2 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ ทำไม"ดอนนี่"เลือกมาผี? ]
กว่าที่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค จะย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดสำเร็จ ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว
หากจะนับเอาแบบจริงจัง ก็ต้องย้อนกลับไปยังปี 2015 ช่วงดังกล่าว หลุยส์ ฟานกัล ครอบครองเก้าอี้ผู้จัดการทีมอยู่
ดอนนี่ ยังมีสถานะเป็นเจ้าหนูในวงการ เพราะอายุเพิ่งจะ 18 ปีเท่านั้น เล่นให้ยองก์ อาแจ็กซ์หรือทีมสำรอง รวมทั้งติดทีมชาติฮอลแลนด์ชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี
แต่ฉายแววผุดผาดเปล่งปลั่งมากๆ จนสร้างความประทับใจให้ ฟานกัล ที่มีข้อมูลนักเตะอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมแบบลงลึกรายละเอียด เลยอยากจะทาบทามมาร่วมทีม อาศัยสายสัมพันธ์ช่วยอีกทาง
อย่างไรก็ตามนี่คือหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของอาแจ็กซ์ หวังจะผลักดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ รวมทั้งเป็นแกนหลักในอนาคตด้วย
จริงๆตอนรับงานคุมปีศาจแดง ฟานกัล เซ็นสัญญาแค่ 3 ปีเท่านั้น พร้อมทั้งตั้งใจว่าเมื่อครบเทอมแล้วจะไม่ทำหน้าที่ต่อ ตามโปรเจคต์ที่คุยกับบอร์ดบริหารไว้คือมาเพื่อช่วยวางรากฐาน ปรับโครงสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น
กุนซือดัตช์อ้างว่า ดอนนี่ มาเพื่ออนาคต เช่นเดียวกับที่ดึง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มาจากโมนาโก เพื่อให้ผู้จัดการทีมคนต่อไปที่จะขึ้นมาแทน รับไม้ต่อและมีโอกาสได้ใช้งานผู้เล่นเหล่านี้อย่างเต็มที่
แผนคือตัวเขาจะลงจากเก้าอี้ในฤดูร้อนปี 2017 แล้วดัน ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยขึ้นมารับบทแทน
ถึงเวลานั้น ดอนนี่ น่าจะเติบโตพัฒนาจนขึ้นมาเล่นชุดใหญ่แล้ว เช่นเดียวกับ มาร์กซิยาล ย่อมสุกงอมมากกว่าเดิมเยอะ
สุดท้ายดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะผู้บริหารอาแจ็กซ์ก็วางแพลนไว้เช่นกันว่า เวลานั้นไม่ใช่ ดอนนี่ แค่คนเดียวจะออกดอกผลงอกงามจากเมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงไป
แต่ยังมี เฟร็งกี้ เดอย็อง , มาไธจ์ เดอลิกต์ หรือ อันเดร โอนาน่า ที่ไปดึงมาจากบาร์เซโลน่าตั้งแต่เด็กๆ พร้อมจะรวมกลุ่มกันกลายเป็นเสาหลักอันแข็งแกร่งมั่นคง
โปรเจคต์ดังกล่าวของอาแจ็กซ์ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ อีกทั้งแข้งเหล่านี้พออายุเลย 20 มาได้ไม่เท่าไร ก็ขายออกทำกำไรอย่างงดงามมากๆ
ลำพังแค่ เดอย็อง กับ เดอลิกต์ รวมกันก็ปาเข้าไป 150 ล้านยูโรแล้ว อาแจ็กซ์เองก็ยอมรับว่านี่เป็นแนวทางการบริหารทีม ไม่ว่าอย่างไรการปล่อยผู้เล่นคนสำคัญเพื่อนำเงินมาจุนเจือทุกองคาพยพนั้นคือความจำเป็นที่ไม่มีทางเลี่ยงได้เลย
ดอนนี่ เองก็เกือบถูกปล่อยไปในช่วงซัมเมอร์ 2019 หรือเมื่อปีก่อนเช่นกัน เพราะมีข้อเสนอน่าสนใจจากเรอัล มาดริดยื่นมาแล้ว แต่ยังไม่มีเงินก้อนแรกมากพอตามที่อาแจ็กซ์ร้องขอมา
เรื่องของเรื่องมาจากมาดริดคิดว่าจะปล่อยผู้เล่นส่วนเกินที่ต้องแบกรับค่าจ้างแพงๆทั้ง แกเร็ธ เบล หรือ ฮาเมส โรดริเกซ แล้วนำเงินนั้นมาจ่ายให้อาแจ็กซ์
แต่ก็ผิดแผนไปหมด เมื่อนักเตะที่ว่าขายออกยากมากๆ ค่าตัวของ เบล หรือ ฮาเมส ไม่ใช่ปัญหานัก ทว่าเรื่องของค่าจ้างที่ไม่ยอมรับลดลงจากเดิมเลย การเจรจาจึงสะดุดหัวทิ่ม
กระทั่งเดดไลน์ตลาดซื้อขายมาถึง ดีลก็ยังปิดไม่ลง จึงต้องรอให้มกราคมปีหน้าหรือตลาดหน้าหนาวมาเยือนอีกครั้ง
มาดริดยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างน่าจะราบรื่นผ่านฉลุย แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันอีกครั้ง เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาดอย่างหนักในยุโรป เริ่มมาช่วงมกราคม แพลนต่างๆจึงล้มตึงอย่างไม่มีทางเลือก
เพราะมาดริดคิดเอาไว้ว่าจะปิดดีลให้สำเร็จก่อนมีนาคม เคลียร์ให้เรียบร้อย ทุกอย่างจะมีผลในวันที่ 1 มิถุนายน เหมือนเป็นการเซ็นกันล่วงหน้านั่นเอง
เอฟเฟคต์นั้นยืดเยื้อมาจนฤดูร้อน รายได้ที่ควรจะมาเป็นกอบเป็นกำทั้งค่าตั๋วเข้าชมเกม ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดหรือยอดขายสินค้าที่ระลึกต่างๆ ก็หายไปในพริบตา
ดอนนี่ ก็เลยกลายเป็นนักเตะค้างแผง ขายไม่ออกต่อไป ท่ามกลางความสับสนที่มากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์แบบนี้อนาคตมันไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตามย้อนไปยังปี 2019 พีเอ็มยูที่เป็นบริษัทเอเยนต์ดูแลนักเตะในลีกฮอลแลนด์เป็นส่วนใหญ่และ ดอนนี่ คือหนึ่งในนั้น ได้ส่งตัวแทนมายังอังกฤษ รวมทั้งทำความรู้จักกับผู้บริหารหลายสโมสร อย่างในลอนดอนก็มาทั้งเวสต์แฮม , สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล
จากนั้นขึ้นเหนือไปเยือนแมนฯยูไนเต็ดด้วยเช่นกัน จริงๆเป้าหมายคือการทำธุรกิจกันในอนาคตมากกว่า
นอกจาก ดอนนี่ แล้วยังมี ฮันส์ ฮาเตบัวร์ ของอตาลันต้าและ ดาเนี่ยล เดอ วิต กองกลางตัวรุกจากอาแซด อัล์คมาร์อีกที่ทางพีเอ็มยูจัดการดูแลเดินเรื่อง
แม้จะได้ทำความรู้จักกันบ้าง แต่คงไม่คิดว่าจะต้องมาเจรจาซื้อขายผู้เล่นกันในอีกหนึ่งปีถัดมา
เส้นทางของ ดอนนี่ จึงหักเหไปมาจนน่าเหลือเชื่อมากๆ
ทุกวันนี้เขาควรได้เป็นผู้เล่นของเรอัล มาดริดไปแล้ว แต่นี่กำลังจะกลายเป็นแข้งใหม่คนแรกในซัมเมอร์นี้ของแมนฯยูไนเต็ด
จากปัจจัยแวดล้อมและความเป็นไปได้ต่างๆ ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า ดอนนี่ จะมาลงเอยกับแมนฯยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตามทั้งสองสโมสร รวมทั้งตัวแทนเริ่มถกกันมาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมแล้ว
แน่นอนว่าอาแจ็กซ์ได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสรให้พิจารณา ตัวเลขต้องเหมาะสมตามที่คิดเอาไว้ ไม่ใช่กดกันมากเกินไป
ลำดับต่อมาก็แจ้งต่อนักเตะและเอเยนต์ให้รับรู้ ก่อนจะให้ ดอนนี่ ตัดสินใจเอาเอง เพราะควรเป็นคนที่เลือกอนาคต ไม่ใช่ให้คนอื่นมากำหนด
แมนฯยูไนเต็ดเองก็รุกคืบมาตั้งแต่ฤดูกาลปกติของฟุตบอลยุโรปยังไม่จบลง หลังจากนั้นไม่นาน ดอนนี่ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แม้จะเป็นเสียงตามสาย แต่เนื้อหาสนทนาน่าสนใจมาก
โซลชา อธิบายแนวทางและโปรเจคต์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้เห็นเป็นฉากๆ แต่ที่โน้มน้าว ดอนนี่ ได้มากๆ เห็นจะเป็นการการันตีว่าจะเป็นแกนหลัก รวมทั้งแท็คติกที่จะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่
เมื่อนึกภาพตาม การได้ลงเล่นร่วม ปอล ป็อกบา และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ย่อมเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ ฟังแค่ชื่อก็พอจะบอกได้ว่านี่คือแผงมิดฟิลด์ที่แข็งแกร่งและคงเป็นที่ครั่นคร้ามของฝ่ายตรงข้ามอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ดอนนี่ จะยังมีบทบาทในเกมรุกมากเหมือนสมัยเล่นให้อาแจ็กซ์ สไตล์ควบขึ้นลงแบบฉบับมิดฟิลด์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์
