7 ก.ย. 2020 เวลา 03:00 • กีฬา
" เป็นเพราะบุฟฟ่อน "
"มีการปะทะกันระหว่างเราในบริเวณนั้น เขายิงประตูให้ฝรั่งเศสได้ในครึ่งแรก และโค้ชของเรา(มาร์เชลโล่ ลิปปี้) บอกให้ผมประกบเขา"
"หลังจากการปะทะกันของเราหนแรก ผมก็ขอโทษเขา แต่เขาตอบสนองได้แย่ หลังจากปะทะกันครั้งที่ 3 ผมทำท่าไม่พอใจ เขาก็สวนกลับมา 'ฉันจะให้เสื้อแกหลังเกมนะ' ผมตอบกลับไปว่า ผมขอพี่สาวเขาแทนเสื้อก็แล้วกัน"
 
มาร์โก มาเตราซซี่ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับ ซีเนดีน ซีดาน ชนวนที่ทำให้จอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสตบะแตก ใช้หัวโขกใส่เขาจนโดนใบแดงในนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2006
1
เหตุการณ์ที่กลายเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่คลาสิกที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง
คุณจะคิดยังไง ถ้าหากมีคนบอกคุณว่า จุดเริ่มนับ1 ในอาการ "น็อตหลุด"ของ ซีดาน ไม่ได้มาจาก มาเตราซซี่ แต่มาจาก จานลุยจิ บุฟฟ่อน?
เอ็ด สมิธ เป็นอดีตนักคริกเก็ตตัวดังของทีมชาติอังกฤษ เล่นให้เคนท์ และมิดเดิลเส็กซ์ เขาเขียนหนังสือที่ชื่อว่า What Sport Tells Us About Life
"สิ่งที่กีฬาบอกเราเกี่ยวกับชีวิต"
หนังสือเล่มนี้วางแผงเมื่อปี 2008 เขาเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญๆ ต่างๆ ในวงการกีฬาหลากหลายประเภท และอธิบายถึงเบื้องหลังความคิดและจิตใจของสิ่งต่างๆ
สำหรับนักกีฬาอาชีพระดับท็อปมีความคิด มีทัศนคติเป็นอย่างไรนั้น เอ็ด สมิธ รู้ดี เพราะเขาเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น และคลุกคลีกับหนึ่งในนั้น
นักกีฬาระดับแชมเปี้ยน จะมีความเชื่อมั่นและความคิดในจิตใจที่เข้มแข็งมาก พวกเขาเชื่อมั่นว่าในเกมสำคัญ เวลาสำคัญ พวกเขาจะนึกภาพว่ามันคือช่วงเวลาของพวกเขา และมันต้องเกิดขึ้นอย่างนั้นด้วย
เมื่อพวกเขาเข้าสู่โหมดนี้ พวกเขาจะเชื่อมั่นในตัวเองและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแบบสุดขีด อย่างเช่นนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2002 ที่เราเห็นซีดาน วอลเล่ย์เสียบสามเหลี่ยมใส่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
พลังจิตที่แรงกล้าแบบนี้ เอ็ด สมิธ บอกว่ามันแผ่ซ่านไปทั่ว ไม่ใช่แค่ทีมตัวเองแต่คู่แข่งก็สัมผัสมันได้เช่นกัน
"ความเชื่อมั่นแบบนี้มันรุนแรงมากไม่ใช่แค่ทีมของคุณเองแต่ยังรวมถึงคู่แข่งก็เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดนี้"
เราจึงมักเห็นนักกีฬาอย่าง ไมเคิ่ล จอร์แดน, ลีโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, มูฮัมหมัด อาลี ท้ายที่สุดแล้วจะมีช็อตมหัศจรรย์เหมือนเสกเวทมนต์ออกมาเสมอๆ
ความเชื่อมั่นแบบนี้มันแรงและทรงพลังมาก เหมือนลูกบอลที่อัดแน่นด้วยลมจนบวมโต แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนทำลายความเชื่อที่แรงกล้านี้ได้ ไม่ต้องมาก อาจเพียงครั้งเดียวก็เหมือนเอาเข็มไปเจาะลูกบอลที่โป่งพองเต็มที่
ฟุตบอลโลก 2006 เป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของซีดาน เขาประกาศว่าหลังจากรายการนี้เขาจะแขวนสตั๊ด
ซีดาน ในวัย 34 ปี เชื่อมั่นว่ามันเป็นทัวร์นาเมนต์ของเขา ฟอร์มของเขาเหมือนย้อนวัยไปสมัยที่เขากำลังแกร่งสุดขีด เขาทุ่มสมาธิออกมา โชว์ทักษะที่มีทั้งหมด
เกมที่เด่นชัดสุดคือเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เจอกับบราซิล เกมนั้นเป็นเกมที่ ซีดาน สยบนักเตะทั้ง 21 คนที่เหลืออยู่ใต้อุ้งสตั๊ดของเขาจริงๆ เขาแอสซิสต์ให้ เธียร์รี่ อองรี ทำประตูชัย
