23 ส.ค. 2020 เวลา 01:30 • การศึกษา
ความฝันไม่มีวันหมดอายุ
หลายท่านอาจมีความฝันในวัยเยาว์ว่าสักวันเมื่อเราเติบโตขึ้นมาอยากเป็น หมอ วิศวกร หรืออะไรสักอย่าง พอโตขึ้นมาอาจไม่ได้ประกอบวิชาชีพตามที่เคยฝันไว้ตั้งแต่เด็ก สำหรับตัวผมเองขอยืดอกยอมรับตรงๆ ว่าเคยฝันเป็นนู่นนี่หลากหลายมาก พอผ่านช่วงเวลาของชีวิตช่วงหนึ่งก็อยากเป็นอย่างหนึ่ง ที่มาร่ำเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ไม่ใช่ว่าอยากเป็นมากมายนักหนา เพียงแต่ว่า ณ เวลาตอนช่วงอยู่ในวัยมัธยมปลาย อาชีพยอดฮิตคงจะเป็นหมอกับวิศวกรนี่แหละ ยังไม่รู้เลยว่าวิศวกรนี่ทำอะไรบ้าง
จุดเปลี่ยนของชีวิตที่สำคัญคงจะเป็นช่วงกำลังจะจบ ม. 5 ซึ่งสมัยนั้นยังมีการสอบเทียบอยู่ เคยถามเด็กฝึกงานว่าสมัยนี้ไม่มีแล้ว ขอขยายสักนิดเผื่อบางคนไม่ทัน คือ ถ้าเราสามารถสอบเทียบได้ จะเท่ากับเราเรียนจบ ม. 6 และสามารถเอ็นทรานซ์ได้เลย
ธนาเพื่อนคนหนึ่งสอบเทียบได้และไปเอ็นทรานซ์ติดที่ ม. เชียงใหม่ สาขาอะไรยอมรับว่าจำไม่ได้แล้ว และตอนนี้เพื่อนคนนี้เป็นอาจารย์โดยที่จบปริญญาเอกเป็นดอกเตอร์เรียบร้อย เพื่อนคนนี้แหละทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เคยลองนั่งคิดย้อนไปว่าถ้าช่วงเวลานั้นผมไม่ได้รู้จักกับธนาชีวิตคงแตกต่างกับชีวิตวันนี้มากมาย
ธนาถามผมว่าทำไมดูเหมือนไม่เตรียมจะสอบเอ็นทรานซ์เหมือนเพื่อนคนอื่นเลย ทั้งๆที่หัวมึนก็ไม่ได้แย่นักหนา ผมตอบได้แต่เพียงว่า ตูคงไม่เอ็นทรานซ์หรอก จบแล้วคงไปต่อรามฯ ว่าจะทำงานหาเงินระหว่างเรียนไปด้วย จะได้ไม่เป็นภาระให้พ่อแม่เท่าไหร่ เนื่องจากมีน้องที่ยังเรียนอีกสองคน
อีกสองสามวันธนายื่นหนังสือให้ผมสองเล่มบอกให้เอาไปอ่าน จบแล้วก็ไปแลกกับเพื่อนคนอื่นที่เขาให้ไว้แล้วสลับกันอ่านตัวเขาเองไม่ได้ใช้แล้ว แถมกำชับว่าถ้ามึนไปเอ็นฯมึนสอบได้ก็กำไร มึนสอบไม่ได้ก็เท่าทุน เรื่องค่าเล่าเรียนในมหาลัยมีทุนเยอะแยะไปหาเอาดู สุดท้ายผมโชคดีที่เอ็นฯติด
พอไปเรียนมหาวิทยาลัยเจอกับเพื่อนอีกคนที่ เรียกกันแบบสนิทว่า ไอ่ตุ่น หรือ ไอ่ ... ตุ่น ตามแต่บริบท เรียนด้วยกันตั้งแต่ปี 2 จน ปี 4 สิริรวมได้ 3 ปีเต็ม (ปี 1 เรียนรวมกันทุกภาควิชา แยกภาคตอนปี 2) แถมช่วงระหว่างปี 3 กับปี 4 ดันไปฝึกงานที่เดียวกัน หนำซ้ำยังมีโชค(ไม่แน่ใจว่าดีหรือร้าย) จบมาดันมาทำงานที่เดียวกันอีก แต่ตอนทำงานผมกับเพื่อนอีกคนต้องประจำการที่ต่างจังหวัด แต่ตุ่นกับเพื่อนอีกคนประจำที่สำนักงานใหญ่ในเมืองกรุง
