26 ส.ค. 2020 เวลา 02:00 • ปรัชญา
ประสบการณ์ที่ไม่เท่ากัน
ภาพจาก pexels.com
สมัยเรียนมัธยมมีช่วงหนึ่งที่โรงเรียนหยุดยาวเป็นเวลา 1 อาทิตย์ จะหยุดด้วยเหตุผลอะไรผมก็จำไม่ได้แล้วล่ะ รู้แค่ว่าช่วงหยุดยาว 1 อาทิตย์เป็นสิ่งที่ผมรอคอยมานานแสนนาน เพราะผมอยากจะนอนขี้เกียจอยู่ที่บ้าน อยากจะเล่นเกมให้มันสะใจไปเลย ไม่อยากลุกไปไหน หรือทำอะไรทั้งสิ้น และแล้ว 1 อาทิตย์ก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก
เมื่อถึงเวลามาโรงเรียนอีกครั้ง เพื่อน ๆ ก็ต้องมานั่งคุยเม้าท์มอยกันหลังจากไม่ได้พบเจอกันมานานแสนนาน (อันที่จริงก็แค่อาทิตย์เดียวเอง)
เพื่อนเปิดประเด็นด้วยการถามผมทันทีว่า 1 อาทิตย์ผมทำอะไรบ้าง ผมแทบไม่ต้องคิดเพราะสิ่งที่ผมทำนั้นวนลูปเหมือนเดิม ตลอด 7 วันเลย ผมจึงตอบไปว่า “ไม่ได้ทำอะไร อยู่บ้านแล้วก็เล่นเกม”
(ขนาดตอบเองแท้ ๆ ยังรู้สึกเลยว่าตอบได้สั้นมาก)
ซึ่งก็แน่นอนว่าเมื่อเราพูดจบ ตามมารยาทแล้วเราก็ควรที่จะถามเพื่อนกลับไปบ้างว่า วันหยุดนายทำอะไรเหรอ
เพื่อนผมตอบว่าเขาได้ไปเที่ยวทะเลที่จังหวัดภูเก็ตมา น้ำใสมาก คลื่นดีมาก อาหารอร่อยมาก ที่พักก็สบายมาก และอีกมากมาย เขาใช้เวลาในการเล่าประสบการณ์ในวันหยุด 1 อาทิตย์ของเขาเกือบ 1 ชั่วโมง แถมมีรูปถ่ายประกอบนำมาโชว์ซะด้วย
ระหว่างที่เพื่อนผมกำลังโม้อยู่นั้น บอกตามตรงว่าผมไม่ได้ฟังเขาเลย เพราะในระหว่างนั้น ผมกำลังคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเรื่องที่ผมกำลังคิดก็คือ
นี่เราปิด 1 อาทิตย์เหมือนกันจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ทำไมประสบการณ์ชีวิตที่เราได้รับมันถึงแตกต่างกันนักล่ะ ประสบการณ์ของผมสามารถเล่าจบได้ใน 1 วินาที แต่ประสบการณ์ของเขาสามารถเล่าได้เป็นชั่วโมง
มันทำให้ผมเห็นถึงความเหลื่อมล้ำของการใช้เวลาในชีวิต
จากเหตุการณ์นั้น ทำให้ผมนึกถึงรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เขาทำงานแล้ว แต่แทบจะไม่มีประสบการณ์อะไรที่จะนำมาเล่า หรือบอกต่อคนอื่นได้เลย เพราะในทุก ๆ วันเขาก็แค่ทำสิ่งเดิม ๆ วนลูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นมัน แทบจะให้ผลลัพธ์ไม่ต่างอะไรจาก 1 อาทิตย์ที่ผมนั่งเล่นเกมอยู่อย่างนั้นเลย
ในขณะที่พี่ที่รู้จักอีกคนหนึ่ง เขาเจอปัญหาชีวิตและต้องแก้ไขอยู่ตลอด ชีวิตเขาแทบไม่ได้หยุดนิ่ง แต่เมื่อวันหนึ่งที่เราได้มานั่งคุยกัน เขาจะมีเรื่องเล่าและคำสอนจากประสบการณ์มากมายมาเล่าสู่กันฟังเสมอ
จากสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดผู้อ่านทุกท่านอาจจะรู้สึกเหมือนกับผมใช่ไหมครับ ว่าอายุไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้เรากลายเป็นผู้ใหญ่ คนบางคนมีอายุที่มากแล้ว แต่ประสบการณ์ชีวิตนั้นน้อยเหลือเกิน เพราะเขาทำแต่สิ่งเดิม ๆ และไม่เคยทดลองที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ
ภาพจากเจ้าของเพจ
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมได้ไปเที่ยวฝรั่งเศส มีแต่คนบอกว่าอาหารฝรั่งเศสนั้นอร่อยและหรูหรามาก ผมอยากลองกินอาหารฟูลคอร์สในตำนานของที่นี่ดูสักครั้งมาตั้งนานแล้ว ประสบการณ์นี้คงหาจากที่ไหนไม่ได้อีก ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น และแล้วอาหารที่ผมไม่คาดฝันก็มาเสิร์ฟถึงที่โต๊ะ พวกเขาเรียกมันว่า แอสคาโก้ ชื่ออาจจะฟังดูไม่คุ้นหูแต่สำหรับผมแล้วมันก็คือหอยทาก แล้วก็ราดด้วยผักบดสีเขียว ๆ นั่นเอง
ให้ตายเถอะ บอกตรง ๆ เลยว่าทำใจอยู่นานมากครับ ปกติแล้วขนาดผมเดินเจอมันเกาะอยู่ตามกำแพงในวันฝนตก ผมยังต้องหลีกทางให้เลยด้วยซ้ำ ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่าอะไรช่างมันเถอะแต่ในภาษาไทยเราเรียกมันว่าหอย + ทากนะ นั่นก็หมายความว่า มันคือทากนั่นเอง
แน่นอนว่าผมจะปฏิเสธก็ได้ มีคนรอกินมันอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ก็นั่นแหละครับ หากผมไม่กินมันผมจะไม่มีวันรู้รสชาติของหอยทากไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหากผมกินมันเข้าไปไม่ว่าจะอร่อยหรือไม่ก็ตาม ชีวิตของผมต่อจากนี้ก็จะมีเรื่องเล่าดี ๆ เพิ่มขึ้นอีก 1 เรื่อง
นั่นก็คือประสบการณ์การได้กินหอยทากยังไงล่ะ
จะว่าไปแล้วคนบางคนยอมเก็บเงินนานแสนนานเพื่อที่จะได้มากินสิ่งนี้สักครั้ง แล้วสิ่งนี้มันดันมาอยู่ตรงหน้าผมแล้วนะ
ประสบการณ์ชีวิตเกิดจากการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เกิดจากการก้าวเดินออกไป หาใช่วนอยู่กับที่
คนเราใช้ชีวิตคุ้มค่าหรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับอยู่ได้นานมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราเลือกที่จะใช้ชีวิตให้สมกับที่ได้เกิดมามีชีวิตมากน้อยแค่ไหนต่างหาก
เอาเป็นว่า….ก็อร่อยดีครับ
#บทสรุปฉบับแฮมแฮม
(ถ้าชอบบทความฝากกด Like เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ)
ภาพจากเจ้าของเพจ
โฆษณา