13 ส.ค. 2020 เวลา 16:20 • ธุรกิจ
เจาะลึกเส้นทางของ 5 Big TECH Company ฝั่ง U.S กัน?
Facebook, Apple, Amazon, Microsoft, Google (Alphabet)
หลังศึก Covid นี้ ใครจะรอด? หรือใครจะล้มก่อนกัน ?
วันนี้ได้อ่านโพสของพี่ลงทุนแมนที่เขียนภาพเกี่ยวกับบริษัทชั้นนำของจีน VS อเมริกา
แล้วเราอยากรู้ต่อเกี่ยวกับ Top company ทางฝั่ง U.S
หาไปหามาก็เลยได้ข้อมูลสนุกๆมาย่อยให้เพื่อนๆอ่านกันด้วยเลย
ถ้าพูดถึง Industry ที่กำลังมาแรงที่สุดในปี 2019-2020 แม้ว่าจะเกิดวิกฤต Covid ก็คงไม่พ้น Online / Social Media แน่นอน
หรือถ้าลงลึกเกี่ยวกับแบรนด์ที่เกี่ยวกับ Online / Technology / Innovation แน่นอนว่าไม่พ้นยักษ์ใหญ่ทั้ง 5 บริษัท สัญชาติอเมริกาอย่าง
- Facebook
- Apple
- Amazon
- Microsoft
- Google
แต่อย่างที่เราชอบพูดประโยคเดิมๆคือ "ยิ่งตัวใหญ่ ยิ่งล้มดัง"
และมันก็น่าสนใจมากที่เราจะสังเกตุหรือดูบทเรียนเอาไว้ก่อนเนอะเพื่อนๆ
แต่บทความนี้ไม่ได้มาเล่าประวัติของแต่ละแบรนด์นะเพื่อนๆ แต่เราจะมาดูกันว่า ผลประกอบการของทั้ง 5 บริษัท และวิธีการเอาตัวรอดในช่วงวิกฤตที่ไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว เป็นอย่างไรกันบ้าง ? (หรือใครจะล้มดังกว่ากันน้า ?)
1. Amazon
- Jeff Bezos เคยพูดไว้ว่า Amazon มีวันที่ดีที่สุด ก็ย่อมมีวันที่แย่ที่สุดเช่นกัน
Amazon ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดที่จะล้มไม่ได้
- แต่ Jeff Bezos ในบอกกับ CNBC ว่า Amazon อาจโดน Bankrupt ก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ที่ผมรู้คือระยะเวลาชีวิตของ Amazon อยู่ได้สบายๆเกิน 30 ปี แน่นอน
- Amazon พยายามที่จะกระจายความเสี่ยงของ port ไป segment อื่นๆด้วย เพราะพวกเค้าไม่อยากที่จะยืนพิงอยู่แค่เสาเดียว คือ Online shopping
https://seekingalpha.com/article/4315347-amazon-why-corporate-americas-future-king-of-revenue-is-must-in-decade-ahead
ย่อยจากแผนภูมิด้านบน
- ถ้าเพื่อนๆเห็นจากกราฟวงกลมด้านบน ธุรกิจโดยส่วนมากของ Amazon จะข้องเกี่ยวกับ Cloud technology และ Subscription ต่างๆเนอะ
- ถึงแม้ว่าเกือบ 50/50 ของ port ของ Amazon จะไปลงอยู่ที่ Online shopping แต่ธุรกิจที่เหลือของเค้าเช่น AWS, Prime ยังมีโอกาสโตได้อีกมากเลยละ
- Amazon วางกลยุทธ์ที่เฉลี่ยประเภทธุรกิจแบบ B2B และ B2C ไว้ได้อย่างดีมาก โดย AWS, Third Party, Others คิดเป็น เกือบ 34% เป็นธุรกิจที่ดำเนินแบบ B2B
- ปล. Others นี้คือพวกค่า Advertising ที่คนโฆษณามาผ่าน service ของเค้า
ตัวเลขผลประกอบการที่น่าสนใจของAmazon
- Amazon รายงานผลประกอบการของ Q2/2020 อยู่ที่ +40% !!!!
