12 ก.ย. 2020 เวลา 10:34 • ข่าว
#ผ่าประเด็นดราม่ารัสเซีย_เซอร์เบียกับขาเบียดของชารอน_สโตน
#Basic_Instinct_สยบทุกสิ่ง
เครดิตภาพ imdb/NY Times/ Irish Times/ Bangkok Post
เมื่อวานนี้ อเล็กซานดาร์ วูซิก ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ได้ออกมาประกาศผ่านโทรทัศน์ว่า เขาได้รับคำขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วจากรัสเซีย ในกรณีรูปล้อแรง ที่นำภาพของเขาตอนเข้าไปพบท่านเสี่ย โดนัลด์ ทรัมพ์ ในทำเนียบเขา ไปเข้าคู่กับขาของ ชารอน สโตน ในฉากหนังเรื่องดัง Basic Instinct
เจ้าของมุกตลกร้ายนี้ เป็นของ มาเรีย แซคคาห์โรว่า โฆษกหญิง แห่งกระทรวงการต่างประเทศ คงคันปาก อยากจะแซะ จึงลงภาพดังกล่าว พร้อมแคปชั่นที่สำนักข่าว BBC แปลให้เป็นภาษาอังกฤษว่า
"If you are invited to the White House but your chair stands like you are in an interrogation, you should sit like in the picture number 2. Whoever you are. Just trust me."
"ถ้าคุณได้รับเชิญจากทำเนียบขาว แต่เขาจัดให้คุณนั่งราวกับจะเอาคุณไปสอบสวน แนะนำให้นั่งท่าเดียวกับรูป 2 ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รับรองว่าได้ผล เชื่อฉันสิ"
หลังจากที่ลงภาพไป ท่านเสี่ยทรัมพ์หานำพาไม่ แต่คนที่เป็นเดือด เป็นร้อนให้แทนคือ อเล็กซานดาร์ วูซิก ผู้นำเซอร์เบีย
โดยที่วูซิก กล่าวว่า ช่างเป็นมุกตลกที่ต่ำตม และ หยาบคายสิ้นดี
ร้อนถึงรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก้ ลาฟรอฟ ต้องออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการ แม้แต่ท่านป๋าปูติน ยังต้องโทรสายตรงไปหาวูซิก เพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
เมื่อกล้าทำ กล้าขอโทษ นายหัวแห่งเซอร์เบียก็หายโกรธ ออกมาพูดออกสื่อว่า
“President Putin has never apologized to me for anything, and neither has Sergei Lavrov. But both did”
"ทั้งท่านประธานาธิบดีปูติน กับท่านรัฐมนตรีเซอร์เก้ ไม่เคยยอมพูดขอโทษผมมาก่อนเลยเลยนะครับ ยกเว้นครั้งนี้"
และถ้าง้อถึงขนาดนี้ วูซิกก็ไม่ติดใจ และจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
เรื่องนี้คงสอนให้โฆษกหญิงแห่งกระทรวงบัวแก้วของรัสเซียว่า ถ้าเจ้านายยังไม่ให้สัญญาณ อย่าเพิ่งออกตัวแรง เดี๋ยวจะผิดคิวเหมือนครั้งนี้ ไม่เหมือนอย่างลุงสี่ แกไฟเขียวแล้ว ฝูงหมาป่าของแกก็ลุยฟัดได้เต็มที่
ว่าแต่ท่านวูซิก เข้าไปทำอะไรในทำเนียบขาว ที่ทำให้โฆษกสาวรัสเซียเห็นแล้วหมั่นไส้จนอดรนทนไม่ได้🙄
เรื่องที่ อเล็กซานดาร์ วูซิก ได้เข้าทำเนียบไปพบท่านเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ด้วยหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมนั้น ไม่ได้เป็นที่สนใจเฉพาะคนในเครมลิน แต่ทั้ง EU ก็มองด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน
เครดิตภาพ yqqlm
เพราะท่าน วูซิก แกไม่ได้ไปเจอท่านเสี่ยทรัมพ์แค่คนเดียว แต่ไปพร้อมกับ อับดุลลา โฮติ นายกรัฐมนตรีแห่ง คอซอโว เพื่อไปเซ็นข้อตกลงประวัติศาสตร์อีกชิ้นที่ท่านเสี่ยทรัมพ์เคลมไว้ นั่นก็คือ ข้อตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเซอร์เบีย และ คอซอโว
นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงอีก 2 ฉบับ ที่เซอร์เบีย และ คอซอโว ที่จะเซ็นพร้อมกัน แต่เป็นข้อตกลงที่ไม่เหมือนกัน
เครดิตภาพ Fox News
ของเซอร์เบีย จะต้องเซ็นสัญญาที่จะย้ายสถานฑูตเซอร์เบียไปตั้งในเยรูซาเล็มตามสหรัฐ
ส่วนของคอซอโว เป็นการตกลงว่าอิสราเอลจะรับรองคอซอโว ในฐานะประเทศมุสลิมประเทศหนึ่งในยุโรป
โดยที่ทั้ง 2 ประเทศจะยุติข้อพิพาทต่อกันชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี และยังระบุอีกว่า ทั้ง เซอร์เบีย และ คอซอโว ต้องขึ้นทะเบียนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอนว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย รวมถึงจะไม่ใช้สัญญาณ 5G ของจีน
1
