15 ก.ย. 2020 เวลา 14:45 • กีฬา
เมื่อสัตว์ล่าเนื้อ กำลังออกล่าเหยื่อ
นัดแรกของฤดูกาล บอกอะไรได้บ้าง.. .
Cr. Google.com
ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับพรีเมียร์ลีก นัดแรกของฤดูกาล 2020-2021 ซึ่งเผดียงแข้งกันไปแล้ว 8 คู่ 16 ทีม ยังเหลืออีก 4 ทีม ซึ่งก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แอสตัน วิลล่า และเบิร์นลีย์ ที่ยังไม่ได้ประเดิมนัดแรกกะชาวบ้านเขา
ก็พอจะเห็นภาพรวมๆนะครับว่า หลายทีมยังไม่เข้าที่เข้าทาง อันเนื่องด้วยการดูดแข้งใหม่เข้ามาสู่ทีม ทำให้การปรับจูนกับเพื่อนร่วมทีมใหม่นั้น มันยังขาดๆเกินๆนัก
อีกประการหนึ่งคือการเตรียมทีมที่มีเวลาน้อยมาก เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 อย่างที่หลายๆท่านทราบกัน ตารางแข่งขันเมื่อฤดูกาลก่อนจึงเลื่อนและเคลื่อนไป และเพื่อไม่ให้โปรแกรมจัดการแข่งขัน ไม่ว่าบอลลีกและบอลถ้วยภายในประเทศ รวมถึงฟุตบอลสโมสรยุโรปมันบูดเบี้ยวมากไปกว่านี้ ก็เลยต้องเร่งให้เปิดฤดูกาลใหม่ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน ซึ่งนับว่าเป็นเวลาที่น้อยมากในการเตรียมทีม ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หาจุดบกพร่อง และแก้ไขส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมรับมือกับฤดูกาลใหม่อย่างที่เคยทำกันมาเป็นประจำทุกปี
เอาล่ะครับ พล่ามกันมาซะยืดยาว ทีนี้เรามาดูกันว่าวันนี้มีประเด็นอะไรให้ต้องพูดถึงกันบ้าง
ประเด็นที่หนึ่ง) ชนะในเกมนอกบ้าน - ไม่ว่าทีมไหนก็ตามแต่ จะเป็นทีมยักษ์ใหญ่ หรือทีมเล็กๆที่เพิ่งเลื่อนขึ้นชั้นมา เกมแรกนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เหมือนเป็นการเอาฤกษ์ เอาชัย นัดแรกของฤดูกาลเชื่อว่าทุกทีมจะต้องมุ่งมั่นเป็นพิเศษ เพื่อเรียกขวัญ กำลังใจ และความฮึกเหิมให้กับทีม ชัยชนะของสัตว์ล่าเนื้อทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกสยาม-เลสเตอร์ ซิตี้ หมาป่าแห่งมิดแลนด์-วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส และสิงโตน้ำเงินคราม-เชลซี ซึ่งทั้งสามล้วนมีชัยเหนือคู่แข่งในแมทช์ประเดิมเกมลีก ซึ่งลงเล่นในฐานะทีมเยือนทั้งสิ้น
อันนี้สำคัญนะครับ ถึงจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยไม่น่าเกลียด ก็ต้องเสมอไว้ก่อน เพราะเป็นเกมนอกบ้าน อย่างน้อยมีแต้มติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ใจมันก็ไม่เสีย แต่นี่เป็นสามแต้มนอกบ้าน ซึ่งมันจะช่วยทำให้นัดต่อไปฮึกเหิม มั่นใจเป็นเท่าทวีคูณ
ประเด็นที่สอง) นักเตะผู้เข้ามาใหม่ - เกมแรกของซีซั่น การประเดิมสนามอย่างเป็นทางการของนักเตะที่ถูกดึงเข้ามา ย่อมบอกอะไรเป็นนัยๆได้พอสมควร ว่าจะไปกันรอดมั้ยกับทีมใหม่ ทั้งระบบการเล่นและเพื่อนร่วมทีม รวมถึงการปรับตัวให้เข้ากับลีกใหม่สำหรับแข้งที่ย้ายมาจากลีกอื่น เท่าที่ได้ดูไฮไลท์การแข่งขันของทั้ง 3 ทีมที่กล่าวมา ผมจะมาชำแหละให้ฟังคร่าวๆดังนี้ครับ
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 0 - 3 เลสเตอร์ ซิตี้
Cr. Google.com
เอาแต่เฉพาะฟอร์มการเล่นอย่างเดียว เลสเตอร์เล่นได้อย่างโฉบเฉี่ยวไฉไล โดยเฉพาะเกมริมเส้นด้านซ้ายที่ได้รับการทดแทนการจากไปของ เบน ชิลเวลล์ โดย ทิโมธี คาสตานเญ่ แบ็คซ้ายป้ายแดงที่ถูกดึงตัวมาจากอตาลันต้า ซึ่งเกมนี้ เจ้าตัวก็เป็นคนโหม่งตุงแรก 0 - 1 ให้ทีมขึ้นนำในนาทีที่ 64 ปลดล็อคคลายความกดดันได้สำเร็จ ก่อนที่เลสเตอร์จะดาหน้าถลุงคู่แข่งเละเทะ อย่างกะเล่นที่บ้านตัวเอง นับว่าแบ็คซ้ายนายนี้สอบผ่าน เพราะเล่นได้ไม่ติดขัด กลมกลืนไปกับทีมทั้งเกมรุกและเกมรับ ในส่วนตำแหน่งอื่นๆนั้น ผมมองว่าการที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่มากนัก มีก็แค่ คาสตานเญ่เพียงรายเดียว นอกนั้นก็หน้าเดิมๆ ที่เล่นกันอย่างเข้าขารู้ใจดีอยู่แล้ว ประกอบกับผู้จัดการทีมอย่างแบรนดอน ร็อดเจอร์ส ที่ฝีมืออยู่ในระดับแถวหน้าของวงการตอนนี้ ฟอร์มดุแบบนี้ สงสารเวสต์บรอมจริงๆ ป่านนี้ขวัญกระเจิงเข้าป่าไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0 - 2 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
Cr. Google.com
เล่นได้คงคุณภาพเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยแข้งฝอยทองดาวรุ่งหน้าใหม่สองพระหน่อ ซึ่งนัดนี้ได้ลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 86 เพียงรายเดียวอย่าง วิตินญ่า ซึ่งก็ไม่ได้เห็นอะไรเป็นรูปธรรมมากมายนัก ส่วนอีกหนึ่งนายอย่าง ฟาบิโอ ซิลวา แข้งวัย 18 ก็ได้แต่นั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนาม เห็นที่พอจะเป็นรูปเป็นร่าง เป็นจริงเป็นจังบ้างก็ แฟร์นานโด มาร์ซาล แนวรับบราซิเลี่ยนที่เลื้อยตูดมาจากลียง ได้ลงประจำการทางฝั่งซ้าย แต่ก็ไม่ได้เด่นอะไรมากและก็ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ ส่วนใหญ่พระเอกของเกมนี้จะเป็น ราอูล ฮิมิเนซตามเคย ที่ดูจะวูบวาบและรักษาระดับฟอร์มการเล่นเอาไว้อย่างคงเส้นคงวา ก็คล้ายกับเลสเตอร์นั่นแหละครับ คือเปลี่ยนแปลงอะไรไม่มากเท่าไหร่ แกนหลักชุดเดิม เพิ่มเติมคือประสบการณ์ และความเข้าขารู้ใจกันภายในทีมมากขึ้น บอกเลยครับว่าวูล์ฟตอนนี้นี่น่ากลัวกว่าวูล์ฟเมื่อซีซั่นที่แล้วเสียอีก
ไบรท์ตัน 1 - 3 เชลซี
Cr. Google
เกมนี้ไบรท์ตันทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดในครึ่งแรก บุกเข้าทำมากกว่า ครองบอลได้มากกว่า ผิดกับเชลซีที่เล่นกันอย่างสะเปะสะปะ ไม่เป็นทรง มีแต่โต้กลับโดยอาศัยความเร็วของ ติโม แวร์เนอร์ เป็นหลัก เพราะแนวรุกทำเกมกันไม่ได้ จ่ายบอลขาดๆเกินๆ โชคดีที่มาได้จุดโทษเร็วในครึ่งแรก พอครึ่งหลังก็โดนโหมบุกจนโงหัวไม่ขึ้น และถูกตามตีเสมอจนได้ แม้จะยิงแซงอีกสองลูกจนชนะในที่สุด แต่รูปเกมล้มเหลวโดยสิ้นเชิง อาศัยแค่ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นเท่านั้นในการเอาตัวรอด
แต่ที่น่าผิดหวังที่สุดคือ ไค ฮาแวร์ตซ์ แนวรุกตัวใหม่จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ที่นัดนี้ลงประจำการริมเส้นฝั่งซ้าย ไม่ได้แสดงพิษสงอะไรให้ไบรท์ตันหวั่นเกรงสักนิด ดูเหยาะๆแหยะๆ เงอะๆเงื่อนๆ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยตลอดเกม แต่ก็อย่างที่บอก มันเพิ่งนัดแรกของฤดูกาล ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น ได้แต่หวังว่า ฮาร์แวร์ตซ์ จะปรับตัว และรีดศักยภาพที่เคยมีเหมือนตอนอยู่ห้างขายยาโดยเร็วที่สุด เพื่อตอบแทนเสี่ยหมีที่ทุ่มซื้อเขามาถึง 70 ล้านปอนด์
จะเห็นว่า ในจำนวนสามทีมที่กล่าวถึงมานี้ ดูจะมีที่สอบตกในเกมแรกแค่เชลซีเท่านั้น ที่ถึงจะชนะ แต่ก็เป็นเพราะมีโชคเล็กน้อย และความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่ารูปแบบเกมนั้น แลมพาร์ด ยังต้องทำการบ้านอีกมาก แต่ในเมื่อได้สามแต้มแรกมานอนกอดให้อุ่นใจแล้ว ก็พาโล่งไปเปราะหนึ่ง ยังพอมีเวลาปรับจูน แก้ไขจุดบกพร่องกันอีกหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่แมทช์หน้าจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ที่จะยกพลมาต่อกรด้วยในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน ที่จะถึงนี้
แต่สัญชาตญาณของสัตว์ล่าเนื้อ บาดแผลในการรบทัพจับศึกครั้งก่อนๆ ย่อมเป็นบทเรียนให้พึงเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆให้ต้องเจ็บตัวซ้ำ เพลี่ยงพล้ำอีก และจะหายุทธวิธีใหม่ๆในการพิฆาตเหยื่อให้ตายโดยเร็วที่สุด เสียเหงื่อและออกแรงน้อยที่สุด เพื่อจะได้มีชีวิตในการออกล่าเหยื่อรายต่อไป.. .
โฆษณา