13 ก.ย. 2020 เวลา 11:08 • ความคิดเห็น
ทำไมคนไทยเชื้อสายจีนถึงรวยกว่าคนไทยท้องถิ่น ?
ผมเชื่อว่าคำถามนี้อยู่ในใจหลายคนนะครับ
บางคนก็สรุปว่า คนจีนเก่งกว่า ขยันกว่า แต่คำถามคือมันจริงหรือไม่นั่นแหละ
... ผมในฐานะลูกหลานแขก คงไม่เข้าข้างใคร แต่จะนำเสนอสิ่งที่เกิดจากการศึกษาและตั้งข้อสังเกตเกตุต่อคำถามนี้จากประสบการณ์มานำเสนอแล้วกันนะครับ
...ท่านผู้อ่านก็ลองพิจารณาดูก็แล้วกันว่าจริงหรือไม่...
1) ประวัติศาสตร์ชาวจีนในไทย....
ถ้าจะพูดตรงๆเลย ไทยนั้นยอมรับอำนาจอยู่ภายใต้อาณาจักรจีนมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์อู่ทองแล้วล่ะครับ ถ้าเทียบเป็นราชวงศ์จีน ก็คือราชวงศ์หมิง ในสมัยของเจิ้บเหอนั่นเอง
ตามประวัติศาสตร์ไทยเองต้องส่งจิ้มก้องให้จีนมาตั้งแต่ตอนนั้น
และนั่นทำให้ชาวจีนมีสิทธิ์พิเศษมากกว่าคนต่างชาตื ชาติใดๆที่เข้ามาตั้งรกรากทั้งหมด ที่เห็นได้ชัดคือ ชาวจีนอพยพเป็นชาติเดียวที่สามารถแต่งงานกับชาวไทยได้ ( ฝรั่ง , แขก , ญี่ปุ่น ถ้าไม่ใช่ขุนนาง ห้ามหมด เพิ่งมาแก้เมื่อครั้งรัตนโกสินทร์นี่แหละ)
ทำให้โดยพื้นฐานแล้วชาวจีนอพยพในสมัยแรกๆ นั้นมักจะเป็นขุนนางหรือพ่อค้าที่รวยอยู่แล้ว เข้ามาอาศัย
...เมื่อประกอบกับ ไทยเองต้องค้าขายกับจีนมาก จึงต้องพึ่งพาคนกลุ่มนี้ มันก็ยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้รวยขึ้นเรื่อยๆ จนบางคนมีตำแหน่งขุนน้ำขุนนาง มันก็ยิ่งไปกันใหญ่
ความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ ดำเนินมาตลอดประวัติศาสตร์ชาติไทยครับ ล่วงมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ก็ยังเป็นแบบนั้น
...สุดท้ายลูกหลานจีนในยุคแรก ก็ได้ครองแผ่นดินสยามในที่สุด หลังจากการกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจน
เราจะเห็นได้จากการไหว้ตรุษจีนในวันตรุษจีนคือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด
2) เมื่อมีคอนเนคชั่น มันก็ง่าย...
จากการที่รุ่นแรกได้แผ้วถางทางเอาไว้อย่างดีแล้ว สยามจึงกลายเป็นตัวเลือกแรก ที่ชาวจีนแผ่นใหญ่ที่ต้องการอพยพหนีความวุ่นวายในช่วงปลายของราชวงศ์ชิง เพราะแทบจะสมารถการันตีได้เลยว่า พวกเขามาก็ไม่อดตาย มีงานการทำแน่นอน
ด้วยนิสัยรักพวกพ้องของคนจีน รวมถึงการนับสกุลแซ่ที่ไม่เคยขาดสาย
ชาวจีนที่อพยพเข้ามาในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ จึงเหมือนกับมีทุนรอนอยู่แล้ว แม้จะมาตัวเปล่าก็ตาม
...ที่สำคัญ ชาวต่างชาติที่อพยพมาในช่วงนั้น(รวมถึงแขก) ก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ไพร่ หรือ ทาสแต่อย่างใด ในระบบทาส 7 ประเภทนั้น ชาวต่างชาติ ถ้าจะเป็นทาสก็คือขายตัวเอง ซึ่งน้อยมากที่จะเป็นแบบนั้น
...เมื่อพ่อแม่ไม่เป็นทาส ลูกหลานจึงไม่ต้องเป็นทาสในเรือนเบี้ยไปด้วย ส่วนนี้คือความได้เปรียบมหาศาลของผู้อพยพที่มีต่อชาวไทยท้องถิ่น
โดยเฉพาะกับชาวจีนจะเห็นได้ชัดมากที่สุด เพราะเมื่อไม่ต้องเป็นทาสและมีคอนเน็คชั่นที่ดี การขยับขยายค้าขายอะไรมันก็ยิ่งง่าย
ตระกูลเก่าแก่ที่มีเชื้อสายจีนหลายตระกูลครับ ที่ใช้วิธีจ้างคนจีนด้วยกัน แทนที่จะเอามาเป็นทาส
ในขณะที่ขุนนางชาวไทยส่วนมาก ไม่นิยมจ้าง แต่นิยมเลี้ยงทาสมากกว่า โดยหวังทาสในเรือนเบี้ยต่อไปเป็นรุ่นๆ
3) เลิกทาสและสงครามโลกครั้งที่2 จุดเปลี่ยนของทุกอย่าง...
เชื่อหรือไม่ว่า การเลิกทาสนั้นมีส่วนมากที่ทำให้ผู้อพยพทุเขื้อชาติรวยขึ้น
เหตุผลคือ การสตาร์ทที่ไม่เท่ากันระหว่างคนไทยท้องถิ่นและผู้อพยพ
...อย่างที่กล่าวไปในข้อที่แล้วนะครับ ว่าผู้อพยพนั้นไม่ต้องเป็นทาส แต่ทำงานรับเงินเข้าตัวเองโดยตรง
นั่นทำให้ผู้อพยพมีทั้งความรู้ในการค้าขาย และทุนทรัพย์ที่เกิดจากการสะสมของตน ต่างจากคนไทยถิ่น ที่ส่วนมากเป็นไพร่หรือทาสซึ่งรับแต่การดูแล ไม่ใช่เงินทอง
หนำซ้ำความเป็นอิสระของจีนและแขกในไทย ยังทำให้คนสองกลุ่มนี้ได้มีโอกาสรับการศึกษาที่มากกว่าคนไทยแท้ๆซึ่งอยู่แต่ในบ้านของเจ้านายมาก
เมื่อเลิกทาส คนไทยเป็นอิสระก็จริง แต่ไม่มีความรู้ ไม่มีทุนอะไรเลย
แล้วต้องมาแข่งกับคนจีนหรือแขก ซึ่งพร้อมกว่าในระบบการค้าแบบใหม่ มันจะเหลืออะไรล่ะครับ มันสู้กันไม่ได้อยู่แล้วล่ะ
...ทุน ความรู้ คอนเน็คชั่น ทุกอย่าง คนไทยท้องถิ่นเสียเปรียบหมด...
วงจรหนี้สินซ้ำซากของคนไทยชายขอบมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละครับ
4) สงครามโลกครั้งที่สอง และการเปลี่ยนแปลง land lord ตัวเร่งให้คนจีนยิ่งรวย!
จากข้อที่แล้ว เมื่อคนจีนนั้นเริ่มกิจการต่างๆไว้ก่อน ในขณะที่คนไทยที่มีอันจะกินส่วนมาก ยังอิงกับการเข้าเป็นขุนนางเป็นหลัก
แรกๆ นั้น ชาวจีนยังเข้าไม่ถึงที่ดินครับ อาจด้วยระบบทะเบียนราษฎร์ หรืออาจรวมถึงขุนนางไทยสมัยก่อนยังเฟื่องฟู ทำให้ที่ดินมักจะไม่มีการเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือชาวต่างชาติมากนัก
แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ระบบขุนนางก็ถึงแก่กาลล่มสลาย
...แรกๆ พวกเจ้าขุนมูลนายทั้งหลายก็ไม่ได้เดือดร้อนหรอกครับ ลำพังให้เช่าที่ทำนา กินไปอีกสิบชาติก็ไม่หมด...
แต่สงครามโลครั้งที่ 2 นั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอย่างสิ้นเชิง!
ในช่วงสงครามโลกนั้นเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงแบบสุดๆ ข้าวที่ปลูกได้ก็ขายแทบไม่ได้เพราะญี่ปุ่นโกยเอาไปเป็นเสบียงหมด
ทำให้ขุนนางเก่าที่หวังใช้ตรงนี้ทำมาหากินก็ย่ำแย่ไปด้วย แถมค่านิยมชอบเลี้ยงคนมากๆ มันก็ทำให้ค่าใช้จ่ายเริ่มไม่พอ
...ไอ้ครั้นจะทำมาค้าขายก็ทำไม่เป็นอีก เพราะชีวิตผ่านมาแต่การรับราชการ หรือไม่ก็กินมรดก...
สิ่งที่ตามมาก็คือ ขุนนางเก่าเหล่านี้ต้องขายสมบัติ โดยเฉพาะที่ดิน
...และใครล่ะครับที่มีเงินซื้อ ก็พ่อค้าน่ะสิ....
...แล้วพ่อค้าคือใครล่ะ....ใช่ครับ คนจีน ไม่ก็แขก นั่นเอง...
การเปลี่ยนมือครั้งใหญ่ของที่ดินในช่วงนี้แหละครับ เป็นที่มาของความมั่งคั่งของชาวจีนสยาม และอาจรวมถึงแขกด้วย
เพราะการเข้าซื้อของชาวจีนต่อที่ดินในพระนครมีจำนวนมากมายมหาศาลจริงๆ จะเรียกว่าเกือบทั้งหมดที่เจ้าขุนมูลนายปล่อยออกมาเลยก็ว่าได้
และเรารู้กันดีนะครับ ว่าที่ดินนั้นมีสถานะแบบไหนในระบบการเงิน....
5) ระบบกงสี โพยก๊วน ธนาคารนอกระบบ กุญแจสู่ความสำเร็จที่แท้จริง
ในขณะขุนนางเก่าปล่อยที่นั้น หากศึกษาจะพบว่า การเข้าซื้อที่ดินของชาวจีนนั้น มาในรูปแบบกลุ่มทุนมากกว่าที่คนคนเดียวซื้อครับ
...จุดแข็งที่สุดของระบบการลงทุนของคนจีนคือการรวมกลุ่มของทุนที่เหนียวแน่นนี่ล่ะครับ
ระดมกันมาเป็นแซ่เลย แล้วใช้ประโยชน์ หากำไรร่วมกัน แล้วแบ่งปันกัน จนเกิดระบบ "กงสี" ที่ใหญ่โตมโหฬารมากกว่าธนาคารใดในไทยจะสามารถทำได้ในขณะนั้น
...ยิ่งได้ครอบครองที่ดินทำเลทอง ก็ยิ่งเหมือนมังกรติดปีก กงสีที่ใหญ่อยู่แล้วก็กลายเป็นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดในปัจจุบันนี้นั่นเอง
และการมีทุนมากนี่แหละ ทำให้ชาวจีนเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจมากกว่า ในช่วงสงครมนั้น บางตระกูลก็ร่ำรวยมาได้จากการค้าขายกับญี่ปุ่นนั่นเอง
...บางตระกูลก็รวยแบบผูกขาดเครื่องดื่มให้ทหารอเมริกันในเวลาต่อมา
ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เป็นผลต่อเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเปลี่ยนแปลงระบบทั้งหมดของประเทศไทยไปตลอดกาลนั่นเอง
ในยุคใหม่นั้น เราจะเห็นว่าลูกหลานจีนยุคนี้ เปิดธุรกิจใหม่ๆมากมาย มีทั้งรวยและเจ๊ง
...แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร มันก็แสดงถึงความสามารถในการเข้าถึงทุนของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
...ยังไม่นับว่าคนกลุ่มนี้เพราะมีเงิน การศึกษาจึงมีโอกาสมากไปด้วยนะครับ
...ทุนพร้อม! การศึกษาพร้อม ! สายสัมพันธ์ธุรกิจพร้อม! ....
ก็แล้วจะให้พวกเขาจนลงได้ยังไง หรือจะให้คนไทยชายขอบที่ยังติดกับวังวนหนี้แต่อดีต มีโอกาสเกิดขึ้นมาได้ยังไงล่ะครับ....
บทสรุปของคำถามนี้ ผมขออนุญาตตอบตามความเข้าใจว่า
- คนจีนไม่ได้เก่งกว่า เมื่อเทียบกันตัวต่อตัว แต่พวกเขาเก่งกว่าเมื่อคิดถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ให้พวกเขา
- คนไทยถิ่นที่ชายขอบ ไม่ได้ด้อยกว่าหรือขี้เกียจกว่า แต่โอกาสและปูมทางประวัติศาสตร์ มันปิดประตูใส่พวกเขา
- ไม่ใช่ความผิดหรือความเก่งของใคร แต่เงื่อนไขตามวันเวลาทำให้เกิดสิ่งที่เป็น
- ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่คนจีนที่เข้ามาแล้วรวยกว่าคนไทยท้องถิ่น แต่นั่นรวมถึงฝรั่งและลูกแขกอย่างผมด้วย เพราะเหตุผลตามที่ได้กล่าวมาแล้ว มันกดคนท้องถิ่นมากกว่านั่นเอง
มายาภาพ คนชาติไหนเก่งกว่าชาติไหน มันไม่มีหรอกครับ
การพูดถึงแบบนั้นผมว่ามันต้องดูปัจจัยต่างประกอบด้วย
ลูกหลานจีนก็อย่าทะนงตน ยกตนข่มท่าน หรือเอาแต่พวกพ้อง
ลูกหลานไทยก็จงยิ่งพยายามให้หนัก รวมกลุ่มกันให้ได้เพื่อพัฒนาตัวเองมาสู้กับเขา ในช่วงที่เกมส์มันกำลังเปลี่ยนนี่แหละ โอกาสมาแล้วนะ
และทุกคนเป็นคนไทย ก็ควรเปิดโอกาสให้กันและกันบ้าง อย่าผูกขาดจนมากเกินไป
...แล้วเมืองไทยจะน่าอยู่ขึ้นครับ เชื่อผมเหอะ 😁😁😁....
ปล. ผมเคยเขียนเรื่องนี้ใน BD รึเปล่าผมไม่แน่ใจนะครับ ถ้าเคยก็ขออภัยครับ เพราะเรื่องนี้ผมเคยทำเป็นรายงานสมัยเรียน เลยจำแม่นและเขียนบ่อยเหมือนกันในที่ต่างๆ
โฆษณา