จะเห็นว่าเขามีสถิติเจ๋งมากๆในซีซั่นที่เพิ่งจบลงไป 10 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ในทุกรายการ รับประกันได้อย่างดี ไม่ต้องยกยอปอปั้นกันให้เสียเวลา
ขณะเดียวกันแรงสนับสนุนจาก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซีอีโอของอาแจ็กซ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้รักษาประตูแมนฯยูไนเต็ดยุคยิ่งใหญ่ครองเจ้ายุโรปปี 2008 ก็ทำให้ ดอนนี่ ตัดสินใจไม่ยาก
ไม่ใช่แค่นั้น ดาเล่ย์ บลินด์ แข้งอาวุโสในทีม ซึ่งเคยค้าแข้งกับปีศาจแดงมาก่อนหรือกระทั่ง ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่มีประสบการณ์ตรงพรีเมียร์ลีก ล้วนแต่บอกเสียงเดียวกันว่า รีบไปให้ไวโอกาสทองมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว
แต่ที่ต้องให้เครดิตคือบอร์ดบริหารของแมนฯยูไนเต็ดทั้ง เอ็ด วู้ดเวิร์ด และ แม็ตต์ จัดก์ 2 หัวหอกที่ร่วมกันทำงานและเก็บการเจรจาเป็นความลับได้อย่างน่าพอใจ
พอเกิดข่าวขึ้นแค่ 2-3 วัน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะปิดดีลกันง่ายเหลือเกิน ต่างจากเคสก่อนหน้านั้น
ไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่าต้องรอนาน 5 ปีกว่า ดอนนี่ จะสมหวังได้มาเล่นกับแมนฯยูไนเต็ด
แต่นี่เป็นเพียงการออกสตาร์ตบนเส้นทางใหม่เท่านั้นเอง ยังต้องรอการพิสูจน์อีกมาก
ที่สำคัญมันไม่ได้หมายความว่าจะต้องสมหวังตามที่ตั้งใจเสมอไปอีกด้วย
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ต้องยอมถอยคนละก้าว ] : จนถึงตรงนี้ยังไม่อาจหาบทสรุปได้ เรื่องราวระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับบาร์เซโลน่าจะจบลงอย่างไร ประเมินแล้วหากจะให้ได้ผลดีเป็นประโยชน์กับสองฝ่ายมากสุดต้องถอยคนละก้าว มานั่งไกล่เกลี่ยหาทางออกเหมาะสม รวมทั้งน่าพอใจสุดตามเงื่อนไขที่พอเป็นไปได้นึกภาพ เมสซี่ ได้ย้ายตามความต้องการและบาร์ซ่าไม่ได้เสียหายอะไรมากมายดู มันพอจะมีหนทางอย่างว่าบ้างหรือเปล่า?
[ #เลือกใช้คนให้ถูกงาน ] : ถ้าดูจากประวัติการศึกษาหรือโปรไฟล์ต่างๆ เราต้องยอมรับในความสามารถของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานฝ่ายบริหารแมนฯยูไนเต็ดคนปัจจุบันอย่างไรก็ตาม วู้ดเวิร์ด โดนตั้งคำถามว่า นอกจากเรื่องการเงินและตัวเลขต่างๆแล้ว เขามีความรู้เรื่องฟุตบอลมากแค่ไหนกัน?ผู้จัดการทีมที่เคยร่วมงานมาอย่าง เดวิด มอยส์ หรือ หลุยส์ ฟานกัล ล้วนแต่มีประสบการณ์ตรงทั้งสิ้น จนเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของ วู้ดเวิร์ด อย่างดี
[ #เตรียมตัวรับแรงกระแทก ] : เชลซีกลับมาครองแชมป์ใช้เงินซื้อผู้เล่นอีกครั้ง หลังจ่ายไปก้อนใหญ่ในฤดูร้อนนี้และอาจเหยียบ 300 ล้านปอนด์ มันอาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสโมสรที่ต้องการประสบความสำเร็จ แต่อีกด้านคือโยนความกดดันให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมเต็มๆ
สถานการณ์ต่างๆ มันจะไม่เหมือนซีซั่นก่อนแน่นอน บางที แลมพาร์ด อาจเข้าใจชีวิตที่ทรมานของการเป็นกุนซือมากยิ่งขึ้นไปอีก
[ #ทำเพื่อนเหมือนทำผม ] : หากว่าใช้เวลาเพียงแค่ 60 วินาทีเพื่อโทรบอก หลุยส์ ซัวเรซ ว่าจะไม่อยู่ในทีมฤดูกาลหน้าเป็นเรื่องจริง ถือว่าปฏิบัติต่อนักเตะได้แย่มากถ้าจะเปลี่ยนแปลงขุมกำลังพอจะเข้าใจได้ แต่เรื่องนี้ ลิโอเนล เมสซี่ เพื่อนซี้นอกจากไม่เข้าทำใจ ยังไม่พอใจอีกด้วยมันอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลทำให้เขาตัดสินใจขอย้ายจากทีมง่ายขึ้นอีก
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา