11 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #หวังว่าจะไม่สายเกินไป ]
หลายคนอาจลืมชื่อของ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ไปแล้วหรือนึกไม่ออกว่าตอนนี้เล่นอยู่ที่ไหนกัน
จากนามสกุลที่แปลกจนสะกดให้หลายคนสนใจ ฝีเท้าก็ไม่ธรรมดาตอนพุ่งขึ้นมาใหม่ๆกับเลสเตอร์ จนช่วยทีมสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015/16
ดริงค์วอเตอร์ยอมรับชีวิตช่วงนั้นราวกับเทพนิยาย เริ่มต้นเป็นนักเตะอาชีพกับแมนฯยูไนเต็ด เซ็นสัญญาอาชีพในปี 2008 สถานการณ์กำลังไปได้สวย แต่การขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ปีศาจแดงไม่ง่ายเลย
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูวัน ชื่นชมว่าเจ้าหนูรายนี้มีของจริง ฉายแววโดดเด่นเส้นทางสายนี้ช่างสดใส แต่ไม่อาจเก็บไว้ได้ เพราะไม่มีเวทีให้ลงโชว์ฟอร์มเลย
ทางออกดีสุดคือปล่อยให้ทีมอื่นยอมตัวพลาง อย่างน้อยได้มีเกมเล่น ลับแข้งหาประสบการณ์
ในช่วง 4 ปี ดริงค์วอเตอร์ ไม่ได้กลับมาทีมแม่แท้จริงเลย ระหกระเหินพเนจรไปเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ , คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ , วัตฟอร์ดและบาร์นสลี่ย์
โชคดีที่ต้นสังกัดยืมตัวทั้งหลายเปิดโอกาสให้ลงสนามต่อเนื่อง ฝีเท้าของ ดริงค์วอเตอร์ จึงพัฒนามาตามลำดับ กระทั่งอายุ 22 ปีคิดว่าเหมาะสมแล้วที่จะถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เขาได้คุยกับ เฟอร์กี้ เรื่องอนาคตและทำความเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า แม้จะมีความสามารถแต่ไม่ได้อยู่ในแผนการสร้างทีม
กุนซือสก๊อตติชเองก็ยอมรับในเรื่องนี้และบอกกับลูกทีมว่าควรจะย้ายไปแสวงหาความท้าทาย อีกทั้งจะได้มีโอกาสประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ดริงค์วอเตอร์ เลยถูกขายขาดให้เลสเตอร์ในปี 2012 ซึ่งยังวนเวียนอยู่ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ไม่ได้ก้าวมาเล่นลีกสูงสุดด้วยซ้ำ
เขาถีบตัวเองขึ้นมาเป็นแกนหลักอย่างรวดเร็ว ฤดูกาล 2012/13 และ 2013/14 จนมีส่วนสำคัญนำทีมขึ้นพรีเมียร์ลีกสำเร็จ พร้อมทั้งมีชื่อเป็นแคนดิเดตลุ้นแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรด้วย
การได้จับคู่ในแดนกลางกับ เอนโกโล่ ก็องเต้ ยิ่งขับผลงานของ ดริงค์วอเตอร์ เปล่งปลั่งมากกว่าที่เคย
สุดท้ายชีวิตที่เคยผกผันเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาก็เล่นตลกอีกครั้ง เมื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในอีก 2 ปีต่อ
ทั้งๆที่ซีซั่นก่อนหน้านั้น ยังต้องดิ้นรนหนีตกชั้นอย่างหนักกว่าจะเอาตัวรอดได้สำเร็จ
หลังคว้าเกียรติยศครั้งสำคัญสุดในชีวิต ดริงค์วอเตอร์ เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
เขาได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ไม่น้อย มีการยื่นข้อเสนอเข้ามาจนเลสเตอร์ต้องขวางไว้ด้วยการปรับสัญญาใหม่ อันหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น
เพราะรู้ว่าสูญเสีย ก็องเต้ ไปแล้ว จะยอมปล่อย ดริงค์วอเตอร์ อีกคนไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแดนกลางเกิดปัญหาแน่นอน
ตัวเขายินดีจะอยู่กับจิ้งจอกสยามต่อไป แต่ยังคิดว่าการย้ายไปอยู่ทีมใหญ่ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษเสมอ
ฤดูร้อน 2017 เชลซีก็เดินเข้ามาพร้อมเงินก้อนใหญ่ 35 ล้านปอนด์ เป็นข้อเสนอที่เลสเตอร์ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
ดริงค์วอเตอร์ เลยได้ย้ายมายังลอนดอน ท่ามกลางความคาดหวังสูงยิ่งขึ้น การได้กลับมาผนึก ก็องเต้ กลายเป็นประเด็นและถูกจับตามองอย่างมาก