จากนั้นเป็นเกมรอบรองชนะเลิศ ซีดาน ก็ยังเล่นได้อย่างมั่นใจเหนือชั้น และกดจุดโทษเป็นประตูส่งฝรั่งเศสเข้าชิงชนะเลิศได้อีกครั้งด้วยสกอร์ 1-0
มาถึงนัดชิงชนะเลิศที่เบอร์ลิน นี่คือเกมสุดท้ายของ ซีดาน ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ แฟนบอลทั่วโลกเฝ้ามอง
เพียง 7 นาที ฝรั่งเศสมาได้จุดโทษ ซีเนดีน ซีดาน ยิงจุดโทษแบบปาเนนก้า อย่างเยือกเย็น บอลเช็ดคานเข้าประตูไป เขาไม่ได้ดีใจสุดเหวี่ยงแบบที่ควรจะเป็นเลย นี่คือการยิงได้ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกแท้ๆ
นั่นคือหน้ากากแห่งความนิ่งสงบ และเชื่อมั่นสุดขีดของนักเตะระดับสุดยอด
เกมลงเอยด้วยการเสมอ 1-1 ใน 90 นาที แต่ทุกอย่างยังอยู่ในหัว ภาพจินตนาการแห่งโมเมนต์สำคัญกำลังมาถึง
นาทีที่ 104 ซีดาน โฉบเข้าเขตโทษ วิลลี่ ซาญอล ครอสบอลจากด้านขวาเข้ามาอย่างเหมาะเหม็ง
เมื่อ 8 ปีก่อนหน้านั้น เขาเคยโหม่งประตูแบบนี้มาแล้ว โหม่งใส่บราซิลในนัดชิงชนะเลิศที่บ้านเกิดในฟร้องซ์ 98
ซิซู เทกตัวขึ้นและขวิดบอลเต็มเหนี่ยว ภาพจินตนาการแห่งความเชื่อมั่นของซีดาน กำลังจะเป็นจริง
แต่ก่อนที่บอลจะเสียบใต้คาน จานลุยจิ บุฟฟ่อน ก็พุ่งปัดมันได้อย่างเหลือเชื่อ เซฟลูกนี้ไม่ง่ายเลย เพราะบอลมาแรงและพุ่งมาแบบโค้งนิดๆ
อาการเยือกเย็นของซีดาน เริ่มมะลายหายไป เขากุมหัวด้วยความเสียดายและตะโกนออกมาสุดเสียง "ทำไมไม่เป็นประตู????"
เอ็ด สมิธ เชื่อว่า มันทำลายสมาธิและความเชื่อมั่นแรงกล้าของยอดนักเตะลง ในเงาของสมองยังมีภาพเซฟของ บุฟฟ่อน อยู่ขณะที่เกมดำเนินต่อไป
6 นาทีให้หลัง มาเตราซซี่ ก็พูดกระตุ้นมันอีกรอบ และซีดาน ก็ทำในสิ่งที่เราทุกคนรู้กันดี
บุฟฟ่อน ตะโกนฟ้องผู้ตัดสินที่มองไม่เห็นจังหวะนี้ในตอนแรก ขณะที่ไลน์แมนข้างสนามที่เห็นทุกอย่างชัดเจนก็แจ้งไปยังผู้ตัดสินเช่นกัน เลยมีการแจกใบแดงเกิดขึ้น
เราจะเห็นภาพที่ บุฟฟ่อน เดินเข้ามาปลอบใจ ซีดาน ก่อนจะเดินออกจากสนาม สีหน้าของซีดาน ที่เคยเยือกเย็นสงบนิ่งพังทะลายลงชั่วคราว เขาผิดหวังสุดขีด แต่ก็ดึงสติและพาตัวเองผ่านโทรฟี่ฟุตบอลโลกเข้าห้องแต่งตัวไป
1
เหมือนลูกบอลที่ยิ่งเต็มไปด้วยลมและโป่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งพังทะลายรุนแรงเมื่อถูกเจาะกระเทาะผิว
"ยิ่งความเชื่อมั่นของแชมเปี้ยนอัดแน่นรุนแรงเท่าไหร่ มันยิ่งทะลายลงรุนแรงเท่านั้นเมื่อถูกเจาะ"
คุณอาจจะไม่เชื่อในแนวทางการวิเคราะห์ของ เอ็ด สมิธ ก็ได้ ว่าต้นตอโดยไม่ตั้งใจมันมาจาก จานลุยจิ บุฟฟ่อน
ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไป มันก็น่าคิดไม่น้อยทีเดียว
อ่านบทความย้อนหลัง
"ความทะเยอทะยานของอัล ฟาเยด" : ครั้งหนึ่ง ฟูแล่ม สโมสรเล็กๆ ริมแม่น้ำเทมส์ เคยถูกเรียกว่า เจ้าสัวน้อย เบื้องหลังความทะเยอทะยานนี้คือ โมฮาเม็ด อัล ฟาเยด
" เมื่อเจอร์ราร์ดเกือบย้ายออก " : 2 ครั้งในรอบ 1 ปี ที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด ต้องการย้ายจากลิเวอร์พูลไปเชลซี แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจ นี่คือเหตุการณ์ในช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจดังกล่าว
" โศกนาฏกรรมของดาวรุ่งแพงสุดในโลก " : จากกองหน้าดาวรุ่งที่ถูกลิเวอร์พูลซื้อมาด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นขวัญใจคนใหม่ของ เดอะ ค็อป ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางร่างกายจนไม่แม้แต่จะได้ลงสนามสักนัด
" รางวัลที่รับไม่ได้ " : ทำดีต้องชื่นชม ควรได้สิ่งตอบแทน แต่บางครั้งการตอบแทนนั้นผู้รับก็ไม่สามารถรับเอาไว้ได้ โดยเฉพาะรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา