11 ก.ย. 2020 เวลา 03:30 • ความคิดเห็น
โฆษณาไทยประกันชีวิตขายฝันอีกแล้ว !!
ไทยประกันชีวิตนี่จึ้นชื่ออย่างมากเรื่องทำโฆษณาแบบซึ้งๆเนื้อหากินใจ และทำให้เกิดแง่คิดดีๆเป็นอย่างมากมาตลอด ทุกครั้งที่มีการจัดทำวิดีโอตัวใหม่ออกมา
แต่กับวิดีโออันล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากวิกฤติโรคระบาด COVID-19 ปี 2020 แล้วทำให้คนตกงาน กิจการในกรุงเทพซบเซา จนคนต้องอพยพกลับบ้านนอกไปทำนานั้น
ผมคืดว่าเป็นการผลิตซ้ำความเชื่อแบบผิดๆหรือ Romanticize ชีวิตของคนทำงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากการทำนา หรือการปลูกข้าวในต่างจังหวัดนั้นไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ ใครนึกจะทำก้ทำได้
การทำนามันมี ecosystem มีปัจจัย และมีวงจรหลายอย่างมากๆ ตั้งแต่ต้นทุน คือ ตัวไร่นาเอง เครื่องมือทำนา เงินทุน คนงาน แล้วไหนจะเรื่องที่ควบคุมไม่ได้อย่างดินฟ้าอากศอีก
การที่คนคนหนึ่งจะสามารถทิ้งชีวิตในเมืองกลับไปทำนาที่บ้านนอก ตามชนบทได้นั้นสิ่งที่เขาต้องมีเลย คือ ที่นาของตัวเอง ถ้าไม่มีที่นาเป็นของตัวเองก็ต้องไปเช่าเขา
นอกจากเช่าเขาแล้วก็ยังต้องไปหาซื้อ หาเช่ารถไถ และเครื่องมือเก็บเกี่ยวอื่นๆมาอีก ตอนจะทำการเก็บผลผลิต ซึ่งสมัยนี้มันมีน้อยคนมากๆที่จะมีปัจจัยเหล่านี้พร้อมพอที่จะทิ้งชีวิตในเมืองกลับไปอยู่บ้านนอก ทำนาสบายๆได้
สาเหตุที่คนชนบทหลายคนในยุคนี้อพยพไปหางานทำกันในเมือง ส่วนใหญ่ก็เพราะเขาไม่มีที่นาเป็นของตัวเองนี่แหละ ถึงต้องไปหางานทำในเมือง มีไม่กี่คนหรอกที่จะมีที่นาเอาไว้ถอยหลังกลับมาหากินได้
คนสมัยนี้ชอบสร้างความเข้าใจแบบผิดๆกันว่าคนชนบทมีที่นาเป็นของตัวเองกันเยอะ อันนี้ไม่ใช่นะครับ คนที่มีที่ดิน ที่นาของตัวเองไม่ได้มีเยอะ หรือทุกครัวเรือนกันอย่างที่เข้าใจกัน
ชาวนา ชาวบ้านสมัยนี้ที่ทำงานตามนากันหลายคนเขาเป็นชาวนารับจ้าง ไม่มีที่ดินทำนาของตัวเอง แค่ไปรับจ้างทำนา ดำนา ปลูกข้าว เกี่ยวข้าวให้กับนายทุน หรือเศรษฐีเจ้าของนาตามต่างจังหวัดเฉยๆ
ดังนั้นคนประเภทที่จะสามารถทิ้งชีวิตเมืองกรุงแล้วกลับไปทำนาอยู่บ้านได้นั้น จึงมีแต่เฉพาะคนที่มีทุนอยู่แล้วก่อนหน้า คือมีที่ดินของตนเอง มีทรัพย์สินมากพอ มีที่นาอย่างน้อย 3-4 ไร่
และมีเงินพอจะลงทุนในเครื่องมือ อุปกรณ์ทำนา ซึ่งภาพที่เราเห็นกันในโฆษณานั้นมันบอกไม่หมดทุกมิติ บอกแค่ว่าพึ่งตนเองได้ และพยายามชี้ว่าอยู่ชนบทดีกว่า แค่นั้น
แต่ไม่ได้บอกถึงความลำบาก และปัจจัยแวดล้อมภายในวงจรของการทำนาบนพื้นฐานของความเป็นจริงเท่าใดนัก ยิ่งโดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้เริ่องการทำนา แล้วอยู่ๆจะอพยพกลับจากเมืองกรุง
มาเริ่มต้นทำนาก็ยิ่งเป็นไปได้น้อยมาก มันต้องมีหลายขั้นตอน มีการวางแผนหลายกระบวนการ ต้องคิดล่วงหน้าด้วยว่าช่วงระหว่างที่รอข้าวจะพร้อมขายได้นี้จะเอาเงินที่ไหนกิน เงินเก็บพอไหม
(โดยเฉพาะกับช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาแบบนี้ยิ่งเป็นไปได้ยากไปใหญ่ แล้วคนที่จะทำนานี้ก็ต้องมีการเตรียมรับความเสี่ยงเกี่ยวกับพวกภัยน้ำท่วม น้ำแล้ง และปัญหาแมลงอะไรพวกนี้อีก ยากครับ เอาจริงๆ)
เห็นแล้วผมเลยไม่ค่อยโอเคสักเท่าไร กับการผลิตซ้ำ หรือสร้างความเชื่ออะไรแบบนี้ขึ้นมาในสังคม เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทิ้งชีวิต หรืองานในเมืองกรุงแล้วกลับไปอยู่บ้านนอกได้ เพราะสาเหตุที่เขาหนีจากบ้านนอกมาอยู่เมืองกรุงนั้น ก็มาจากการที่เขาไม่มีที่ทางทำมาหากินแถวบ้านให้ทำตั้งแต่แรกนั่นแหละ
โฆษณา