14 ก.ย. 2020 เวลา 13:01 • กีฬา
ใส่ NIKE มาทั้งชีวิต : ทำไม เนย์มาร์ จึง หันมาเลือกใช้ PUMA ? | MAIN STAND
เนย์มาร์ สวมใส่รองเท้าที่มีไนกี้เป็นสปอนเซอร์มาตั้งแต่อายุ 13 ปี ... เขาคือสตาร์ที่เกิดขึ้นควบคู่กับไนกี้จนเลื่องชื่อและสร้างตำนานเป็นหนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่มีค่าตัวจากการเซ็นสัญญามากที่สุดของโลกกีฬา…
อย่างไรก็ตาม 15 ปีที่ยาวนานมาถึงเวลาต้องลาจาก เนย์มาร์ โบกมือลาไนกี้และซบ พูม่า อย่างเป็นทางการ อะไรที่ทำให้เขาเลือกเปลี่ยน? และโปรเจ็คอะไรของ พูม่า ที่ทำให้ เนย์มาร์ ปฎิเสธข้อเสนอ 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯของ ไนกี้ ?
ติดตามทั้งหมดได้ที่นี่
DO IT THE BRAZILIAN WAY
สังเกตไหมว่าทำไมนักเตะบราซิลระดับแม่เหล็กหรือแข้งเกรดระดับ SS มักจะสวมรองเท้ายี่ห้อ ไนกี้ ไม่ว่าจะเป็น โรนัลโด้(R9) โรนัลดินโญ่ หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันอย่าง อาเดรียโน่ ... ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
จะบอกว่ามันเป็นการจับเอาคอนเทนท์ที่คนดูฟุตบอลชอบมากที่สุดก็ย่อมได้ เพราะหากถามคนดูบอลว่าพวกเขาชอบดูฟุตบอลเกมรุกที่สวยงาม หรือฟุตบอลเกมรับที่เน้นแท็คติมากกว่ากัน ... 90% คงต้องตอบอย่างแรกแบบไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจะมีฟุตบอลประเทศไหนที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมบุก ลีลา และเทคนิคดีกว่า บราซิล อีก?
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ ไนกี้ จับมือกับทีมชาติบราซิลตั้งแต่ยุค 90s และสร้างแบรนด์ "R9" ของโรนัลโด้ นาซาริโอ นักเตะที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดก่อนที่โลกจะรู้จักกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นมาโดยเฉพาะ ..
มีเรื่องเล่าว่า ไนกี้ ให้ความพยายามกับในการสร้างแบรนด์ R9 เป็นอย่างมาก เนื่องจากย้อนกลับไปปี 1997 โรนัลโด้ ยังคงอยู่กับ บาร์เซโลน่า และใส่เสื้อหมายเลข 10 อยู่ ซึ่งมันขัดกับนโยบายของ ไนกี้ ที่เข้ามาสนับสนุนทีมชาติบราซิลและต้องการให้ โรนัลโด้ ใส่เบอร์ 9 ดังนั้น ... ไนกี้ จึงมีส่วนช่วยเหลือให้ดีลการย้ายทีมจาก บาร์เซโลน่า ไปอินเตอร์ ของ โรนัลโด้ เกิดขึ้น
1
"ผมบอกกับ ไนกี้ ว่าหากผมเอา โรนัลโด้ มาอยู่ในทีมได้ พวกเขาจะต้องมอบข้อเสนอก้อนโต แตกต่างจากที่ให้กับทีมอื่นสำหรับ อินเตอร์ มิลาน เท่านั้น" มัสซิโม่ โมรัตติ อดีตประธานของอินเตอร์ เล่าย้อนกลับไปเพื่อบอกว่าดีลนี้ ไนกี้ มีเอี่ยว
ณ เวลานั้น อินเตอร์ ยังคงมี อัมโบร เป็นสปอนเซอร์และเหลือสัญญาปีสุดท้าย(ปีแรกของ โรนัลโด้) เจ้าตัวสวมใส่เสื้อหมายเลข 10 ก่อน โดยเบอร์ 9 ยังเป็นของ อิวาน ซาโมราน่า และเมื่อหมดสัญญากับแบรนด์สปอร์ตแวร์จากอังกฤษ พวกเขาก็เปิดตัว ไนกี้ เป็นพาร์ทเนอร์ใหม่ในปี 1998 และจัดการให้ โรนัลโด้ เข้ามาสวมเสื้อหมายเลข 9 ตามแบรนด์ "R9" ที่เขาใส่ในทีมชาติบราซิล
และหลังจากนั้นทุกอย่างคือประวัติศาสตร์ ... ไนกี้ ทำเงินมากมายจากการสนับสนุน โรนัลโด้ ด้วยสตั๊ดอย่าง ไนกี้ เมอร์คิวเรียล นอกจากนี้ในเรื่องของการทำสื่อ ไนกี้ ก็ใช้ทีมชาติบราซิลเป็นตัวละครเอกในโฆษณาของพวกเขาเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถูกจดจำได้จนถึงทุกวันนี้ เช่น โฆษณาเตะฟุตบอลในสนามบิน(1998) หรือ บราซิล vs โปรตุเกส ในช่วงปี 2004 นั่นเอง
และการสร้างแบรนด์ R9 ก็ถูกนำมาต่อยอดด้วยนักเตะบราซิลอีกมากมายหลายคนส่งต่อจากยุคสู่ยุคเรื่อยมาทั้ง โรแบร์โต้ คาร์ลอส, อาเดรียโน่ และ โรนัลดินโญ่ ต่างก็สวมใส่ ไนกี้ ทั้งนั้น ขาดก็แค่ กาก้า เท่านั้นที่เป็นนักเตะเกรด SS ของ บราซิล ที่หลุดใส่ อาดิดาส เพียงรายเดียวเท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นถึงโมเดลการเข้าคู่ระหว่าง ไนกี้ กับแข้งบราซิลได้อย่างชัดเจน จนถึงขั้นมีโฆษณาที่ใช้ชื่อซีรี่ส์ว่า "Do It the Brazilian Way" มาแล้ว
กระทั่งมาถึงยุคที่เหล่านักเตะเลือดแซมบ้า และทีมชาติบราซิลผลงานตกต่ำลง หลังจากคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ความเป็นบราซิเลี่ยนก็เริ่มจางหายไป นักเตะบราซิลเทคนิคดีคล่องแคล่วเล่นฟุตบอลสวยงามก็จริง แต่ไม่มีใครเป็นบราซิเลี่ยนแท้ที่ทั้งสวยงามและมีประสิทธิภาพอีกเลยหลังจากหมดยุค โรนัลดินโญ่
ดังนั้นเมื่อมี 1 สตาร์แจ้งเกิดจากสโมสร ซานโต้ส ที่ชื่อว่า เนย์มาร์ จูเนียร์ ไนกี้ ก็ไม่รอช้าและเริ่ม "ซื้อความเสี่ยง" กับนักเตะมหัศจรรย์รายนี้
เนย์มาร์ X ไนกี้
ก่อนหน้าจะถึง เนย์มาร์ มีนักเตะ บราซิล หลายคนที่ทำท่าจะดังขึ้นมาแต่สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่าเมื่อมาเล่นในยุโรป ดังนั้นเมื่อครั้งที่ เนย์มาร์ เดบิวต์กับ ซานโต้ส ตอนอายุ 17 ปี จึงสร้างความตื่นตะลึงจนหน้าสื่อลงข่าวในฐานะเด็กนรกไม่หวาดไม่ไหว ทว่าด้วยภาพจำเก่าๆของ บราซิเลี่ยนเก๊ คนก่อนๆ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าบอลลีลา บ้าเลี้ยงอย่าง เนย์มาร์ คงไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่ ไนกี้ ไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาเซ็นสัญญาสนับสนุน เนย์มาร์ ตั้งแต่อายุ 13 ปี และถือความเสี่ยงมาตั้งแต่ ณ ตอนนั้น...
1
อย่างไรก็ตาม เนย์มาร์ นั้นโหดจริงตั้งแต่ปีแรกที่ประเดิม เขาเล่นเหมือนไม่ใช่เด็ก ไม่มีแหยงเมื่อโดนไล่เตะ แถมปั่นประสาทกลับด้วยการพุ่งล้ม เเกล้งเจ็บ หรือแม้กระทั่งตั้งใจลากใส่เพื่อเอาชนะให้คู่แข่งขายหน้า เขาเป็นคนแบบนั้นแม้ใครจะไม่ชอบ แต่ เนย์มาร์ ไม่เคยสนใจ เขามีสถิติการยิงประตูที่เหลือเชื่อ ติดทีมชาติบราซิลและยิงประตูแรกได้ตั้งแต่เกมแรก(อายุ 18 ปี) เท่านั้น ซึ่งที่เหลือคือประวัติศาสตร์ทุกคนรู้กันดีว่าทุกวันนี้ เนย์มาร์ คือใคร และเก่งขนาดไหน
"ผมไม่สามารถมาอยู่จุดนี้เพราะเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี ผมไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพราะทรงผม หรือแม้กระทั่งชื่อ เนย์มาร์ แต่ผมอยู่ ณ จุดนี้ได้เพราะฟุตบอลของผม ฟุตบอลผลักดันผมทุกวัน ฟุตบอลทำให้ผมเป็นผู้พิชิต ... และเมื่อเป็นอย่างนี้เเล้วผมจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองอะไรทั้งนั้น" เนย์มาร์ ว่าไว้ในโฆษณาของ ไนกี้ เมื่อ 2 ปีก่อน
ภายใต้การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ ไนกี้ เนย์มาร์ ถือว่ามาสานต่อรอยเท้าของของ โรนัลโด้ R9 และ โรนัลดินโญ่ ได้อย่างดี โดยเฉพาะรองเท้ารุ่นซิกเนเจอร์ของ R9 อย่าง เมอร์คิวเรียล (Mercurial Vapor Jogo Prismático) นั้น ก็มีตัวที่ออกแบบพิเศษมาเพื่อเนย์มาร์อีกเช่นกัน ที่สำคัญคือการเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกด้วยราคา 222 ล้านยูโร (ราว 8,700 ล้านบาท) ในวันที่เขาย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาอยู่กับ เปแอสเช ก็คล้ายๆกับดีลของ โรนัลโด้ R9 เมื่อหลังจาก เปแอสเช ปิดดีลเนย์มาร์ได้ พวกเขาก็ได้รับเงินสนับสนุนจากไนกี้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 62 ล้านยูโร (ราว 2,000 ล้านบาท) อีกด้วย
1
เรียกได้ว่านับตั้งแต่ที่ เนย์มาร์ เซ็นสัญญากับ ไนกี้ เขาก็พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยในทุกๆปี กลายเป็นนักเตะหมายเลข 1 ของทีมชาติบราซิล และถือว่าเป็นเบอร์ 3 ของโลกรองจากยอดมนุษย์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าการเล็งและยิงใส่เนย์มาร์ตั้งแต่อายุ 13 ปีของ ไนกี้ นั้นตรงเป้าอย่างจังเบอร์
ขณะที่ฝั่งเนย์มาร์ เองก็เข้าวินไม่แพ้กัน เขากลายเป็นแบรนแอมบาสเดอร์จากค่ายไนกี้ที่มีรายรับจากสปอนเซอร์มากที่สุดอันดับที่ 2 เป็นรองเพียง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนเดียวเท่านั้น ที่คว้ารายได้รวมในปี 2019 ไป 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,300 ล้านบาท) ส่วน เนย์มาร์ ได้จากไนกี้ไปทั้งหมด 95.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,000 ล้านบาท)
1
หากนับถึงปัจจุบันก็เป็นระยะเวลาถึง 15 ปีแล้วที่ ไนกี้ กับ เนย์มาร์ เป็นพันธมิตรกัน และเมื่อเห็นเนย์มาร์ก็ต้องนึกถึงการสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์จากแบรนด์ ไนกี้ เท่านั้น ทว่าหลังจากนี้ทุกอย่างที่เราคุ้นเคยจะต้องเปลี่ยนไปเมื่อ ณ เวลาปัจจุบันเขาไม่ใช่สมบัติของ ไนกี้ อีกต่อไปแล้ว...
จาก ไนกี้ สู่ พูม่า
สัญญาฉบับล่าสุดของ เนย์มาร์ กับ ไนกี้ เกิดขึ้นในปี 2011 โดยมีสัญญาระยะยาวถึง 10 ปี และ ณ เวลานั้น เนย์มาร์ ได้เงินค่าสะบัดน้ำหมึกเกิน 100 ล้านดอลลาร์(ราว 3.2 พันล้านบาท) โดยมีการจ่ายเพิ่มจากการเปิดเผยของสื่ออย่าง มาร์ก้า เช่น ถ้าได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมในการแข่งขันฟุตบอลโลกเขาจะได้เงินเพิ่ม 2 แสนดอลลาร์, คว้าแชมป์โลกกับบราซิลจะได้ 5 หมื่นเหรียญ(ราว 15 ล้านบาท) และคว้ารองแชมป์ได้ 3 หมื่นเหรียญ(ราว 1 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังมีโบนัสยิบย่อยมากมายรวมถึงบัลลงดอร์ ที่จะมีโบนัสถึง 4 ล้านเหรียญ (ราว 125 ล้านบาท ทว่าเขาไม่เคยได้) นั่นเอง
และเมื่อสัญญาหมดลง ว่ากันว่าเขาปฎิเสธการต่อสัญญาจาก ไนกี้ ที่มีจำนวน 105 ล้านเหรียญ(ราว 3,300 ล้านบาท) ไปสดๆร้อนๆ หลังจากเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020 จบลง
จุดนี้เองเป็นจุดที่ทำให้ พูม่า แบรนด์สปอร์ตแวร์จาก เยอรมัน เข้ามาสอบถามและเจรจาความเป็นไปได้ในการดึงตัวเนย์มาร์มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ แน่นอนว่าเรื่องการตลาดนั้นมีผลชัดเจนอยู่แล้ว แต่พวกเขามีโปรเจ็คต์ที่ “ดีที่สุด” เมื่อครั้งอดีตที่กำลังตกรุ่นและถูกพูดถึงน้อยลงทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่ พูม่า ต้องการคือการคืนชีพมันอีกครั้งและไม่มีใครจะเหมาะกับ เนย์มาร์ อีกเเล้ว ณ เวลานี้
1
ภารกิจที่พู่ม่าตั้งเป้าไว้คือการคืนชีพให้กับรองเท้าสตั๊ดรุ่นตำนานของแบรนด์อย่าง “พูม่า คิง” นั่นเอง
รองเท้าสตั๊ดรุ่นพูมา คิง (Puma King) ถือเป็นรองเท้ารุ่นที่เชิดชูแบรนด์นี้มาอย่างยาวนานโดยแท้จริง เพราะตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 1968 มันก็สวมใส่โดยนักเตะระดับโลกอย่าง เปเล่, ดีเอโก้ มาราโดน่า, ยูเซบิโอ และ โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นต้น ถามว่ายุคนั้นจะหาใครดีกว่านี้ก็คงจะไม่มีเเล้ว ดังนั้นจึงพออนุมานได้ว่า พูม่า คิง คือราชาแห่งสตั๊ดสมชื่อรุ่นโดยแท้จริง
อย่างไรก็ตามเมื่อตลาดของรองเท้าฟุตบอลโดนรุกหนักโดย อาดิดาส และ ไนกี้ สองมหาอำนาจใหญ่ หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป รองเท้าสตั๊ดจากสองค่ายยักษ์ถูกปล่อยลงตลาดและทำรายได้ รวมถึงสร้างความนิยมจนกลายเป็นที่จดจำ เช่นรุ่น พรีเดเตอร์ จาก อาดิดาส ที่มี ซีเนดีน ซีดาน และ เดวิด เบ็คแฮม เป็นตัวชูโรง หรือฝั่งไนกี้ ที่ใช้ เมอร์คิวเรียล ผูกกับ R9 และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จนใครเห็นแว้บเดียวก็ต้องร้องอ๋อ
1
ทั้งหมดนี้ทำให้ พูม่า คิง สูญเสียความเป็นราชาไป และนั่นทำให้พวกเขาต้องทุ่มไม่อั้นเพื่อคว้าเนย์มาร์เข้ามาร่วมปลุกผีเดอะ ซีรีส์ ครั้งนี้
แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดว่า เนย์มาร์ รับเงินจากดีลนี้ไปเท่าไหร่และเซ็นสัญญาไปกี่ปี แต่การย้ายค่ายที่ผูกพันมา 15 ปี การันตีได้ว่าข้อเสนอไม่ดีจริง เนย์มาร์ ไม่มีทางเซ็นอยู่แล้ว
1
ซึ่งหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันก่อน เนย์มาร์ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ พูม่า แ ก็เผยให้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแบบคร่าวๆในวีดีโอเปิดตัวของเขาที่ใช้ชื่อว่า "King Is Back" … เรียกได้ว่าตามคาดโดยแท้จริง
"ปีนี้จะเป็นฤดูกาลที่แตกต่างออกไปจากที่ผมเคยสร้างมา ผมกำลังจะพบกับความท้าทายใหม่ด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผมเติบโตมากับการดู เปเล่, ครัฟฟ์, มัทเธอุส, ยูเซบิโอ และ มาราโดน่า ลงเล่น พวกเขาคือ ‘คิง’ ของวงการฟุตบอลรวมถึงสำหรับผมด้วย ผมคิดว่าผมมีบางอย่างเหมือนกับพวกเขานั่นคือการมีความรักในเกมฟุตบอลละมีความรักเป็นแรงผลักดัน"
1
"ความท้าทายใหม่ของผมคือการนำมรดกของตำนานเหล่านี้กลับมาคืนชีพอีกครั้งและจารึกมันใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อผมเริ่มฤดูกาลใหม่ผมพร้อมจะให้ ‘คิง’ ครองสังเวียน ผมจะสานต่อเกียรติประวัติของพูม่า และสัญญาว่า ‘คิง’ จะกลับมาแน่" เนย์มาร์ กล่าวกับ ESPN
จะเกิดขึ้นหรือไม่มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ที่แน่ๆในวัย 28 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงอายุที่ใครต่อใครก็บอกกันว่าเป็นช่วงพีกที่สุดของอาชีพนักฟุตบอล และสำหรับ เนย์มาร์ ครั้งนี้คือบทพิสูจน์สำคัญของเขาเนื่องจากเขาจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หมายเลข 1 ของพูม่าในสายฟุตบอล(ก่อนหน้าดีดังสุดคือ เซร์คิโอ อเกวโร่ และ อองตวน กรีซมันน์) หน้าที่ของเขาคือทำให้รองเท้าพูม่ากลับมาเป็นที่จดจำของคอบอลให้ได้เหมือนกับที่ คนจำ ไนกี้ กับ โรนัลโด้ หรือ คนจำ เมสซี่ กับ อาดิดาส นั่นเอง
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในขณะที่ เนย์มาร์ กำลังก้าวเข้าสู่จุดพีค โรนัลโด้ ก็เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพในวัย 35 ปี ขณะที่ เมสซี่ ก็โรยราลงทุกวัน ไม่แน่ พูม่า อาจจะได้ค่าตอบแทนจากการเสี่ยงครั้งใหญ่ในแบบที่สุดแสนจะคุ้มค่าก็เป็นได้
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา