12 ส.ค. 2020 เวลา 18:22 • ธุรกิจ
Slack จากบริษัทมูลค่า "0" ทยานสู่ 17 พันล้านดอลล่าร์ ภายใน 5 ปี ได้อย่างไร ?
มาดูศึกษาเส้นทางความสำเร็จของบริษัท Start-up "Slack" กัน !
เพื่อนๆมีใครรู้บ้างว่า บริษัท "Slack" เค้าทำอะไรเอ่ย ?
เดาว่าหลายๆคนน่าจะรู้แล้วละเนอะ เค้าออกจะดังขนาดนี้
(บริษัทเราก็ใช้ software นี้เป็นหลักสำหรับการสื่อสารด้วยนะ)
งั้นเดี๋ยวเราจะไปย่อยให้เพื่อนๆฟังกัน ว่า Slack เค้าคือใครและทำอะไร ?
ทำยังไงเค้าถึงได้ข้ามมาถึงจาก "0" เป็น "$17 Billion " ได้
Slack คือ ?
- Software / App ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการสื่อสารในรูปแบบของ Online chat สำหรับบริษัทหรือทีมขนาดกลางถึงใหญ่
- ถ้าเป็นแค่แอพ Chat ธรรมดาก็คงจะไม่ต่างอะไรกับ Line เนอะ Slack ทำได้มากกว่านั้นเยอะ เพราะสามารถกักเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ไว้ได้ รวมถึงส่งข้อมูล
- Slack เองยังสามารถสร้างกลุ่มแชทเพื่อการเรียนรู้ได้อีกด้วย
- มากกว่านั้นคือ Slack มี Cloud storage ขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บการแชท รวมถึงการ search
เรื่องราวของ Slack เริ่มต้นที่ Stewart Butterfield ในปี 2009
- กำเนิดจาก Stewart Butterfield (1 ในผู้ก่อตั้ง Flickr) โดย Stewart ได้ก่อตั้งบริษัทชื่อว่า Tiny Speck ของเค้าเองขึ้นมา
- โดย Stewart มีเป้าหมายเพียงแค่จะต้องสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้สำหรับ Live chat ขึ้นมา
- โดยในขณะนั้น Stewart ได้มีโอกาสพัฒนาเกมส์ที่ร่วมมือกันกับ Glitch ในการทำ เกมส์ MMORPG ขึ้นมา
- แต่นั้นยังไม่ใช่จุดกำเนิดของ Slack ก็เพราะว่า บริษัท Tiny Speck ของ Stewart ไม่มีทุนมากเพียงพอนะสิ มีเพียงแต่ความฝันที่พร้อมขาย
เกมส์ Glitch ที่ Steward ทำงานให้
Internet Relay Chat (IRC) รูปแบบการ Chat ภายในทีมที่ไม่ดีเพียงพอ
- ขอเรียกว่าเป็นเพราะ Stewart ต้องใช้โปรแกรมแชทชื่อว่า Internet Relay Chat (IRC) อย่างไรก็ตามเค้าต้องสื่อสารไปยังเพื่อนในทีมที่ทำงานอยู่ที่ New York, San Francisco, และ Vancouver ซึ่ง Stewart ต้องการบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่าแค่การ Chat
ถ้าต้องการมาก งั้นก็สร้างขึ้นมาเองเลยละกัน
- Stewart ไม่รออีกต่อไป เค้าได้ใช้ความสามารถทาง IT ในการเขียนโปรแกรม Live chat, เก็บไฟล์ข้อมูล, เน้นการ Sharing
- อย่างไรก็ตามในช่วงแรก Stewart ไม่ได้หวังแสวงหากำไรจากโปรแกรมนี้เลย ต้องการเพราะมันสะดวกต่อการสื่อสารกับเพื่อนทีม
- แต่มันดันออกมาใช้งานได้ดีกว่าที่เค้าคิดนะสิ และแน่นอนว่า Stewart และบริษัทของเค้า Tiny Speck ก็ได้อัพเกรดเจ้าโปรแกรม chat นี้ไปอีกนิด แล้วได้มีการแชร์ให้กับเพื่อนๆที่เค้ารู้จักในบริษัทอื่น ให้ลองนำโปรแกรมของเค้าไปใช้ดู
- เพื่อนๆอาจจะคิดว่า นั้นแหน่ ! นาย Stewart นายอยากจะเริ่มต้นขายงานของตัวเองแล้วละซี่ ใช่ไหมเอ่ยย? แต่เราจะบอกว่าผิดน้าาา
- Stewart เค้าต้องการรับรู้ถึง Feedback ของผู้ใช้งานในบริษัทอื่น เพื่อนำมาพัฒนาตะหากละ เค้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าโปรแกรม chat นี้ยังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวเพื่อการค้าอย่างแน่นอน
จนกระทั่งปี 2014, Slack Launch Day
- ในเดือนกุมภาปี 2014 นั้นคือวันแรกของการเปิดตัว App chat "Slack" (คือจริงๆเป็น Tiny Speck ก่อนนะแล้ว สักพักนึงก็เปลี่ยนชื่อเป็น Slack)
- โดย Slack ได้ทำการ funding เงินจำนวน 42.8 ล้านดอลล่าร์ โดยในขณะนั้นไม่กี่เดือนจากที่ Slack เปิดตัว ได้มีผู้ใช้งานไปแล้ว 60,000 users
- และไม่นานนัก (ภายในต้นปี 2015) Slack ได้มีผู้ใช้งานเหยียบหลัก 1 Million users เป็นที่เรียบร้อย และยังคงพุ่งไปต่ออย่างไม่หยุดยั้งเลยละ นี่แค่ปีที่เค้าเปิดตัวนะ
Slack Logo (แต่ตอนนี้เป็น Old logo แล้ว)
เคล็ดลับเส้นทางเริ่มต้นความสำเร็จ
1. Perfecting User Experience
- โดย Slack ทำการบ้านอย่างหนักมากโดยการรับฟังทุก feedback ที่ลูกค้าส่งมาให้
- เน้นย้ำกับ complain feedback และ Slack ไม่เคยนิ่งเฉย จะต้องทำการแก้ปัญหาและอัพเดท feature ใหม่ๆอยู่ตลอด
- Simplicity experience คือสิ่งที่ Slack ต้องการมอบให้กับ users ของเค้า แน่นอนว่าความเรียบง่าย ใช้ง่าย รู้จุดประสงค์รู้จุดเด่นของการใช้งาน app นี้
- งานสำคัญคือการ อัพ design การใช้งานให้เหมาะสมกับลูกค้าอยู่อย่างเรื่อยๆ เรียกได้ว่า ใน 1 ปีเนี่ย Slack ได้พัฒนารูปแบบการใช้ในทุก quarter เลยละ
2. The North Star Metric
- เอาง่ายก็คือ เหมือนเป็นการ Set goal ที่สูงมากๆ และต้องไปให้ถึง
- ถ้าพูดถึง North Star ของบริษัทขายของทั่วไปเนี่ย คงไม่พ้น Sales volume หรือ คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าเนอะ
- แต่ของ Slack คือ ไม่ใช่ revenue หรือ จำนวนลูกค้า แต่พวกเค้าต้องการเห็นการใช้งาน 2,000 message sent ต่อวัน และพวกเค้าก็ทำสำเร็จ
3. Pricing and Freemium Models
- นับตั้งแต่ Slack สามารถบรรลุ North Star ดวงแรกได้ นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของ Slack ที่เริ่มทำ Package ออกขายโดยเน้นเป็น องค์กรขนาดเล็ก หรือทีมขนาดเล็ก โดยทีราคาของ Package ต้องเหมาะกับการใช้จ่ายของ team manager ที่จะสามารถซื้อให้กับลูกทีมตัวเองได้
- โดยพวกเค้ามองว่า การเริ่มต้นจากทีมเล็กๆขนาด 5-10 คน ก็เหมือนการหว่านเมล็ดพืช แล้วรอเค้างอกงาม
- และถ้าผลิตภัณฑ์ของเค้าดีจริงๆ แน่นอนว่าทั้งองค์กรนั้นๆจะต้องหันมาใช้เจ้าโปรแกรมนี้
- และต้องเริ่มด้วยราคาที่ถูกมากๆๆ เรียกได้ว่าเป็น First mover advantage เลย เพราะไม่มีใครกล้ายอมเล่นแบบนี้
ผู้ใช้งานเพิ่มจำนวนเป็น 3 เท่า สู่ 3 ล้าน active user ต่อวัน ในปี 2016
https://usefyi.com/slack-history/
- จากกราฟข้างบน เพื่อนๆจะเห็นเลยว่าจำนวนผู้ใช้งานของ Slack ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
Chat Bot และ Ecosystem ถือกำเนิดขึ้น
- แน่นอนว่า Slack ไม่ได้หยุดการลงทุนกับ นวตกรรม ของ Chat app แต่เพียงเท่านั้น
- พวกเค้าได้พัฒนา Chat bot ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวก และ สร้าง new feature ให้กับผู้ใช้งานของเค้า
- และแน่นอนว่า ตอนนี้ Goal ของเค้าคือการสร้าง Ecosystem กับ Users พูดง่ายๆก็คือ พวกเค้าทุกคน ทุกบริษัทต้อง Happy ที่ได้ใช้งาน Slack ในชีวิตทำงานประจำวัน
- Slack ยังได้มีการพัฒนาโปรแกรมร่วมกับ programmer และ developer ต่างๆ ที่เป็นแนว Kick-starter และแน่นอนว่า Slack ต้องพัฒนาวงการ Chat Bot maker
- โดย Slack ได้มีการทำ Venture Fund จำนวน 80 ล้านดอลล่าร์ และแน่นอนว่า Slack ก็ได้เอามาสนับสนุน Kick-starter ที่ทำโปรแกรมที่สามารถใช้งานคู่กันไปกับ Slack ได้
- และนั้นทำให้ Slack ได้ถีบตัวเองขึ้นไปจากวงการ Start-up ธรรมดาๆเรียบร้อย
- Tech guy หลายๆคนยังได้เทียบ performance และ ecosystem ของ Slack เนี่ยเหมือนกับบริษัท Salesforce เลยละ !!
ความสำเร็จในการผลักดันตัวเองเข้าสู่ IPO ในปี 2019
- ณ ปี 2019 Slack ไม่ใช่บริษัทน้องใหม่อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเค้าได้ก้าวเข้าสู่ IPO แล้วว
- และ Slack เองก็ได้มองคู่แข่งที่เค้าจะต้องพัฒนาและตามให้ทันอย่าง Microsoft อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าในวันนี้ พวกเค้ายังไม่สามารถเอาชนะหรือเข้าไปเป็นส่วนนึงของ Microsoft ได้ แต่ในอนาคตอันใกล้นี่ก็ไม่แน่น้าาา :):)
- อ้ออ เกือบลืมไป Slack มีรายได้เกิน 17 พันล้านไปแล้วในปี 2019 และได้ขึ้นมาเป็น 2-3 เท่าตัวในปี 2020 โดยเฉพาะ วิกฤต Covid ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆของ Slack
วันนี้ยังไม่ถึงฝันชนะ Microsoft Team แต่วันหน้าอาจะเป็นของพวกเค้า
โฆษณา