สมัยเรียนตุ่นเที่ยวบอกใครๆ ไม่ว่าจะถามหรือไม่ถามว่า สักวันหนึ่งตัวข้าฯจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาบ้านเกิด ด้วยความที่สนิทกันพอสมควร ผมก็แซวบางครั้งเรียกว่าด่าก็คงพอได้ว่า มึนจะบ้าหรือไง(ฟะ) อยากเป็นผู้ว่าฯ ไม่ไปเรียนรัดสาด(รัฐศาสตร์) ฟะ
ช่วงทำงานด้วยกันที่บริษัทแรก ตอนที่เจ้านายเรียกให้มาประชุมที่ กทม. ก็ยังแซวตุ่นอยู่หลายหนว่า ยังฝันจะเป็นผู้ว่าฯอีกไหม ตุ่นก็ตอบบ้าง ด่ากลับบ้าง สรุปได้ใจความว่าเป็นความฝันที่เขาต้องไปให้ได้ ยอมรับว่าผมคิดในใจว่าไม่นานคงหายบ้า แต่ผมก็ทำงานที่เดียวกับตุ่นแค่ 6 เดือน หลังจากนั้นเพื่อนคนหนึ่งโทรชวนไปทำงานอีกบริษัทหนึ่ง ต้องไปประจำที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งค่าโทรศัพท์จากปัตตานีมา กทม. นาทีละ 12 บาท ผมก็เลยขาดการติดต่อกับตุ่นไปโดยปริยาย
1
จนผมกลับมาจากทำงานที่พม่า ได้เจอกันจากการนัดในไลน์กลุ่ม ตอนที่นัดกันจัดเลี้ยงเเอก เพื่อนที่ได้โปรโมตเป็นเลขาของอธิบดีกรมที่ดิน พอถามตุ่นก็บอกว่าตอนนี้ทำงานที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แต่ไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกันมากมาย เนื่องจากผมไม่ได้เจอเพื่อนหลายคนมาหลายปี และโดยเฉพาะไฮไลท์วันนั้นเป็นเรื่องของท่านเลขาฯซะส่วนใหญ่ แต่ไม่วายที่ผมจะอดแซวตุ่นไม่ได้ว่า ยังจะอยากเป็นผู้ว่าฯยะลาอีกไหมฟะ คำตอบที่ได้คือ กรมป้องกันฯ นี่สังกัดกระทรวงมหาดไทยเฟ้ย ผู้ว่าฯจังหวัดไหนก็สังกัดกระทรวงนี้ บอกให้เอาบุญ จากการผมที่ทำงานกับบริษัทเอกขนมาตลอด ไม่ค่อยสันทัดเรื่องระบบราชการ ก็นึกไปเองว่า เป็นคำพูดแก้เก้อ เพื่อให้ผมเลิกแซะ (เสียที)
1
เพิ่งมาทราบข่าวในไลน์กลุ่มเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่ามีประกาศให้ตุ่นไปเป็นรองผู้ว่าราชการที่จังหวัดแถบภาคเหนือแล้ว ความฝันของตุ่นที่สมัยเรียนผมและเพื่อนบางคนที่เคยคุยกัน มองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ตุ่นมุ่งมั่นที่จะไล่ตามความฝัน จนวันนี้ความฝันนั้นใกล้เคียงจะเป็นจริงแล้วในวันนี้ และเพื่อนทุกคนชื่มชมยินดีกับความสำเร็จนี้ โดยจะนัดกันไปเลี้ยงฉลองที่จังหวัดที่ตุ่นได้ไปเป็นรองผู้ว่าฯ สุดท้ายนัดนี้ก็เลื่อนโดยยังไม่มีกำหนดชัดเจน เนื่องจากตุ่นมีคำสั่งด่วนต้องไปทำงานสักอย่างในวันที่นัดกัน
ผมพอทราบมาว่า กว่าจะถึงวันนี้ทั้งตุ่นและเพื่อนหลายคนต้องทุ่มเทมากมาย กว่าจะก้าวหน้าในทางราชการได้ หลายคนก็ยอมพ่ายแพ้ไประหว่างทาง แต่ผมเชื่อมั่นว่าเพื่อนผมและท่านผู้อ่าน ที่มุ่งมั่นตามความฝันของตัวเอง จะประสบความสำเร็จตามที่ฝันไว้ในเร็ววัน
โฆษณา