ยามทั้งคู่ยืนด้วยกันในแผงมิดฟิลด์ เคยได้รับการยกย่องว่าคือหนึ่งในพาร์ทเนอร์ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก
ไม่แปลกหากจะกลับมาพีกอีกครั้งในสีเสื้อใหม่กับเชลซี
ดริงค์วอเตอร์ ได้สัญญาที่น่าพอใจมากๆ เป็นระยะยาว 5 ปีเต็ม พร้อมทั้งค่าจ้างอีกราว 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วยกัน มากกว่าจากที่เดิมแบบดับเบิ้ล
เงินที่เชลซีจ่ายให้ถือเป็นค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ เขามีดีกรีทีมชาติอังกฤษ รวมทั้งผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ไม่จำเป็นต้องสาธยายอะไรให้มาก
อย่างไรก็ตามนอกจากที่เชลซีการต่อสู้แย่งตัวจริงจะเข้มข้นดุเดือดแล้ว อาการบาดเจ็บยังพุ่งจู่โจมอีกต่างหาก
เข้าสู่ฤดูกาล 2018/19 บอสเปลี่ยนจาก อันโตนิโอ คอนเต้ มาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ อนาคตยิ่งตีบตันมืดมิดหนักกว่าเดิม
เพราะ จอร์จินโญ่ ย้ายตามเจ้านายมาจากนาโปลีด้วย ส่งผลให้ ดริงค์วอเตอร์ ยิ่งสะเทือนหนักกว่าเดิม ต้องรับสภาพหลีกทางให้เด็กของบอส
เขาได้เล่นในเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ก่อนเปิดฉากซีซั่นราว 30 นาทีเศษ จากนั้นที่เหลือไม่ได้เล่นเลยสักนัด ทุกถ้วย ทุกรายการ แล้วแทบไม่มีชื่อบนม้าสำรองด้วย
เมื่อนักข่าวถาม ซาร์รี่ ว่าทำไมถึงไม่คิดส่ง ดริงค์วอเตอร์ ลงเล่นเลย คำตอบคือนักเตะไม่มีความฟิตมากพอ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ผู้เล่นบาดเจ็บ
คำตอบนี้ทำเอานักข่าวสงสัยเหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรกันแน่
ขนาด แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเรียกตัวมาร่วมทัพ ดริงค์วอเตอร์ ยังบอกปัด อ้างว่าร่างกายไม่อยู่ในความพร้อมนัก เท่ากับเป็นการปิดประตูสู่สิงโตคำรามอย่างสิ้นเชิง
ชัดเจนเลยก็คือ ดริงค์วอเตอร์ ไม่ใส่ใจเรื่องร่างกาย ซ้อมแบบซังกะตายให้จบๆไปแต่ละวัน ย่อมสร้างความหงุดหงิดให้ ซาร์รี่ และเพื่อนร่วมทีมบางคน มันขาดความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ฤดูกาล 2018/19 ขณะที่เพื่อนร่วมทีมกำลังคร่ำเคร่งกับการทำอันดับในลีกเพื่อสิทธ์เล่นยูซีแอล รวมทั้งโฟกัสไปที่เกมนัดชิงยูฟ่า ยูโรปาลีก ดริงค์วอเตอร์ กลับสนใจแต่เรื่องดื่มหรือปาร์ตี้
นอกจากนี้วินัยยังแย่มากๆ เมื่อเรนจ์ โรเวอร์คันโปรดเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วเกินลิมิต จนเสียหลักชนกำแพงยับเยิน ทำให้รถอีกคันได้รับความเสียหายด้วย
แต่ ดริงค์วอเตอร์ ไม่ได้มาคนเดียว มีสาวปริศนาคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ภรรยานั่งมาข้างหน้าด้วย
พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงวัดระดับแอลกอฮอลล์ในเลือด ผลอย่างที่รู้คือพุ่งเกินกำหนดทะลุไปหลักร้อย
เขาโดนยึดใบขับขี่ ห้ามซิ่งอีกนานถึง 20 เดือน รวมทั้งเจอจ่ายปรับร่วม 50,000 ปอนด์ เนื่องจากเป็นตัวต้นเหตุทำความเสียหาย
แทนที่จะสรุปบทเรียนได้ แต่เปล่าเลยดูเหมือนว่าหนักข้อมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ดริงค์วอเตอร์ แอบไปเข้าไนท์คลับที่แมนเชสเตอร์ แล้วไปตามจีบสาวสวย ทั้งที่รู้ดีว่านั่นคือแฟนของเพื่อนนักเตะคนหนึ่ง
เขาตักเตือนอยู่หลายหน กระทั่งหมดความอดทนเกิดเหตุวิวาทกันข้างใน ผู้เห็นเหตุการณ์บอกเลยว่า ดริงค์วอเตอร์ เปิดฉากเฮดบัตต์ใส่แล้วจึงเกิดการตะลุมบอนตามมา
การ์ด 2 คนหิ้วเขาไปข้างนอกและมีการรุมอัดจนหมอบราบคาบ หน้าตาปูดได้แผล ต้องเย็บหลายเข็ม แถมเอ็นข้อเท้ายังฉีกพังยับพักการเล่นแบบยาวๆอีก
เบิร์นลี่ย์ ที่ยืมตัวมารู้แล้วว่าคิดผิดอย่างแรง จึงระงับเรื่องสัญญายืมตัว ขอจบแค่ครึ่งฤดูกาลหรือมกราคมที่ผ่านมาเท่านั้น
ไม่นานแอสตัน วิลล่าเสี่ยงยืมมาต่ออีก ด้วยความหวังที่ว่าจะช่วยทีมรอดพ้นจากการตกชั้น
แล้วก่อหาเรื่องทะเลาะกับ โฆต้า กองกลางสเปน เป็นเพื่อนร่วมทีมในระหว่างฝึกซ้อม
ดริงค์วอเตอร์ เป็นฝ่ายเปิดเช่นเคยโขกหัวใส่ที่ใบหน้าเต็มๆ จนถูกไล่ออกจากสนามซ้อมให้กลับบ้านซะ
ภายหลังเขาส่งข้อความไปขอโทษเพื่อนรายนี้ โดยใช้กูเกิ้ลแปลเป็นภาษาสเปนอีกต่างหาก แสดงถึงความพยายามลบล้างความผิด
ไม่มีใครรู้เลยว่า ดริงค์วอเตอร์ ต้องพึ่งพาจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการที่เกิดขึ้น
ที่ผ่านมาเขามีปัญหาชีวิตคู่ ความเป็นครอบครัวแตกสลายไม่อาจกลับมามีความสุขเหมือนเดิมได้อีก
เงินมากมายไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เขาเพิ่งเปิดใจกับสื่อเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 กับชีวิตที่แสนเจ็บปวด
"เงินไม่ใช่คำตอบที่คุณต้องการเลย ผมเข้าใจผิดมาตลอด" -- ประโยคนี้คือความจริงที่ ดริงค์วอเตอร์ ได้สัมผัสมาเอง
เขาหวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในวัย 30 ปีและฟุตบอลจะช่วยเยียวยาให้ทุกอย่างกลับคืนมา
ถ้าเขากลับตัวกลับใจได้ ก็ขออย่าให้ทุกอย่างสายเกินไปเลย
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ "เคดีบี" กับสิ่งที่คู่ควร ] : แม้จะโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงต่อเนื่อง แต่ใน 2 ฤดูกาลก่อนหน้า เควิน เดอ บรอยน์ ต้องพลาดตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของพีเอฟเอมาตลอดกระทั่งในซีซั่นที่เพิ่งจบไป คะแนนโหวตของเขาเข้าป้ายเป็นอันดับหนึ่งเฉือนเอาชนะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้สำเร็จไม่มีใครคัดค้านหรือเห็นต่างเลย เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ เดอ บรอยน์ จะได้ก้าวขึ้นสู่จุดที่เหมาะสมกับตัวเอง
[ #สุดท้ายก็วนมาที่เดิม ] : เชลซีใช้เงินไปแล้ว 230 ล้านปอนด์ ในการปรับกำลังพลเพื่อรอรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังเปิดในไม่ช้า คาดกันว่าแข้งเหล่านี้จะมาเป็นแกนหลักอย่างไม่ต้องสงสัย ทีนี้เกิดคำถามตามมาว่าแล้วกลุ่มดาวรุ่งที่สร้างชื่อเปรี้ยงปร้างในซีซั่นที่เพิ่งจบไปล่ะ? จากที่อนาคตกำลังสดใส กลายเป็นว่าเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจว่าสุดท้ายแล้วยังได้รับโอกาสหรือเปล่า แต่ที่สำคัญเชลซียังไม่เปลี่ยนแปลงแนวทาง นั่นคือใช้เงินเพื่อแลกกับความสำเร็จเช่นเดิม
[ #อย่าเอาคำว่าเด็กมาอ้าง ] : ไม่ใช่แค่เป็นข่าวฉาวตามหน้าสื่อเท่านั้น แต่ทั้ง ฟิล โฟเด้น และ เมสัน กรีน วู้ด ยังต้องเผชิญกับประสบการณ์อันเลวร้ายด้วย การพาผู้หญิงขึ้นห้องพักที่โรงแรม ในสถานการณ์แบบนี้ บ่งบอกถึงนิสัยไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง จะมาอ้างว่ายังเด็กก็คงไม่ใช่ เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเอามาใช้เป็นบทเรียน โตขนาดนี้เข้าใจได้ไม่ยากว่าอะไรควรไม่ควร หากความผิดนี้ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวล่ะ จะทำอย่างไรกัน?
[ #หนีมูรินโญ่_ปะค้อนเต้ ] : มกราคมที่ผ่านมา คริสเตียน เอริกเซ่น ย้ายออกจากสเปอร์ส พร้อมความหวังว่าจะอยู่ดีมีสุขกับอินเตอร์ มิลานบ้านหลังใหม่ อย่างไรก็ตามจินตนาการที่วาดไว้อย่างสวยงามนั้น กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นได้แค่ตัวสำรองหรืออะไหล่ที่ข้างสนามซะส่วนมาก จากเจ้านายที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ สู่บอสที่ชื่อ อันโตนิโอ คอนเต้ มันไม่ต่างกันเลยจริงๆ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา