15 ก.ย. 2020 เวลา 14:38 • ธุรกิจ
CPF แนวโน้มเป็นยังไง ?
หลังตัดสินใจเข้าซื้อกิจการหมูในจีน
สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกเพจ หุ้นพอร์ทระเบิด ทุกท่าน เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะรู้จักหุ้น CPF กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ในที่สุดทางบริษัทก็ได้มีการ “เคลื่อนไหว” กันอีกครั้งหลังจากที่เงียบๆกันมาสักพัก
เพราะล่าสุด CPF หรือบมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ก็ได้มีการประกาศออกมาว่าพวกเขาได้ทำการ “เข้าซื้อกิจการหมูในประเทศจีน”
แต่ถ้าใครยังไม่รู้จักล่ะก็ CPF ก็คือผู้ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์, เลี้ยงสัตว์ จนมาถึงการแปรรูปเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อทำอาหารสำเร็จรูป
CPF มีฐานการผลิตอยู่ทั้งหมด 17 ประเทศ มีฐานหลักอยู่ที่เอเชียและยุโรป, อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจของ CPF จะมาจากต่างประเทศที่ 67% ภายในประเทศ 27% และในส่วนของการส่งออกอีก 6%
💰 งบการเงินของ CPF
ปี 60 รายได้ 523,179 ล้านบาท
กำไร 15,259 ล้านบาท
ปี 61 รายได้ 567,820 ล้านบาท
กำไร 15,531 ล้านบาท
ปี 62 รายได้ 553,768 ล้านบาท
กำไร 18,455 ล้านบาท
(ล่าสุด)ครึ่งปีแรก 2563
รายได้ 290,015 ล้านบาท
กำไร 12,139 ล้านบาท
ซึ่ง CPF ก็จะถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่ผลประกอบการมีการเติบโตได้อย่างน่าสนใจในช่วงที่ Covid-19 แพร่ระบาด แต่รายได้จากการขายของ CPF ในไตรมาส 2 กลับมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% โดยรายได้จากการขายในต่างประเทศจะถือว่าเติบโตขึ้นมาถึง 18% จากสาเหตุของโรคระบาด ASF ในเอเชียที่ทำให้หมูมีจำนวนลดลงและมีราคาสูงขึ้น
จึงไม่น่าแปลกใจที่กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของ CPF จะประกาศออกมาที่ 6,028 ล้านบาทหรือเติบโตขึ้นมาถึง 47% ในขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 143,085 ล้านบา คิดเป็นการเพิ่มขึ้นมา 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ถึงแม้กำไรในปีนี้จะแข็งแกร่งสุดๆ แต่เราก็จะเห็นว่าทาง CPF ไม่ได้หยุดที่จะพัฒนาเลย เพราะล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้ประกาศว่าจะทุ่มเงินเป็นจำนวนกว่า 1.3 แสนล้านบาทเพื่อเข้าซื้อธุรกิจหมูในประเทศจีน
โดยรายละเอียดในครั้งนี้ CPF ก็จะทำการลงทุนผ่าน CTI(Chia Tai Investment) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงแต่มีหน้าที่ดูแลธุรกิจหมูและอาหารในประเทศจีน เพื่อทำการเข้าซื้อธุรกิจที่เกี่ยวกับหมูในจีนกว่า 43 บริษัท
ถ้าหากจะถามว่า CPF ทำแบบนี้ไปทำไมแล้วล่ะก็ คำตอบง่ายๆก็คือว่า CPF ต้องการซื้อกิจการหมูเพิ่มเติมในจีนเพื่อนำมาเสริมรากฐานและควบรวมเข้ากับบริษัท ซึ่งถ้าสำเร็จจะส่งผลให้ CPF กลายเป็น 1 ใน 5 บริษัทสุกรชั้นนำในประเทศจีน ประเทศที่มีตลาดหมูใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่านับ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯและอัตราการเติบโตเฉลี่ยในรอบ 10 ปีที่ 8.3%
แต่การเข้าซื้อในครั้งนี้จะมีข้อดีอย่างนึงก็คือว่าจะ “ไม่กระทบกับผู้ถือหุ้น CPF” เพราะทางบริษัทจะทำการออกหุ้นใหม่ให้กับ 43 บริษัทหมูเหล่านั้นแทน หรือเราจะเข้าใจง่ายๆว่าดีลนี้ทาง CPF กับบริษัทสุกรในจีนจะทำการ “แชร์หุ้น” กันเพื่อรวมทัพและจัดโครงสร้างใหม่เพื่อความแข็งแกร่ง
โดยหลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้น CTI(บริษัทย่อยของ CPF) ก็จะมีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงมาจาก 100% เหลือ 35% แต่จะเป็น 35% ในสเกลที่ใหญ่ขึ้นมากเพราะมีการควบรวมเอาธุรกิจหมูเข้ามาด้วย ซึ่งก็จะทำให้โครงสร้างธุรกิจไปเหมือนกับที่เวียดนาม
ส่งผลให้จากนี้ถ้าหากว่าราคาหมูในจีนมีการขยับขึ้นหรือลง ทาง CPF ก็จะได้รับผลบวกและผลลบตามไปกับราคาหมูเหมือนกับที่เวียดนามนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นดีลที่ตลาดมองว่าส่งผลบวกกับ CPF แถมยัง “ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม” อีกด้วย
โดยถ้าหากทุกอย่างเสร็จสิ้นไปไม่ติดขัดอะไรแล้ว ทางโบรกเกอร์ต่างๆก็คาดกันว่าดีลนี้จะส่งผลให้แนวโน้มกำไรในปีหน้าหรือพ.ศ. 2564 ของ CPF ก็อาจจะปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 25% จากปีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับราคาหมูในประเทศจีนด้วยว่าจะเป็นยังไง
สำหรับใครที่ติดตามข่าวนี้อยู่ก็ต้องไปรออัพเดทกันต่อเพราะ CPF จะทำการขอรับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 ตุลาคม 63 หรือเดือนหน้า
และในวันนี้พวกเรา หุ้นพอร์ทระเบิด ก็คงจะมีข่าวคราวและข้อมูลดีๆมาอัพเดทไว้เพียงเท่านี้ ขอตัวลากันไปก่อนเลยแล้วกันนะครับ
แล้วอย่าลืมมาพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
ติดตามบทความดีๆของพวกเราได้ทาง WEBSITE
หรือ BLOCKDIT
และช่องทางใหม่ YouTube ‼️
- - - -
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดพอร์ท หุ้น TFEX SBL BLOCKTRADE กับโบรคเกอร์ KTBST
ค่าธรรมเนียมเรทพิเศษ
พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
- ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ
- โปรแกรม EFIN//ASPEN
- โปรแกรม SUPPORT อื่นๆเช่น MT4//MODEL TRADE//KTBST SMART และอื่นอีกมากมาย
กรอกรายละเอียดได้เลย 👇
โฆษณา