12 ส.ค. 2020 เวลา 12:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ECONOMY : เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวรุนแรงที่สุดเป็นวัติการณ์ และทำให้เกิดความกดดันต่อการฟื้นตัวในอนาคต
อังกฤษเป็นประเทศที่เศรษฐกิจหดตัวรุนแรงที่สุดในทวีปยุโรป ในระหว่างที่มีมาตรการ Lockdown อยู่ ซึ่งเป็นการเพิ่มความกดดันให้แก่รัฐบาล เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องแน่ใจว่าการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตจะไม่ทำให้การฟื้นตัวหยุดชะงักลงอีกครั้ง
GDP ของประเทศหดตัว 20.4% ในไตรมาสที่ 2 ของปี ซึ่งเป็นการหดตัวอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เก็บสถิติมาในปี 1955 และคิดเป็น 2 เท่าของการหัดตัวในประเทศเยอรมนีและสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังส่งผลให้อังกฤษเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009
รายงานดังกล่าวตามมาหลังจากรัฐบาลได้เปิดเผยตัวเลขการสูญเสียงานจำนวนมาก ขณะที่ Rishi Sunak รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออกมายอมรับว่า "จะมีเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้ตามมา" (more pain is to come.)
"ฉันเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และวันนี้ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นแล้วว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากกำลังอยู่กับเราจริง ๆ โดยเรามีหลายแสนคนที่สูญเสียงานของพวกเขา และน่าเศร้าที่ผมต้องบอกว่าจะมีการสูญเสียงานอีกมากตามมาหลังจากนี้ไป"
มีการจ้างงานเกือบ 10 ล้านตำแหน่งที่อยู่ในโครงการสนับสนุนของรัฐบาล โดยพวกเขาจ่ายค่าจ้างให้แรงงานของบริษัทถึง 80% ของเงินเดือนปกติ และบริษัทจะจ่ายอีก 20% เพื่อแลกกับการไม่ปลดพนักงานออก
Sunak กู้เงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ และปัจจุบันเขาได้ยืนกรานว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องค่อย ๆ ยุติแผนการดังกล่าว แม้นักวิจารณ์บอกว่าเขาควรขยายระยะเวลาออกไป
เศรษฐกิจของอังกฤษได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากประเทศถูกขับเคลื่อนโดยภาคการบริการ และการบริโภคทางสังคมอย่างเช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน และการช็อปปิ้ง แต่มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วงว่าการปรับตัวขึ้นอาจหมดลง
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อภายในประเทศได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการปิดเมืองมากขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดลง และบริษัทต่าง ๆ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีก หากอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลง Brexit กับ EU ได้ภายในสิ้นปีนี้
Boris Johnson นายกรัฐมนตรีของประเทศกำลังประสบปัญหาหนัก เนื่องจากไม่สามารถตอบสนองต่อไว้รัสได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านก็เสียเวลาไปกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเกี่ยวกับการหดตัวของเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะกระตุ้นเศรษฐกิจอีีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ โดยเพิ่มการซื้อพันธบัตร แม้ว่าพวกเขาจะได้พิมพ์เงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินแล้วและได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ระดับ 0%
ตัวเลข GDP ล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่าอังกฤษได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ๆ เนื่องจากการปรับใช้มาตรการ Lockdown อย่างล่าช้า โดย GDP ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2003 นอกจากนี้ประเทศยังมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 สูงที่สุดในยุโรป และมีแนวโน้มว่าการหดตัวของเศรษฐกิจจะรุนแรงที่สุดในประเทศมหาอำนาจทั่วโลก
ความเสียหายในไตรมาสที่ 2 เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่หดตัวถึง 35% ขณะที่ภาคบริการซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดของเศรษฐกิจในประเทศหดตัว 20% ส่วนภาคการผลิตในอุตสาหกรรมลดลง 17%
การใช้จ่ายของรัฐบาลลดลง 14% และธุรกิจการลงทุนลดลง 31.4% ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 23.1% ขณะที่ผลผลิตที่วัด Output รายชั่วโมงลดลงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.5%
BOE ได้ให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานว่าเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจ โดยเจ้าหน้าที่กลัวว่าจะมีการว่างงานเพิ่มขึ้นเมื่อมีการยกเลิกมาตรการสนับสนุนงานของรัฐบาลในปลายปีนี้ ข้อมูลเมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่าจำนวนพนักงานที่มีเงินเดือนลดลงประมาณ 730,000 คนเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้พวกเขาเตือนว่ายิ่งใช้เวลาฟื้นตัวนานเท่าใดความเสี่ยงของเศรษฐกิจก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา