน้ำให้แขกได้เงินมาก็ได้ใช้จ่ายรายวัน มีบางคน
ใจดีให้เงินมากกว่าราคา ผมจะเป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชน หลวงลุงบอกว่า มือเบาเข่าย่อห่อไหล่ใจดีมีสัมมาคารวะ จะ
เป็นที่รักของคนที่ได้พบเห็น ผมจะปฏิบัติตามหลวงลุงบอก
....
Cr:Pixels.com
วันนี้นับเป็นวันดีที่ท่านนายกเทศมนตรีเข้ารับตำแหน่งในวันแรก ท่านเป็นคนหนุ่มที่ได้รับความไว้วางใจทำให้สามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีได้ ท่านนายกเทศมนตรีเป็นคนในท้องถิ่นที่ผมเป็นรองปลัดเทศมนตรี ผมอยู่คนละอำเภอกันเลยทำให้ผมไม่ได้สนิท เพราะผมก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเช่นกันบรรยากาศในวันนี้มีแขกที่ทางเทศบาลเชิญมาเป็นเกียรติเพื่อร่วมต้อนรับท่านนายกเทศมนตรี มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ผมเคยได้เสนอให้งดเครื่องดื่มแต่มีผู้แสดงความคิดเห็นว่าถ้าไม่มีเครื่องดื่มถือว่าไม่ให้เกียรติผู้ที่เราต้อนรับ ทำให้การเสนอของผมตกไป
“เป็นไงบ้างโอเคมั๊ยอยู่เทศบาลที่นี่ ทำใจหน่อยนะ” ท่านนายกเทศมนตรีทักทายผมวันจันทร์หลังจากได้เลี้ยง
ต้อนรับแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมไปยืนที่หน้าห้องประชุมเพื่อสั่งงานกับเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะมีการประชุม
“ครับ” ผมตอบ พร้อมกับโน้มตัวเพื่อเป็นการทักทายเช่นกัน
“ได้ข่าวว่ารองปลัดฯก็เพิ่งมารับตำแหน่งเช่นกัน” ท่านนายกฯคุยกับผมอีกครั้ง พร้อมกับตบไหล่ผม
“ครับ” ผมตอบอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยที่ท่านนายกฯตบไหล่ เพราะผมไม่ได้สนิทพอที่ท่านทำ
อย่างนั้นได้อีกอย่างท่านนายกฯอายุมากกว่าผมประมาณ ๓ ปีท่านอาจเคยชินเพราะเป็นลูกของคนใหญ่คนโตในตำบล
นั้น
“ตามสบาย...เดี๋ยวเจอกันในห้องประชุม” เขาพูดอีกครั้ง
“ครับ” ผมตอบ จากนั้นท่านนายกฯก็เดินจากไป
วันนี้มีการแนะนำสมาชิกพรรคทั้งหมดพร้อมทั้งตำแหน่งของสมาชิกพรรค และท่านนายกเทศมนตรีก็แถลงนโยบาย และบอกว่าท่านจะต้องทำตามนโยบายที่ให้ไว้แก่ประชาชน หลังจากแถลงนโยบายแล้วท่านนายกฯไม่ลืมที่จะถามว่าใครมีอะไรสงสัยและชี้แนะบ้าง บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบไม่มีใครตอบรับ ดังนั้นท่านนายกฯก็ปิดการประชุมทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน
Cr:Pixels.com
“รองปลัดฯ ไปห้องทำงานผมด้วย” ท่านนายกฯบอกผม ทุกคนที่ห้องประชุมหันมามองหน้ากัน
“ครับ” ผมตอบ
ผมได้เดินไปที่ห้องทำงานท่านนายกฯ เคาะประตู
“เข้ามาได้เลย” ท่านนายกฯบอกผม ผมเปิดประตูเข้าไปมีสมาชิกพรรคของท่านนายกฯนั่งอยู่ ๒ คน
“ผมทราบว่ารองปลัดฯคัดค้านการมีเครื่องดื่มตอนเลี้ยงต้อนรับผม...ผมอยากขอเหตุผล” ท่านนายกฯถามผม
“ครับ” ผมตอบ
แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องนี่เองทำไมถึงต้องเรียกผมไปถึงห้องทำงาน หรือมีใครรายงานอะไรเกี่ยวกับตัวผมบ้าง ผมคิด
“ผมขอตัวก่อนครับ” เขาพยักหน้า
ผมออกจากห้องท่านนายกฯแบบงงๆเดินคิด โกรธ เสียใจ ปมด้วย มันแยกไม่ถูกว่าคืออะไร ที่แน่ผมมึนไปหมด
ทั้งตัวเหมือนถูกทำร้ายด้วยหมัดอันหนักหน่วงอย่างจังเข้าที่หน้า ถ้าเป็นผมจะไม่ทำร้ายใครด้วยคำพูดโดยเด็ดขาด และ
วันนี้หลังจากเลิกงานผมขับรถมอเตอร์ไซต์คู่ชีพของผมไปหาหลวงลุง ไม่เคยลืมที่จะซื้อผลไม้ไปเยี่ยมหลวงลุงเหมือน
อย่างเคย
“ดนัทธ์ มาเยี่ยมหลวงลุงหรือ หลวงลุงสบายดีพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดมาทำไม” หลวงลุงติงทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยม
“ครับ...ผมอยากมานอนกับหลวงลุงนิครับ” ผมตอบหลวงลุง
“มีอะไรให้คิดอีกล่ะ...” หลวงลุงถาม
“เปล่าครับ...อยากมาเยี่ยมหลวงลุงใกล้แค่นี้เอง” ผมตอบพร้อมกับยิ้ม
“ดนัทธ์...โตป่านนี้ยังไม่สามารถซ่อนความรู้สึกตัวเองไว้ได้เลย” หลวงลุงพยายามจับผิดผม
“ครับ...ไม่มีอะไรครับ” ผมจะปฎิเสธหลวงลุงทุกครั้งที่เกิดปัญหา
“ดนัทธ์...จำไว้นะลูกใครจะทำอะไรเราไม่ได้หรอก...เราต้องเข้มแข็งและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”หลวงลุง
บอกเหมือนจะพยามยามให้ผมคายความจริงออกมา
“ผมเอาของไปเก็บก่อนครับ...” ผมตัดบท
และเหมือนดั่งเคย ผมไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำเนื่องจากในคืนเป็นแรม ๘ ค่ำ ทำให้ดาวส่องแสงไม่เด่นเหมือนคืนเดือน
ดับ๑ ผมก็ไม่ลืมที่แหงนหน้าขึ้นไปมองดาวศุกร์ ดาวศุกร์เจ้ายังเด่นเหมือนเดิมแม้เจ้าไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เจ้าแค่ได้แสง
จากดวงอาทิตย์เจ้าก็ยังสามารถเด่นได้ผมคิด
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ผมต้องไปทำงานสิ่งแรกที่ผมคิดต้องพบกับท่านนายกฯคนใหม่ เป็นเหมือนถูกรังแกทุกครั้งที่
เห็นสายตาลอดผ่านมายังผม เหมือนเขาจะรู้จักผมมาก่อนแต่ทำไมผมไม่รู้จักเขาเลย อาจเป็นเพราะชีวิตผมคลุกคลีกับ
คนน้อยมากด้วยภาวะจำเป็นที่ไม่ได้อยู่กับพ่อ-แม่นั่นเอง
“รองปลัดฯ ผมอยากให้คุณไปประชุม” เขาพูดแบบไม่มีหางเสียง
“ครับ” ผมตอบ ก่อนที่ท่านนายกฯจะบอกกับผมได้ยกมือไหว้ท่าน ท่านรับแบบขอไปที
มายาทไม่มีเอาเสียเลย ผมนินทาในใจ
“คุณอยู่วัดตั้งแต่อายุเท่าไหร่” เขาถามผมขณะนั่งในรถ
“๑๖ ปีครับผม” ผมตอบเขา
“เรียนชั้นไหน” คำพูดไม่มีความไพเราะของเขาถามขึ้นอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้คนที่อยู่ในรถมี
ผม คนขับรถ และเลขาท่านนายกฯ ทุกคนหันมาสบตากัน จริงๆผมกับท่านนายกเราชื่อคล้ายกัน หรือด้วยการกำหนด
ของพระเจ้า ท่านนายกฯ ชื่อดนัย ส่วนผมชื่อ ดนัทธ์ ความสูงใกล้เคียงกัน ผมสูงกว่าท่านเล็กน้อย ขณะที่ผมกำลังคิดอะไร อยู่ทุกคนเหมือนจะอึดอัด คงคิดว่าอีกวินาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกมั่งกระมัง จริงดังคาด
อคุณกับชื่อผมคล้ายกันนะ” เขาพูดขึ้นขณะที่เสียงภายในเงียบนอกจากเสียงรถเท่านั้นที่ดังอยู่
“ครับผม” ผมตอบเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพเพื่อหวังว่าเขาจะใช้น้ำเสียงที่สภาพคุยกับผมบ้าง
“ชื่อคุณดูดีกว่าชื่อผม แต่คงไม่มีอะไรดีกว่าผมหรอก” เขาพูดทับผมอีกครั้ง
ผมจะให้อภัยเขาเพราะถือว่าเขาไม่ได้รับการสั่งสอนจากครอบครัว ส่วนผมแม้ไม่มีครอบครัวหลวงลุงก็ได้อบรม
ผมมาดีพอ ผมแปลกใจทำไมตอนหาเสียงความสุภาพไม่มีเขายังได้รับการยอมรับจากประชาชนได้ผมไม่เคยเห็นเขายก
มือไหว้ใคร แม้แต่ท่านปลัดเทศบาลซึ่งท่านอาวุโสมาก อีก ๒ ปีท่านจะเกษียณแล้ว
“เรียนโรงเรียนในระบบหรือเรียน กศน.” เขาถามผม แสดงว่าเขาคาดเดาเกี่ยวกับตัวผม
“ครับผม .. ผมเรียนในระบบครับ ผมจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ” ผมตอบและเริ่มรำคาญกับกิริยา
ยกตนข่มท่านแล้ว ทำให้การเสียมารยาทของผมเกิดขึ้น
ทำให้ทุกคนที่นั่งในรถรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะคนขับรถเพราะเขาขับรถให้เทศบาลมานาน พบนายกเทศมนตรีก็หลายคน เป็นคนสุภาพอ่อนน้อมพูดจาไพเราะและยิ้มแย้มแจ่มใส
หลายวันต่อมามีการประชุมเพื่อเตรียมการต้อนรับคณะบุคลากรของเทศบาลเมืองเพื่อมาศึกษาดูงาน ทำให้การ
ต้อนรับต้องดูดีกว่าปกติจึงมีข้อเสนอแนะเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้การต้อนรับไม่มีการขาดตกบกพร่อง และการประชุมมี
ท่านนายกเทศมนตรีเป็นประทาน ส่วนผมได้แต่รับฟังไม่ได้มีการเสนอแนะอันใด
“รองปลัดฯ มีอะไรเสนอแนะอีกบ้าง ... ไม่สบายใจอะไรก็บอกมา” เขาแขวะมาที่ผม
“ครับผม” ผมตอบ ทำให้ทุกคนหันมามอง ในที่ประชุมตึงเครียดขึ้นทันทีหลายคนหันไปซุบซิบกันผมไม่ทราบ
ว่าซุบซิบเรื่องอะไร ถ้าไม่มีคำต่อท้ายว่า ไม่สบายใจอะไรก็บอกมา ก็ธรรมดา
“คุณมักมีปัญหาชอบเสนอแนะ วันนี้นั่งนิ่งผมแปลกใจ” เขากล่าวต่อ
ผมนั่งนิ่งเหมือนถูกตบทุกคนหันมามองผมอีกครั้ง เขาเป็นอะไรถ้าไม่เป็นโรคจิตก็คงมีปมด้อยตอนสมัยเด็กเป็น
แน่พ่อแม่คือใคร ผมคิดในใจ
“ผมขอปิดประชุมคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ” เขากล่าวปิดประชุมด้วยภาวะตึงเครียด ทุกคนเดินออกจาก
ห้องประชุมและแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมยังนั่งอยู่ในห้องประชุมพักใหญ่จนเจ้าหน้าที่ห้องโสตฯมาเก็บเครื่องเสียง ผม
เลยลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินออกจากห้องประชุมแบบมึนๆตรงไปที่ลานจอดรถแล้วตัดสินใจไปที่ตลาดเพื่อซื้อผลไม้ไปฝาก
หลวงลุงเช่นเคย
“อ้าว!!! ดนัทธ์วันนี้เยี่ยมหลวงลุงอีกหรือ ... คืนเดือนดับคิดถึงดาวศุกร์อีกกระมัง” หลวงลุงทักผมด้วยคำตลก
แต่สายตาหลวงลุงดูเป็นกังวล
“ครับ ... ผมไม่ทราบเลยว่าเป็นคืนเดือนดับ” ผมตอบหลวงลุงด้วยรอยยิ้ม
“งั้นคิดถึงหลวงลุง?” หลวงลุงพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสูงเหมือนจะสงสัย
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ
“มีอะไรจะบอกหลวงลุงบ้าง ... หลวงลุงอาจช่วยได้นะ”
“ครับ ... ไม่มีครับ” ผมตอบ
“คนเรานะดนัทธ์ ...หลวงลุงเคยบอกเสมอว่า
แต่ละคนมีพื้นฐานครอบครัวแตกต่างกัน
...การคิดบวก...เป็นกำไรของชีวิต
...ให้อภัยกับคนที่เขาไม่เหมือนเรา…เป็นกุศล
...การถือโทษโกรธแค้นใจใคร ... จะเป็นทุกข์
ตัวเราเองก็เหมือนกัน สิ่งที่เราไม่ชอบในสิ่งที่คนอื่นกระทำกับเรา เราก็อย่าไปกระทำกับคนอื่น” หลวงลุงสอน
ยาวยืด ผมชินกับที่หลวงลุงสอนแล้วเมื่อตอนเรียนมัธยมผมชอบนั่งฟังเป็นประจำ ผมอาจเหงากระมังพอได้ไปนั่งข้าง
หลวงลุงทำให้อบอุ่น แต่พอไปเรียนที่กรุงเทพฯก็ไม่ค่อยได้ฟังจนมีโอกาสได้มารับราชการในจังหวัดของตนเอง จึงมีโอกาสได้มาหาหลวงลุงมากขึ้น
คืนนี้เป็นคืนเดือนดับอย่างที่หลวงลุงบอกจริงๆ แต่ดาวศุกร์เจิดจรัสดูเด่นราวกับท้องฟ้าเป็นของตนเอง ทำให้
ดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตนเองดูด้อยลงทันทีผมจะทำตัวให้มีรัศมีเจิดจรัสดุจดั่งดาวศุกร์ในยามค่ำคืนตอนหัวค่ำ เพราผม
มีหลวงลุง เปรียบเสมือนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หนาทึบทำให้แสงจากดวงอาทิตย์สามารถสะท้อนมายังดาวศุกร์ได้
อย่างโดดเด่น ผมคิดในใจ
“กริยามารยาทนั้นฝึกกันได้ ต้องทำตัวให้ผู้พบเห็นสรรเสริญเรา ๑ คำชม คือ ๑ คำสรรเสริญ” คำพูดของหลวงลุงที่อบรมผมครั้งแรกที่ผมได้มาอยู่กับหลวงลุงยังดังก้องอยู่ในหูเสมอ
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในเทศบาล เมื่อผมเห็นมีคนมากมายต่างจับกลุ่มคุยกัน
“ท่านนายกฯ ประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัสมากครับ” มีคนหนึ่งตอบผม
“เมื่อไหร่ครับ” ผมถาม
“เมื่อคืน...ตอนหัวค่ำค่ะ” อีกคนหนึ่งตอบ
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามอีกครั้ง
“ยังไม่รู้สึกตัวเลยครับ...มีเจ้าหน้าที่และญาติพี่น้องได้ไปให้เลือดกันหลายคนแต่เลือดไม่ตรงกันค่ะ” คนที่ยืนอยู่
ในกลุ่มนั้นตอบมาอีกครั้ง
“รองปลัดฯ เลือดหมู่อะไรคะ” ผู้ร่วมสนทนาคนหนึ่งถาม
“ผมหมู่เลือดไม่เหมือนชาวบ้านครับ ... คงให้กันไม่ได้ครับ” ผมตัดบท ผมรู้สึกมีปมด้อยทุกครั้งที่หมู่เลือดไม่
เหมือนใคร ครั้งที่เพื่อนล้อรู้สึกอายมากเมื่อตอนไปตรวจเลือดเพื่อเรียนนักศึกษาวิชาทหาร และที่อายมากกว่านั้นคือ
สอบนักศึกษาวิชาทหารไม่ผ่าน
“ถ้าเกิดอุบัติเหตุเหมือนท่านนายกฯคงลำบากเช่นกันกระมัง” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาลอยๆเหมือนจะรำคาญ
“ครับ” ผมตอบอีกครั้ง แล้วผมก็เดินจากไป
“ตอนนี้คนไข้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในตัวเมืองแล้วครับ ปัญหาคือถ้าไม่ได้เลือดภายใน ๑ ชั่วโมงคนไข้จะ
เสียชีวิตทันที” ผมได้ยินท่านปลัดฯโทรศัพท์อยู่...ผมหยุดฟังทันที
หลายคนยืนจับกลุ่มคุยกัน
Cr:Pixels.com
“หมู่เลือด Rh negative A ครับ” ท่านปลัดฯตอบ
“ผมหมู่เลือด Rhnegative A ผมครับหมู่เลือด Rh negative A ” ผมไม่รีรอตอบท่านปลัดฯแบบเสียมารยาทที่
แอบฟังเขาคุยโทรศัพท์กัน และท่านปลัดฯหันมาหาผมทันที
“ผมหมู่เลือด Rh negative A ครับ” ผมบอกเขาอีกครั้ง แต่ท่านปลัดฯลังเลเพราะทุกคนทราบดีว่าท่านนายกฯ
ไม่ชอบผม
“เราไปกันครับ เดี๋ยวจะไม่ทันการ” ผมพูดกับท่านปลัดฯอีกครั้ง
“ท่านมีรถมั๊ยครับ” ผมพูดอย่างไม่ลังเล
เราไม่ได้เป็นญาติกันเลยแล้วจะมีหมู่เลือดที่เหมือนกันได้อย่างไรพ่อผมเป็นคนภาคอีสาน แม่ผมเป็นคนภาค
กลาง แม่แต่งงานกับพ่อได้เพราะพบกันตอนสมัยเรียน บังเอิญพ่อมารับราชการที่ภาคใต้แม่เลยตามพ่อมาอยู่ภาคใต้ และ
ผมทราบว่าพ่อและแม่ของท่านนายกฯเป็นคนท้องถิ่นภาคใต้ เราคงไม่ได้เป็นญาติกันทางสายเลือดแน่นอนบังเอิญแค่
นั้นเอง ผมคิดตลอดการเดินทาง
หลังจากผมพักฟื้นจากการให้เลือดออกมากับท่านปลัดฯ ทุกคนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างกระสับกระส่าย และ
ที่หน้าห้องผ่าตัดถึงแม้จะไม่ใช่ญาติของท่านนายกฯก็ตามดูเป็นกังวล สายตาของทุกคนมองสู่จอหมายเลขคนไข้หน้า
ผ่าตัดว่าตอนนี้อยู่ระยะใด ในที่สุดหมายเลขของท่านนายกฯก็ขึ้นที่จอหน้าห้องผ่าตัดว่าผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยคราวนี้คงรอ
แต่คุณหมอออกมารายงานอาการ
“ขอพบญาติของท่านนายกฯดนัยครับ” คุณหมอห้องผ่าตัดใส่ชุดผ่าตัดสีเขียวดูน่าเกรงขามออกมาถามหาญาติ
“ผมเอง” พ่อของนายกฯตอบทันทีส่วนแม่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“การผ่าตัดปลอดภัยครับ...ท่านนายกฯดนัยเสียเลือดมากอาจต้องหาเลือดเพิ่มอีกครั้งครับ” หมอเจ้าของไข้พูด
กับครอบครัวรวมถึงผู้ที่ไปรอหน้าห้อง ทุกคนหันมาที่ผม
“ครับผม ... ผมสามารถให้ได้ทุก ๓ เดือนครับ”
“ครับ” หมอตอบ
“ถ้าหามาจากที่อื่นได้ผมยินดีจะให้ทดแทนได้ครับ” ผมเสนอแก่หมอ
“ท่านนายกฯดนัยต้องอยู่ห้อง ICU สัก ๒-๓ วัน” คุณหมอหันมาหาผม
“ครับผม” ผมตอบ
“งั้นผมขอตัวก่อนครับ” หมอพูดพร้อมทั้งโน้มตัวเล็กน้อย
ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกลับกับท่านปลัดฯ ขณะที่นั่งรถเรามีเรื่องคุยกันมากมายจนท่านปลัดฯพูดขึ้นว่า
“ดนัทธ์...คุณมีน้ำใจมากถ้าอยู่เฉยๆก็ไม่มีใครทราบ” ท่านปลัดฯพูดกับผมอย่างเป็นกันเองและคงมองผมเป็น
เด็ก
“ผมไม่ยอมให้ใครตายต่อหน้าต่อตาโดยไม่ช่วยหรอกครับ” ผมพูด
“ถ้าต้องการเลือดอีกเราจะทำอย่างไร” ท่านปลัดฯพูด
“คงต้องมีวิธีครับ ... ผมมีเพื่อนเป็นหมอตอนเรียนที่จุฬาฯเขาน่าจะช่วยเราได้” ผมบอก
“แต่พ่อท่านนายกฯคนใหญ่คนโตคงช่วยได้” ผมพูดขึ้นอีกครั้ง ท่านปลัดฯไม่ได้พูดตอบ เราเงียบกันจนถึง
สำนักงานเทศบาล ท่านปลัดฯไปส่งผมที่ลานจอดรถ เป็นเวลาเย็นมีหลายคนยังไม่กลับบ้านจับกลุ่มคุยกัน ทุกคนพอเห็น ผมก็เข้ามาถามข่าว พอผมตอบว่าท่านนายกฯปลอดภัยก็แสดงอาการโล่งอก
“ถึงท่านปากเสีย ไม่มีมารยาทก็อดห่วงไม่ได้” เจ้าหน้าคนหนึ่งพูดขึ้น
“คราวนี้คงงดแขวะท่านรองปลัดฯไปสักพัก” อีกคนพูด ผมได้แต่ยิ้มไม่พูดตอบ ผมก็ได้ขอตัวกลับบ้าน
ผ่านไป ๓ วันทราบข่าวท่านนายกฯออกจากห้อง ICU ตามคาดหมายและอาการดีขึ้นมาก หลายคนได้ไปเยี่ยม
ท่านแต่ผมไม่กล้าไปรู้สึกเกรงใจกลัวท่านจะไม่สบายใจ ข่าวดีอีกอย่างท่านไม่ต้องให้เลือดเพิ่มอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ผม
ยังอดสับสนไม่ได้เมื่อทราบว่าท่านนายกฯมีเลือดกรุ๊ฟเดียวกับผม
คืนนี้ผมนอนไม่หลับออกมานั่งดูท้องฟ้าที่เป็นคืนเดือนหงาย ดาวศุกร์ก็ยังเห็นความสว่างชัดเจน ถึงแม้ว่าแสงจากดวงจันทร์ทำให้ดาวศุกร์ถูกข่มลงเป็นอย่างมาก ดาวศุกร์และดวงจันทร์ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เหมือนกัน ดวงจันทร์นั้นใจดีส่องสว่างสู่โลก คืนนี้ผมคิดมากอาจเป็นเพราะผมทราบว่าท่านนายกฯจะกลับมาทำงานและหายเป็นปกติแล้วกระมัง ผมไม่กล้าสู้หน้าท่านเพราะผมไม่แน่ใจว่าท่านจะพูดอะไรออกมา
“รองปลัดฯ เข้ามาหาผมหน่อย” เป็นดังคิดผมถูกเรียกเข้าไปในห้องท่านนายกฯ
“ครับผม” ผมตอบพร้อมทั้งเก็บเอกสารที่โต๊ะทำงานแล้วเดินตามท่านไป
“ขอบคุณมากเรื่องให้เลือดผม คุณช่วยชีวิตผมไว้” ผมนึกไม่ถึงว่าท่านจะพูดกับผมด้วยท่าทางอ่อนน้อมแม้ยังไม่
มีหางเสียงเหมือนเดิมก็ตามดูกิริยาแล้วอ่อนน้อมขึ้น
“ครับผม ... ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบสั้นๆ
“วันนี้ผมอยากไปหา...หลวงลุงของคุณ” เขาเอ่ยขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ครับผม” ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่ท่านนายกฯจะไปหาหลวงลุง
“พรุ่งนี้หรือครับ” ผมถาม
“ไปเดี๋ยวนี้เลย ...ไปรถผม...ผมเตรียมเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้วครับ” เขาตอบผม ผมยิ่งแปลกใจไปอีกเมื่อเขา
สุภาพขึ้นกว่าเดิมมีหางเสียงขณะพูดดูมีเสน่ห์ขึ้นมาก เพราะเขาหน้าตาดีคมสัน สูง ผิดดำแดง ผมหยักศก เหมือนกับพ่อ
ของเขา ผมเพิ่งเห็นความหล่อของเขาเมื่อเขาสุภาพกับผมนี่เอง
“แต่วันนี้เย็นมากแล้วนะครับ” ผมแย้งขึ้น
“ผมจะไปนอนกับหลวงลุงของคุณ” ผมตกใจอีกครั้ง
“ครับผม” ผมตอบแบบมึนๆ หรือเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ผมคิดสับสนไปหมด
“เราไปซื้อของฝากหลวงลุงคุณก่อนครับ” เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ครับผม” ผมยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ เลือดของผมคงไปเปลี่ยนแปลงเขากระมัง วันแรกของการทำงานเขาแต่งตัวดู
เรียบร้อยมาก วันนี้เขาใส่เสื้อสีครีม กางแกงทรงสแลคสีดำ ผูกเน็คไทสีเดียวกับเสื้อแต่เป็นลายสกอตตาเล็ก พอจะออก
จากห้องทำงานไปกับผม เขาได้เอาเสื้อเจ๊กเก็ตสีดำคลุมทับอีกทีหนึ่งรีดเรียบร้อยทำให้ความหล่อ สมาร์ทปรากฎขึ้นอย่าง
เด่นชัด ต่างจากเมื่อก่อนหน้านี้เขามักจะใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืดมาทำงานเป็นประจำ บางวันยังใส่รองเท้ารัดส้น ไม่ใส่
ถุงเท้าเสียด้วยซ้ำ ผมมักนึกตำหนิในใจเสมอ และที่สำคัญทำไมเขาถึงมาดีกับผม
“ดนัทธ์ไปยังไงมายังไงละนี่ถึงได้หิ้วดนัยมาด้วย” หลวงลุงถามเราเมื่อเข้าไปกราบหลวงลุง
“ผมอยากมาหาหลวงลุงเองครับ...ผมเป็นคนชวนครับ” เขาตอบ
“มาเสียค่ำเชียวกินอะไรกันมาแล้วล่ะ มาวัดตอนนี้คงอดซิท่า” หลวงลุงคุยเสียยาวเหยียด
“ผมกับดนัทธ์ทานมาแล้วครับ...” เขาตอบหลวงลุงผมแปลกใจเข้าไปอีกทำไมเขาเรียกผมว่าดนัทธ์ ปกติเขา
เรียก รองปลัดฯ ก่อนมาหาหลวงลุงเขาได้ชวนผมไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งโดยเขาบอกว่าเขาจะเลี้ยงตอบ
แทน ผมรับปากโดยดีกิริยามารยาทในการรับประทานอาหารเหมือนผู้ดีเก่าขณะที่รับประทานอาหารเขาพูดกับผมน้อย
มาก เหมือนได้รับการอบรมมาอย่างดีกับกิริยาบนโต๊ะอาหาร หมู่เลือด Rh- A ของผมที่ให้เขาทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไป
ได้มากเพียงนี้หรือ ผมอดดีใจไม่ได้คราวนี้หากเขาเปลี่ยนแปลงกิริยาแบบนี้ประชาชนสามารถพึ่งพาเขาได้ในเทศบาล
ทั้งหมด ผมมีความคิดลึกๆ
วันนี้เป็นวันหยุดผมกับท่านนายกฯ ได้ดื่มชาที่กุฏิหลวงลุงและเรานอนที่กุฏิซึ่งผมเคยอยู่ ปัจจุบันหนังสือผมยังเก็บอยู่
“หลวงลุงครับ!!! ผมมาหาหลวงลุงเพื่อขอโทษให้พ่อครับ...พ่อทำอะไรเกินเลยจนทำให้แม่ไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้
และดนัทธ์ต้องมาอยู่กับหลวงลุงหลังจากที่พ่อเขาเสียชีวิต ... ผมคุยกับพ่อแล้วว่าแม่สามารถกลับมาอยู่เมืองไทยได้โดย
พ่อจะไม่ระรานใครอีกต่อไป ผมรอดตายครั้งนี้เพราะดนัทธ์ครับ” เขาพูดกับหลวงลุงโดยที่หลวงลุงนั่งเฉยไม่พูดอะไร
ปล่อยให้เขาพูดคนเดียว
“ตั้งแต่นี้ไปผมจะเอาแบบอย่างน้องครับ...และผมจะทำประโยชน์ให้สังคมเหมือนกับที่ได้รับการไว้วางใจครับ”
เขาสัญญากับหลวงลุง
ผมจึงทราบว่าผมเป็นน้องชายที่แท้ของท่านนายกฯแต่คนละพ่อกัน พ่อของท่านนายกเป็นนักเลงได้ฉุดแม่ไปหลังจากที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะแม่เป็นคนสวยมาก ทำให้แม่ตั้งท้องหลังจากคลอดท่านนายกฯ พ่อเขามาแย่งเขาไปครั้นอยู่ชั้นมัธยมปลายก็ส่งไปเรียนเมืองนอก จนจบปริญญาโทกลับมาเพื่อสมัครนายกเทศมนตรีซึ่งได้ตามคาดหมาย เขามีนิสัยก้าวร้าวตั้งแต่เด็ก เหตุที่แม่อยู่เมืองไทยไม่ได้เพราะพ่อของท่านนายกฯระราน พ่อเลยให้แม่ไปอยู่เมืองนอกหลังจากที่พ่อเสียชีวิตแม่ก็ได้แอบส่งเงินมาให้ผม เก็บไว้ที่หลวงลุงหากผมมีครอบครัวก็จะให้เพื่อไปสร้างครอบครัว ท่านนายกเองก็เพิ่งทราบเมื่อได้เลือดผมครั้งประสบอุบัติเหตุ หลวงลุงคือพี่ชายแท้ๆของแม่ทุกอย่างทั้งหมดผมไม่ทราบรายละเอียดและไม่เคยสงสัยอะไร หลวงลุงก็ไม่ยอมเล่าอะไรปล่อยให้ผมโกรธแม่มานาน
“เวลาเป็นตัวกำหนดเรื่องราวความรักในสายเลือดและคนในชาติถือว่าเป็นส่วนสำคัญ กิริยามารยาทนับเป็นอย่างหนึ่งที่เราควรปฏิบัติ” หลวงลุงกล่าว
“หมู่เลือด Rh Negative A ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนครับ...ผมไม่เคยทราบเลยว่าผมมีหมู่เลือดพิเศษ” เขากล่าวกับ
หลวงลุง
๑ เดือนดับ แรม ๑๔ หรือแรม ๑๕ ค่ำ เป็นคืนเดือนมืด
๒ หมู่เลือด Rh- A (Rh Negative) หมายถึง ไม่มีการพบแอนติเจน ดี ซึ่งพบได้
ประมาณร้อยละ 15 ใน คนผิวขาว แต่มีอัตราพบน้อยมากในประชากรไทย 1000 คน พบเพียง 3 คน
เท่านั้น จึงนับว่าเป็นหมู่โลหิตหายาก หรือ หมู่โลหิตพิเศษ ส่วน A เป็นหมู่เลือด ABO
โฆษณา