เป็นข้อตกลงที่ฟังดูประหลาด และสร้างความไม่สบายใจกับกลุ่มประเทศในยุโรปไม่น้อย ว่านับจากนี้ บทบาทของเซอร์เบีย จะ คอซอโว จะเป็นอย่างไรต่อไป และจะมีผลกับอย่างไรกับกลุ่มพันธมิตรในยุโรป
และถ้ามองย้อนหลังกลับไปว่าทำไมทั้ง 2 ประเทศต้องมาเซ็นข้อตกลงอะไรกันแบบนี้ที่สหรัฐ เรื่องของเรื่องเกิดจากที่คอซอโว เคยต้องการแยกตัวออกจากเซอร์เบีย ในช่วงเวลานั้นอยู่ในยุคของ
สลอบอดัน มีลอเชวิช เป็นประธานาธิบดีของ
เซอร์เบีย ได้สนับสนุนชาวเซิร์บ ทำสงครามกับชาวมุสลิมคอซอโว จนกลายเป็นสงครามคอซอโว ที่เข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เครดิตภาพ Naharnet
และสงครามคอซอโว ก็ยุติลงได้ด้วยกองทัพจาก NATO เข้ามาแทรกแซง ทิ้งระเบิดขับไล่กองทัพฝ่ายรัฐบาลเซอร์เบีย ออกไป แล้วเข้าควบคุมกิจการของรัฐในคอซอโวแทน
คอซอโวจึงประกาศแยกตัวเป็นรัฐอิสระจาก
เซอร์เบียที่ได้รับการยอมรับจากพันธมิตรของ NATO รวมทั้งประเทศไทยด้วย
1
แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่รับรองคอซอโว รวมถึง รัสเซีย และ จีน ที่เป็นพันธมิตรกับ
เซอร์เบียมานาน
แผนที่ประเทศที่รับรองเอกราชของคอซอโว เครดิตภาพ Wikipedia
จนกระทั่งวันนี้ ที่เซอร์เบียยอมเซ็นสัญญา ร่วมกับสหรัฐ และอิสราเอล และยอมย้ายสถานฑูตไปกรุงเยรูซาเล็มภายในปีหน้า
ที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจว่า เซอร์เบีย จะยืนอยู่ในจุดไหนกันแน่ เพราะชาติพันธมิตร EU ยังไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้เลย
เรื่องนี้มีผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่ค่อนข้างแน่ เพราะเซอร์เบีย ได้ยื่นใบสมัครขอเข้าร่วมเป็นสมาชิก EU ไปแล้วและกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา และทางประธานาธิบดี วูซิก ต้องการล้างภาพลักษณ์ของเซอร์เบียในอดีตที่เกี่ยวพันกับคดีอาชญากรสงคราม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับคอซอโว และต้องการแรงสนับสนุนจากสหรัฐ และอิสราเอล
เครดิตภาพ Europost
ส่วนท่านเสี่ยทรัมพ์ ตอนนี้กำลังต้องการผลงานด้านสันติภาพ เพื่อเป็นผลต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งของเขา เป็นการโปรโมท profile ตัวเองว่า รัฐบาลทรัมพ์ไม่เคยก่อสงคราม และมีผลงานในการยุติสงคราม และเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในหลายพื้นที่ รวมถึงปมระหว่าง เซอร์เบีย และ คอซอโว เผื่อจะได้มงฯลง เป็นดาราโนเบลสันติภาพกับเขาบ้าง
ทรัมพ์ได้เสนอชื่อชิงรางวัลโนเบลอีกงานจากข้อตกลง เซอร์เบีย-คอซอโว เครดิตภาพ Daily Mail
อิสราเอลนั้น ก็แทบไม่เคยต้องลงทุนอะไร แต่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดในยุคของทรัมพ์ ตั้งแต่ ทรัมพ์เซ็นรับรองเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงให้อิสราเอล วิ่งเต้นให้หลายชาติขึ้นทะเบียนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่เป็นศัตรูของรัฐบาลอิสราเอล ให้เป็นองค์กรก่อการร้ายสากล หาชาติพันธมิตรให้ โดยได้ UAE เข้ามาร่วมวง และล่าสุด ได้เซอร์เบียที่จะกลายเป็นชาติแรกในยุโรปที่ยอมย้ายสถานฑูตไปกรุงเยรูซาเล็ม
เครดิตภาพ BBC
ส่วนพันธมิตรเก่าแต่หนหลัง อย่างจีน ที่เคยส่งหน้ากากอนามัย และเวชภัณฑ์ช่วยเหลือล็อตใหญ่ใส่เครื่องบินตรงไปลงให้ถึงที่ ตอน Covid กินเมือง จนท่านวูซิก ปลื้มใจถึงขนาดจูบธงชาติจีน ตอนมารับของบริจาค
เครดิตภาพ The Global Harald
หรือรัสเซีย ที่เคยยืนยันข้างเซอร์เบีย ด้วยการไม่สนับสนุนการประกาศเอกราชของคอซอโว แล้ว
ไฝว้กับแก๊งค์ NATO ด้วยกันนั้น ท่านวูซิก ลืมไปหมดแล้ว
1
เครดิตภาพ Global Risk Insights
แม้แต่เรื่องที่โฆษกรัฐบาลสาว ออกมาโพสต์รูปล้อเลียน กะจะแซะทรัมพ์ ก็มีคนออกมารับหน้าแทนให้ หลายฝ่ายจึงฟันธง ลงความเห็นแล้วว่า
เซอร์เบียเลือกแล้วที่จะสนับสนุนทรัมพ์
แต่หลังจากผลการเลือกตั้งสหรัฐ และท่านวูซิก จะไปสนับสนุนใครต่อ ก็ต้องแล้วแต่สัญชาติญาณดิบของแก เพราะเหยียบเรือหลายแคมเหลือเกิน ถ้าทรงตัวไม่ดี ก็ตกน้ำเอาง่ายๆเลยนะค้า😀
แหล่งข้อมูล
โฆษณา