- Amazon รายงานผลประกอบการของ Q1/2020 อยู่ที่ +26.39%
- Amazon รายงานผลประกอบการของ 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ +22.66%
- รายได้จากปี 2019 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +20.45%
- รายได้จากปี 2018 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +30.93%
เพื่อนๆจะเห็นได้เลยว่า ตัวเลขจริงๆของ Amazon นั้นยังได้รับผลกระทบที่ไม่ได้เยอะมากเท่าไร แต่กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำใน Q2/2020
- ซึ่งรายได้หลักที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือ หมวด "Others" ที่เพิ่มเกือบ 41% โดยรายได้หลักจากหมวดนี้คือการเก็บค่า โฆษณา
ตัวเราเองวิเคราะห์ว่า Amazon นั้น "รอด" พ้นไปได้อย่างสบายๆ (มีล้มบ้าง แต่ไม่เจ็บมาก)
และในตอนนี้เอง Amazon ยังคงตำแหน่งที่ 1 ของ Cloud E-commerce อีกด้วย (กินแชร์ไปแล้ว 1 ใน 3 จ้าาา)
2. Microsoft
- ไม่เกี่ยวว่าอายุของ Microsoft นั้นจะมากที่สุดในบรรดา 5 บริษัท Tech เหล่านี้ จะสามารถรอดพ้นสบายๆ ที่บอกว่าไม่เกี่ยวเพราะว่า ธุรกิจ Online/Cloud นั้น มันขึ้นอยู่กับ innovation และการ retain ลูกค้า
- กลยุทธ์การบริหาร Production port เนี่ย เหมือน Amazon มากๆ เน้นการกระจายไปในหลากหลายส่วนของธุรกิจ ก็คือเอาง่ายๆว่าปลาเน่า 1 ตัวจะได้ไม่ตายทั้งเข่ง
https://www.visualcapitalist.com/how-tech-giants-make-billions/
ย่อยจากแผนภูมิด้านบน
- ถ้าเพื่อนๆเห็นจากกราฟวงกลมด้านบน ธุรกิจโดยส่วนมากของ Microsoft จะข้องเกี่ยวกับ Cloud technology และ Internet of things
- และที่เติบโตได้ดีคือ Platform LinkedIn ที่ Microsoft ไปกว้านมา กินแชร์ใน port ไปถึง 4.8%
- ถ้าเพื่อนๆคิดว่า LinkedIn นั้นโตมากแล้ว Platform Metasearch อย่าง "Bing" เนี่ยกินแชร์ได้ถึง 6.4% ซึ่งบอกเลยว่า Microsoft เองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
ตัวเลขผลประกอบการที่น่าสนใจของ Microsoft
- Microsoft รายงานผลประกอบการของ Q2/2020 อยู่ที่ +14% และกำไรที่ 22%
- Microsoft รายงานผลประกอบการของ Q1/2020 อยู่ที่ +14.56%
- Microsoft รายงานผลประกอบการของ 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ +13.49%
- รายได้จากปี 2019 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +14.03%
- รายได้จากปี 2018 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +14.28%
ถือว่า Microsoft ยังไม่ได้เจ็บมากเท่าไร แต่เจ็บตรงที่ไม่ได้กำไรหรือรายได้ที่เพิ่มขึ้น อย่างที่ควรจะเป็นนี้ละ
แผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตตอนนี้เน้นไปทาง B2B เสียมากกว่า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือ องค์กรบริษัท โดยเฉพาะ Microsoft Team ที่ทาง Microsoft พยายามผลักดันมากๆในสถานการณ์แบบนี้
แต่ถ้าไป Fight ในส่วนของ Bing ที่เน้นการ Search เนี่ย เราว่าสู้กับ Google ยากหน่อย หรือถ้าหันไปทาง หรือพวก Cloud service ที่ไม่มีทางสู้ Amazon ได้เลย
ส่วนตัวเราเองวิเคราะห์ว่า Microsoft นั้น "รอด" พ้นไปได้แต่ไม่ได้พอใจมาก
3. Apple
- ขอเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่น่าสนใจอย่าง ผู้ใช้งาน Apple 1/5 ของ port เป็นคนจีน ! (ขอหยุด....ให้เพื่อนๆคิดต่อนะ อิอิ)
- กลยุทธ์การบริหาร Production port อาจไม่ได้หวือว่าเหมือน Amazon หรือ Microsoft โดยส่วนใหญ้จัดเต็มในเรื่องของ Product & Innovation ไปซะเลย
https://www.visualcapitalist.com/how-tech-giants-make-billions/
ย่อยจากแผนภูมิด้านบน
- รายได้เกือบ 70% ของ Apple มาจาก iPhone และ Mac ซึ่งคือในเรื่องของ Physical product โดยตรงนั้นเอง
- อย่างไรก็ตาม 14% ของ Apple นั้นมีในส่วนของ Subscription service อย่าง Music, TV
ตัวเลขผลประกอบการที่น่าสนใจของ Apple
- Apple รายงานผลประกอบการของ Q2/2020 อยู่ที่ +1.00%
- Apple รายงานผลประกอบการของ Q1/2020 อยู่ที่ +0.51%
- Apple รายงานผลประกอบการของ 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ +3.67%
- รายได้จากปี 2019 ลดลงกว่าปีก่อน -2.04%
- รายได้จากปี 2018 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +15.86%
Apple มีความน่าเป็นห่วงจากสถานการณ์ตึงเครียของ จีน และอเมริกา ถึงแม้จะย้ายฐานการผลิตไปแล้วก็ตาม
ปัญหาที่สำคัญของ Apple คือ พึ่งพิงกับ Innovation แทบจะ 98% ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ อุปกรณ์ electronic ของ Apple ตามหลังแบรนด์อื่นๆ โดยเฉพาะคู่แข่งจากจีนอย่าง Huawei หรือเกาหลีอย่าง Samsung......... เราว่าหนักหน่อยเลยละ
ตัวเราเองวิเคราะห์ว่า Apple นั้น "มีความเสี่ยง" ที่จะเจ็บตัวได้ในอนาคตอันใกล้
4. Google
- มาถึงคิวของบริษัทที่เราแอบชื่นชอบกันบ้างง อิอิ
- Google มีรายได้ที่ส่วนใหญ่ที่มาจาก Ads และ Innovative service
- กลยุทธ์การบริหาร Production port ค่อนข้างเริ่มขยายไปในหลากหลายส่วนธุรกิจมากขึ้น (ตอนนี้ Google เริ่มเห็นแล้วว่า ชั้นจะพึ่งแค่ Ads / Search engine ไม่ได้แล้ว)
https://www.visualcapitalist.com/how-tech-giants-make-billions/
ย่อยจากแผนภูมิด้านบน
- รายได้ 60% ของ Google ยังคงมาจาก Search engine และ Google Ads
- ในขณะที่ Cloud service ยังคงตามหลัง Amazon และ Microsoft แต่ชนะ Apple โดยที่ Google Cloud ผลประกอบการจาก Q2/2020 เนี่ยมีแนวโน้มที่ดีมากคือ +43% !
- ถึงแม้ว่า Youtube ads จะมีแชร์มากถึงเกือบ 10% แต่นั้นก็มาจาก Model การทำ Business ที่เป็นจุดแข็งของ Alphabet group
ตัวเลขผลประกอบการที่น่าสนใจของ Google
- Google รายงานผลประกอบการของ Q2/2020 อยู่ที่ -2.00%
- Google รายงานผลประกอบการของ Q1/2020 อยู่ที่ +13.26%
- Google รายงานผลประกอบการของ 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ +17.37%
- รายได้จากปี 2019 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +18.3%
- รายได้จากปี 2018 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +32.42%
ผลประกอบการของ Q2/2020 ไม่ได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจนัก ลำพังแค่ +43% ของ Google cloud ซึ่งมีแชร์อยู่ที่ 5.53% คงจะช่วยภาพรวมของ Business port ขึ้นมาไม่ได้มากขนาดนั้น
ซึ่งถ้าพูดถึงรายได้จาก Youtube growth 36% ในปี 2019 ก็จริง แต่เหมือนเทรนด์ของปีนี้จะทำให้ Youtube ไม่ได้โตเหมือนเดิมเท่าไร
และในปี 2020 Google ได้หันหัวเรือในการพัฒนาเรื่องของ Innovation ไปในส่วนของ AI มากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยละ
แต่ถ้า Google ยังคงพึ่งพิงรายได้หลักจาก Google Search & Ads เนี่ย ด้วยกำลังของรายได้ของผู้ใช้งานและบริษัทที่ลดลงไป คงไม่มีใครที่สามารถ afford กับการใช้จ่ายเรืองของโปรโมทได้หนักเหมือนปีที่ผ่านมาแล้วละ
ตัวเราเองวิเคราะห์ว่า Google นั้น "รอดแบบหวุดหวิด" ถ้าพวกเค้าสามารถเพิ่มพัฒนาในส่วนของ port ส่วนอื่นได้ๆ ที่ไม่ใช่แค่ Ads อย่างพวก AI และ Automationต่างๆ
5. Facebook
- โอโห อันนี้ เราจัดได้ว่าหนักหน่วงอยู่เลยละ
- นี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องราวดราม่าต่างๆที่เกิดขึ้น Facebook ไม่ว่าจะเป็น Boycott หรือคดี privacy ต่างๆ
- Facebook ขอเรียกว่า มี Product line อยู่แค่อันเดีย Single product เลยดีกว่าคือ การขายทุกๆอย่างลงบน Platform Facebook (Ads, Login, Payment)
ย่อยจากแผนภูมิด้านบน (เอ่อ คงไม่ต้องย่อยแล้วละ)
- รายได้ 98.5% ของมาจาก Facebook Ads
ตัวเลขผลประกอบการที่น่าสนใจของ Facebook
- Facebook รายงานผลประกอบการของ Q2/2020 อยู่ที่ +11.00% โดยที่ Facebook Ads โตขึ้นมาที่ +10%
- Facebook รายงานผลประกอบการของ Q1/2020 อยู่ที่ +17.64%
- Facebook รายงานผลประกอบการของ 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ +24.44%
- รายได้จากปี 2019 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +26.61%
- รายได้จากปี 2018 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน +37.35%
Facebook เดิมพันทุกอย่างไว้ที่ Ads มากเกินไป ในขณะที่ Google ก็มีจุดแข็งด้านของ Ads เหมือนกัน และใหญ่กว่าด้วย
ส่วนตัวมองว่า Google เนี่ยยังมีเรือหลายลำในหลายๆส่วนธุรกิจ ต่อให้ Facebook มีการขยับขึ้นมาในส่วนของ Ads แต่ Google ก็ไม่ตาย แต่....เพื่อนๆลองมองมุมกลับกันดูสิ ......
Facebook ยังต้องเจอปัญหาลูกค้าหนีไปใช้แอพอื่นๆกันอีกนะ โดยเฉพาะ China และ Asia Pacific
นับวันๆ เรื่องราวดราม่า Toxic post ต่างๆก็เริ่มที่จะเยอะขึ้นใน Facebook
Application ตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างในไทยเรานี่ก็คือ Blockdit ก็ได้เริ่มตีตลาดเข้ามามากขึ้น (ยอมรับว่าเราเล่น Facebook น้อยลงจริงๆ แต่ก็เข้าเปิดดูอัพเดทต่างๆใน FB ทุกวันนะ แต่ดู Blockdit มากกว่า)
ตัวเราเองวิเคราะห์ว่า Facebook นั้น "ไม่น่าจะรอด" ขอใช้คำว่าไม่น่านะเพื่อนๆ เพราะถ้า Facebook หันมาเปิดโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ หรือมีการใช้ Partnership strategy ที่ดีละก็ ไม่แน่นะ อาจกลับมาแซง Apple ก็เป็นไปได้เลยละ !
จบแล้วเพื่อนๆ อ่านกันสนุกไม๊เอ่ย ?
ข้อมูลเยอะดี เราเขียนเรายังสนุกเลย ^^
โฆษณา