12 ก.ย. 2020 เวลา 21:41 • กีฬา
สมดีกรีแชมป์ชนแชมป์! หงส์แดง เปิดแอนฟิลด์เชือด ยูงทอง สุดมันส์
ลิเวอร์พูล เปิดหัว พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020-21 ด้วยการเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ลีดส์ ยูไนเต็ด น้องใหม่เจ้าของดีกรีแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
ปรากฎว่า "หงส์แดง" ออกตัวด้วยการเก็บ 3 คะแนนเต็มหลังเฉือนชนะด้วยสกอร์สุดระทึก 4-3 และนี่คือประเด็นสำคัญที่ได้จากเกมนี้
- ซาลาห์ คืนฟอร์มเทพ
ดูเหมือนว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะพร้อมสำหรับการล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันหลังกระหน่ำแฮททริคตั้งแต่นัดแรก
ซาลาห์ ยิงจุดโทษตั้งแต่ 4 นาทีแรกเป็นประตู 1-0 ซึ่งทำให้เจ้าตัวเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงในนัดเปิดสนามติดต่อกัน 4 ปี นับตั้งแต่ เท็ดดี้ เชอริงแฮม ทำเอาไว้ในช่วงปี 1992-1995
จากนั้น ซาลาห์ บวกเพิ่มอีก 2 ตุงใน นาที 33 กับ 88 โดยลูกที่ 2 เป็นการตะบันด้วยซ้ายในเขตโทษเสียบสามเหลี่ยมอย่างเฉียบขาด และลูกปิดท้ายเป็นประตูชัยด้วย
ซาลาห์ ยังเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงแฮททริคในนัดเปิดสนามในระดับ พรีเมียร์ลีก ด้วยและ ลิเวอร์พูล คว้าชัยในเกมที่ ซาลาห์ ใส่สกอร์ได้แล้วใน 35 เกมหลังสุด ทำลายสถิติเดิมของ เวย์น รูนี่ย์ (34 นัดในช่วงปี 2008-2011) สำเร็จ
- ลิเวอร์พูล เผยจุดอ่อน
เพียงแค่นัดแรก กลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล เผยให้เห็นถึงจุดอ่อนที่จะถูกเอามาใช้ในการโค่นพวกเขาในอีก 37 นัดที่เหลือ
"หงส์แดง" ขึ้นนำเร็วตั้งแต่ 4 นาทีแรก ทว่าไม่ได้ทำให้ตัวเองหายอกหายใจโล่งคอขึ้นเลยเพราะเกมรับพร้อมจะเสียอยู่ตลอด
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟิตเต็มถังกลับมาทำให้ ลิเวอร์พูล ได้ใช้แบ็กโฟร์ชุดเก่ง แต่กลายเป็นเสียถึง 3 ลูกตั้งแต่นัดแรก
อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ผิดพลาดในประตูแรกที่เสียไปหลังปล่อยให้ แจ็ค แฮร์ริสัน ได้กระชากเข้าเขตโทษต่อหน้าต่อตา
ขณะที่คนที่ฝากความหวังได้มากที่สุดอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับทำพลาดแบบเข้าตากรรมการเต็มๆ ในจังหวะเสียประตู 2-2 หลังสกัดบอลโด่งหน้าเขตโทษไม่ดีเปิดทางให้ แพทริค แบมฟอร์ด ได้ยิงนิ่มๆ
รวมถึงประตูตีเสมอ 3-3 ที่ ฟาน ไดค์ ยืนหลุดตำแหน่งปล่อยให้ มาเตอุสซ์ คลิช ได้จับก่อนสับไกยิงโล่งๆ ในเขตโทษ
โชคยังดีที่เกมรุก โดยเฉพาะ ซาลาห์ แสดงความเฉียบขาดในจังหวะจบสกอร์ในเกมนี้ช่วยให้เอาตัวรอดจากการได้เพียงเสมอหรือปราชัยในท้ายที่สุด
- แดนกลางไม่ดุดัน
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกมรับของ ลิเวอร์พูล กลายเป็นจุดอ่อนก็เป็นผลมาจากการจัดทัพในแดนกลาง
เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกดร็อป ฟาบินโญ่ แล้วใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เพิ่งกลับมาฟิตเต็มถัง ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ขนาบด้วย จอร์จินโย่ ไวนัลดุม กับ นาบี เกอิต้า
ไม่ปฏิเสธว่า เฮนโด้ สวมบทบาทแทน ฟาบินโญ่ ได้แต่ประสิทธิภาพย่อมไม่เทียบเท่า แถมยังเสียของอีกต่างหาก
ความเข้มข้นและความดุดันในแดนกลางถือว่าลดน้อยลงไปจากที่ผ่านๆ มา เป็นเหตุผลให้ ลีดส์ ช่วงชิงการครองเกมเอาไว้ได้ในหลายๆ จังหวะ มันไม่มีการเพรสซิ่งบีบพื้นที่ทัพ "ยูงทอง" อย่างที่ควรจะเป็นด้วย
- น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์
พูดกันตรงๆ ใครๆ ต่างก็คิดไว้อยู่แล้วว่า ลีดส์ จะเป็นคู่แข่งที่ไม่ง่ายสำหรับ ลิเวอร์พูล แต่ก็ไม่คิดว่าจะสร้างปัญหาให้ได้มากมายขนาดนี้
แท็กติกและแนวทางการเล่นของ "ยูงทอง" ในยุคของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า พิสูจน์ให้เห็นว่าพร้อมสร้างความสั่นสะเทือนใน พรีเมียร์ลีก ได้ไม่ยาก ขนาด ลิเวอร์พูล ที่ได้เล่นใน แอนฟิลด์ ยังเกือบม่อยกระรอกเลย
ลีดส์ แสดงความดุดันในการวิ่งไล่บอลและความสวยงามในการต่อบอลทำเกมรุก ถ้าจะบอกว่าพวกเขาในวันนี้เป็นเหมือนภาพสะท้อนของ ลิเวอร์พูล ก็อาจไม่เกินจากความจริงไปเลย
เกมรุกของ "ยูงทอง" ถือว่าวูบวาบดีจริงๆ แต่พวกเขาก็ได้บทเรียนสำคัญในวันนี้ นั่นคือถ้าคิดจะเอาตัวรอดบนลีกสูงสุด เกมรับต้องเหนียวแน่นและแข็งแกร่งกว่านี้
อาจจะพูดได้ว่าเจอกับดีกรีแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุด เสีย 4 ลูกคงไม่แปลก แต่ถ้าได้เห็นการเสียประตู โดยเฉพาะในจังหวะโอเพ่นเพลย์ ก็ต้องยอมรับว่าพลาดง่ายเกินไป เช่นเดียวกับการเสียจุดโทษแบบไม่น่าเสีย
กระนั้น จากภาพรวมที่ได้เห็น ถ้าปรับตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย เชื่อได้เลยว่า ลีดส์ น่าจะเดินตามรอย เชฟฯ ยูไนเต็ด มากกว่า นอริช ซิตี้ ในฤดูกาล 2020-21
ไฮไลท์จัดเต็ม ลิเวอร์พูล vs ลีดส์ ยูไนเต็ด : https://www.cheerball.com/clips/main/view/16539
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา