22 ส.ค. 2020 เวลา 01:00 • กีฬา
"Move on"
จั่วหัวแบบนี้ไม่ได้หมายถึงเส้นทางด้านความรักของผู้เขียนแต่อย่างใด แต่หากจะพูดถึงเส้นทางของยอดทีมสีแดงแห่งแมนเชสเตอร์ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" นั่นเองครับ
picture : express.co.uk
ยูไนเต็ดภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือแก้มแดง โอเล กุนนาร์ โซลชา จะเข้าสู่ฤดูกาลที่สองต่อจากที่ฤดูกาลที่แล้วที่เพิ่งจบไปซึ่งเป็นฤดูกาลที่โซลชาคุมทีมเต็มตัวเป็นฤดูกาลแรก (ไม่นับฤดูกาล 2018/2019 ซึ่งเจ้าตัวเข้าคุมทีมไม่เต็มฤดูกาล) ซึ่งเขาสามารถพาทีมพลพรรคอสูรแดงกลับเข้าสู่พื้นที่บอลยุโรปถ้วยใหญ่ได้อีกครั้ง โดยจบเป็นอันดับ 3 ในตารางคะแนน เป็นรองเพียงลิเวอร์พูล และคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมน ซิตี้ เท่านั้น
ถือเป็นฤดูกาลที่ตื่นเต้นไม่เบาของแมนยู เริ่มต้นด้วยการชนะเชลซีในนัดเปิดฤดูกาลอย่างน่าฮือฮา 4-0 ทำให้แฟนๆตื่นตาตื่นใจไม่น้อย พร้อมกับฟอร์ม 10 นัดแรกที่ถือว่าทำได้ไม่สู้ดีนักกับผลงาน ชนะ 3 เสมอ 4 และแพ้ 3 ยังไม่สามารถยึดพื้นที่ แชมเปียนส์ ลีก ไว้ได้ โดยนักเตะอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ มาร์ซิยาล และแดเนียล เจมส์ สามตัวหลักในแดนหน้าในข่วงต้นฤดูกาลช่วยกันถล่มประตูใน 10 นัดแรกรวมกันทั้งหมด 11 ประตู แบ่งเป็น แรชฟอร์ด 5, มาซิยาล 3 และแดเนียล เจมส์ 3 ตามลำดับ
พร้อมกับผลงานอันยอดเยี่ยมของมิดฟิลด์ผมทองวัย 23 ปี สกอตต์ แม็กโทมิเนย์ ซึ่งช่วงต้นได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บไปในช่วงเดือนธันวาคม ทำให้เจ้าตัวพลาดลงช่วยต้นสังกัดราวๆ 2 เดือนเห็นจะได้ และการขาดหายไปของมิดฟิลด์ชาวอังกฤษรายนี้ส่งผลกระทบต่อทีมอย่างเห็นได้ชัด
picture : 90min.com
กระนั้นก็ดี ปิศาจแดงยังทำผลงานได้แบบทรงๆโดยที่มักจะทำผลงานได้ดีกับบรรดาทีมใหญ่บนหัวตาราง แต่กลับพลาดท่าเสียแต้มง่ายๆให้กับทีมท้ายตาราง (ซะอย่างนั้น)
กระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเดือนมกราคม เมื่อโซลชาตัดสินใจคว้าตัว โอเดียน อิกาโล ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะเดือนมกราคม และแน่นอน ซูเปอร์ดีลอย่าง บรูโน แฟร์นันเดส เข้ามาร่วมทีมก่อนปิดตลาด 2 วัน
รายแรกนั้นชัดเจนว่าโซลชาเอาเข้ามาเพื่อเป็นตัวเลือกเผื่อขาดเผื่อเหลือในแดนหน้า แต่ในรายของบรูโนนั้นชัดเจนว่าไม่ใช่ หลังจากเซ็นสัญญากันในวันที่ 29 มกราคม บรูโนได้ลงสนามเปิดตัวในเกมพบกับ วูลฟ์แฮมตัน วันเดอร์เรอร์ ทันทีในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งเกมนั้นจบกันที่ผลเสมอ 0-0
และถือเป็นดีลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเมื่อบรูโน่ช่วยให้ 14 นัดส่งท้ายฤดูกาลนั้นยูไนเต็ดไม่พบกับความพ่ายแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในฟุตบอลลีก โดยชนะ 9 เสมอ 5 พร้อมกับสถิติลงเล่นครบทั้ง 14 นัด ทำ 8 ประตู และส่งให้เพื่อนทำประตู 7 ครั้ง
ราวกับถูกหวยเบอร์ใหญ่ ยูไนเต็ดจบอันดับ 3 คว้าตั๋วไปลุย แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าชนิดที่ต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้าย พร้อมกับความหวังของแฟนบอลที่ว่า ฤดูกาลหน้า ทีมของโซลชาอาจจะกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม 3 สัปดาห์ถัดมาทีมของโซลชาต้องพบกับความผิดหวังเมื่อพลาดท่าให้กับ เซบียา ตกรอบฟุตบอล ยูโรป้า ลีก ไปแบบน่าเสียดาย
ฤดูกาลที่ผ่านมาถือเป็นก้าวเล็กๆที่สำคัญก้าวหนึ่งสำหรับยูไนเต็ดของโซลชา ยังมีจุดอ่อนอีกมากที่ยังต้องแก้ไขเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นฤดูกาลที่โซลชาหมายมั่นปั้นมือทีเดียวในการจะทำให้เมืองแมนเชสเตอร์กลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง
picture : theguardian.com
ได้เวลาแล้วที่จะลืมความผิดหวังเก่าๆแล้ว...Move on
นักเกรียน
โฆษณา