16 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #สองปลิงผู้มาปล้นหงส์ ]
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้เดอะ ค็อปผิดหวังหรือเสียใจมาสุดคงเป็นการขาย เฟร์นานโด ตอร์เรส ไปยังเชลซีช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2011
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แม้จะรู้ดีว่าเชลซีกำลังตามล่าแข้งคนสำคัญของทีมมาตลอดก็ตาม อยางน้อยก็น่ายื้อไปถึงซัมเมอร์
เพราะ 27 มกราคม 2011 เชลซียื่นเงินค่าตัวมาให้ 40 ล้านปอนด์ ลิเวอร์พูลยังปฏิเสธทันควันชนิดไม่ต้องคิดอะไรให้มากเรื่อง
ในขณะที่ ตอร์เรส เองปรารถนาที่จะย้ายเช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าไม่พอใจแนวทางการบริหารของสโมสร ขาดความกระหายที่จะประสบความสำเร็จ แต่ทางลิเวอร์พูลก็ไม่ยอมง่ายๆ
อีก 4 วันถัดมาหรือ 31 มกราคมดีลฟ้าผ่าช็อกเดอะ ค็อปก็เกิดขึ้น เมื่อบอร์ดหงส์แดงรับข้อเสนอเชลซี ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าสูงถึง 50 ล้านปอนด์ แลกกับการขาย ตอร์เรส ให้
นี่คือค่าตัวเป็นสถิติเกาะอังกฤษในเวลานั้นก็จริง แต่ไม่มีแฟนบอลลิเวอร์พูลคนไหนแฮปปี้เลย ตรงกันข้ามยิ่งสะท้อนถึงความตกต่ำต้องขายนักเตะกิน แถไปว่าต้องการย้ายเอง ก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี
ตอนนั้นเดอะ ค็อปเริ่มใจแป้วแล้ว ทีแรกคิดว่าสโมสรไม่ขายเพราะต้องการเก็บไว้เพื่อไล่ล่าความสำเร็จ ที่ไหนได้กลับเป็นการดึงเวลาเพื่อโก่งราคาให้สูงที่สุดต่างหาก
กลิ่นเริ่มโชยออกมาว่า จอร์จ ยิลเล็ตต์ กับ ทอม ฮิคส์ สองเจ้าของสโมสรชาวอเมริกันเป็นหนี้ธนาคารซึ่งกู้มาก้อนใหญ่และอาจแบกรับไม่ไหว
บางคนเข้าใจดีกับการตัดสินใจของ ตอร์เรส ยังก็ต้องเลือกอนาคตที่ดีให้กับตัวเองไว้ก่อน ลิเวอร์พูลไม่มีความมั่นคงทางการเงินอีกต่อไป
เรื่องนี้อดีตหัวหอกทีมชาติสเปน เพิ่งเปิดใจกับ talkSPORT สื่อออนไลน์ไว้ เบื้องหลังการย้ายครั้งนั้นมีสาเหตุจากอะไร
"ผมมีความสุขมากตอนอยู่กับลิเวอร์พูล เรื่องนี้ใครก็รู้ดี แต่หากยังจำกันได้ สโมสรคิดแต่เรื่องขายผู้เล่นออกไป ไม่มีความมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จเลย"
"นักเตะที่ดีสุดของเราทั้ง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาบี อลอนโซ หรือแม้กระทั่ง ราฟา เบนิเตซ ผู้จัดการทีมก็ต้องจากไป"
"พวกเขาอ้างว่าต้องการเปิดโอกาสให้แข้งจากอะคาเดมี่ ขอเวลา 5 , 6 หรือ 7 ปี เพื่อกลับมายิ่งใหญ่ แต่ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก"
"ผมย้ายจากแอตเลติโก มาดริดมาก็เพื่อต้องการแชมป์ โชคร้ายอย่างมากผู้บริหารลิเวอร์พูล โกหกมากมายหลายครั้ง"
"สุดท้ายผมก็ต้องมองหาทางให้กับตัวเองและเชื่อว่าเชลซีจะเป็นคำตอบนำไปสู่เป้าหมายคือความสำเร็จได้"
แม้ผลงานกับเชลซีจะไม่เปรี้ยงอย่างที่คาดกันไว้ แต่ภาพรวมแล้ว ตอร์เรส พอใจที่คว้าเกียรติยศพอสมควร โดยเฉพาะการได้ครองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ต้องการมากสุด
อย่างที่บอกไว้เดอะ ค็อปไม่ได้โกรธแค้นอะไร ตอร์เรส นักในเมื่อต้นตอมาจาก ยิลเล็ตต์ และ ฮิคส์ สองปลิงอเมริกันที่หวังมากอบโกยเพียงอย่างเดียว
เส้นทางการเข้ามาเทคโอเวอร์ของพาร์ทเนอร์คู่นี้ในปี 2007 ถือว่าน่าสนใจมากๆ จากที่เคยคิดกันว่าจะต้องนำความยิ่งใหญ่กลับคืนอีกครั้ง กลายเป็นเกือบหายนะแทน
ทั้งที่เหตุผลนั้นมาจากความตั้งใจมากกว่าเงินทองอย่างแท้จริง
เดวิด มัวร์ส ประธานลิเวอร์พูลวางแผนที่จะปล่อยทีมให้กับพวกนายทุนมาดูแลกิจการตั้งแต่ปี 2003 แล้ว
ด้วยความที่เข้าใจสถานการณ์ต่างๆดี ในวันที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ลิเวอร์พูลก็ยิ่งขยับห่างไกลความสำเร็จ โดยเฉพาะในลีกนี่แทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่เคยผูกขาดมาช่วงทศวรรษ 70-80
เข้าใจไม่ยากหรอกว่าจำนวนเงินกองคลังในกระเป๋าตระกูลมัวร์ส เทียบไม่ได้เลยกับพวกนายทุนสโมสรอื่น ยิ่งในปี 2004 โรมัน อบราโมวิช เข้ามาฮุบเชลซีแล้วหว่านฟ่อนเงินซื้อผู้เล่นชั้นนำมากมาย ก็ยิ่งต้องรีบจัดการ
ด้วยความที่ตระกูลมัวร์สผูกพันกับลิเวอร์พูลมากๆ เพราะถือหุ้นใหญ่มายาวนานร่วม 50 ปี ส่งต่อเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่นไม่ยอมปล่อยหลุดไปให้คนอื่นเข้ามามีอำนาจ
แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องยอมรับความจริง มัวร์ส เดินหน้าเจรจาหานักธุรกิจหรือเศรษฐีที่เหมาะสมมาเทคโอเวอร์
อย่างในปี 2004 มีชื่อของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ตอนนั้นข่าวโยงกันหนักมากๆ มีโอกาสจะได้สูง แต่กลับถูกปฏิเสธ ด้วยเหตุผลไม่มีประสบการณ์บริหารทีมกีฬา
สุดท้ายเลยเดินทางไปสหรัฐฯ เพราะรู้มาว่าที่นั่นมีพวกนักธุรกิจใหญ่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเอ็นบีเอ เอ็นเอฟแอลหรือเอ็นเอชแอล ล้วนแต่น่าสนใจทั้งสิ้น ซึ่งเชื่อว่าฟุตบอลก็น่าจะอยู่ในโหมดเดียวกัน
ตอนนั้นมีไปเจรจากับเจ้าของทีมนิวอิงแลนด์ เเพเทรียตส์ ที่ชื่อว่า โรเบิร์ต คราฟท์ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไรนัก
ส่วน จอร์จ ยิลเล็ตต์ เจ้าของสโมสรมอนทรีอัล แคเนเดียนส์ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งในลีกหรือเอ็นเอชแอล ก็แสดงท่าทีสนใจแต่เงินสำหรับการเข้ามาฮุบกิจการไม่เพียงพอ ดีลเลยต้องพับไว้ก่อน
อีกพักใหญ่ต่อมาหรือในปี 2006 เดอะ ค็อปก็เริ่มเนื้อเต้นกัน เมื่อมีข่าวว่า กลุ่มทุนดูไบ อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอลหรือดีแอลเซ ที่มีชีคอัล มัคตูม ราชวงศ์ผู้ปกครองดูไบ พร้อมเปิดโต๊ะเจรจา
แต่ มัวร์ส พิถีพิถันในการเลือกคนที่มาดูแลใหม่ หากเปรียบไปแล้วสโมสรลิเวอร์พูลไม่ต่างจากลูกในไส้ ต้องหาพ่อแม่ใหม่ต้องดูแลฟูมฟักอย่างมารับทอดต่อ
เขาเชื่อว่าพวกเศรษฐีจากตะวันออกกลางมีเงินมหาศาลก็จริง แต่จะมุ่งมั่นมากแค่ไหน หวั่นใจว่าจะเห็นเป็นเพียงของเล่นสนุกสนานตามสมัยนิยม
หากวันหนึ่งเบื่อเมื่อไรก็ตีจากไป แล้วทีนี้จะทำอย่างไร แฟนบอลไม่เจ็บปวดช้ำใจกันหมดหรือ?
เพราะคำนึงถึงเดอะ ค็อปเป็นหลัก ทำให้ มัวร์ส ไม่ยอมขายลิเวอร์พูลให้กับทางดูไบ จนทางนั้นหัวเสีย เพราะคิดว่ายื่นข้อเสนอที่งดงามมาแล้ว
กระทั่ง ยิลเล็ตต์ ที่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไปร่วมมือกับ ทอม ฮิคส์ นักลงทุนเอกชนที่ช่วยกันระดมทุนจนหาเงินก้อน 174 ล้านปอนด์มาเทคโอเวอร์ลิเวอร์พูลได้สำเร็จในเดือนมกราคม 2007
ก่อน มัวร์ส จะยอมนั้นได้มีการคุยรายละเอียดและแผนการในอนาคตไว้เรียบร้อย สองเจ้าของใหม่รับปากคำมั่นเหมาะทุกอย่างว่าจะปรับโครงสร้างการบริหารให้เป็นมืออาชีพ ทำธุรกิจควบคู่ไปกับเอนเตอร์เทนแฟนบอล
โปรเจคต์สนามใหม่หรือนิวแอนฟิลด์ ถูกวาดขึ้นมาในจินตนาการ มันคงจะยอดเยี่ยมมากๆและเดอะ ค็อปทั้งหลายย่อมมีความสุข
มัวร์ส เน้นย้ำมาตลอดเลยว่าให้นึกถึงแฟนบอลเป็นอันดับแรก เพราะนี่คือฐานที่มั่นสำคัญผลักดันสโมสรประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอดีต
อย่างไรก็ตามความฝันที่จะเห็นลิเวอร์พูลผงาดอีกครั้งก็พังครืนไม่เป็นท่า เพราะทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย อีกทั้งไม่พยายามทำความเข้าใจวัฒนธรรมของอังกฤษเลยสักนิด
พวกเขามองข้ามหัวแฟนบอลอยู่เสมอ นึกทำอะไรก็ยึดตามอำเภอใจ อย่างเช่นเคยพยายามจะดึง เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ซึ่งเคยเป็นกุนซือทีมชาติสหรัฐฯมาแทน ราฟา เบนิเตซ ทำให้เกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น
ประเด็นสำคัญคือเขี้ยวลากดินมากๆ ไม่เคยคิดจะควักทุนส่วนตัวมาพัฒนาสโมสรและดิ้นรนหาทางออกด้วยการกู้ธนาคารมากกว่า 300 ล้านปอนด์
หายนะกำลังมาเยือนอย่างแท้จริง เพราะนักเตะคนสำคัญค่อยๆทยอยออกไป จากนั้นก็ถึงคิว เฟร์นานโด ตอร์เรส
หากไม่ใช่เป็นลูกหม้อและเทิดทูนสโมสรมากกว่าสิ่งไหน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็คงเปิดหมวกลาเช่นเดียวกัน
ยังดีที่ลิเวอร์พูลฟื้นกลับมาได้ หลังจากจมปลักอยู่นาน ไว้มีโอกาสจะมาเล่าปูมหลังต่อเนื่องจากเรื่องเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลตอนต่อไป
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #17ปีที่เชลซีไม่เคยเปลี่ยน ] : บิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์เชลซี พร้อมกับความเกรียวกราวด้วยงบประมาณซื้อผู้เล่นมหาศาลหลายคนคิดว่า "เสี่ยหมี" มาไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเบื่อก็ล่าถอยกลับไปเอง แต่เอาเข้าจริงทุกวันนี้แพสชั่นยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยและซีซั่นนี้เชลซีมาเขย่าอีกครั้งด้วยเงินฟ่อนใหญ่ สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจโลกอีกต่างหาก
[ #ปกครองลูกน้องแบบไหน ? ] : ดูจากภายนอก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา น่าจะมีบุคลิกนิสัยเป็นคนใจดี มีเมตตา ยิ่งได้เป็นหัวหน้าที่ตกปกครองลูกน้องด้วยแล้ว จะไหวหรือเปล่า? ร่องรอยความสงสัยปรากฏขึ้นมาตามลำดับ เมื่อมีผู้เล่นอย่างน้อยถึง 3 คนก่อเรื่องฉาวจนกระทบกระเทือนกันไปหมด บางทีนี่น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ โซลชา ที่จะได้พิสูจน์ฝีมือการเป็นผู้จัดการทีม หากซีซั่นนี้ไม่ตามเป้า บอกได้เลยว่าตัวใครตัวมัน
[ #มือใหม่ผู้มากอบกู้ปืนใหญ่ ] : นับตั้งแต่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามารับงานผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลเมื่อปลายปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงค่อยๆเกิดขึ้นมาที่ละก้าว กระทั่งนำมาซึ่งความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแต่น่าสนใจมากๆตรงที่ กุนซือสแปนิชมีวิธีการรีดเค้นประสิทธิภาพนักเตะหลายต่อหลายคนที่เหมือนจะหมดอนาคตไปแล้ว ให้มีฟอร์มยอดเยี่ยมน่าทึ่งนี่คือผลงานของกุนซือวัยเพียงแค่ 38 ปีที่เป็นมือใหม่แต่เต็มไปด้วยความไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
[ #เงียบเกินไปก็ไม่ดี ] : ต้องยอมรับว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังเผชิญหน้ากับความกดดันไม่ใช่น้อยกับบทสัมภาษณ์เที่ยวล่าสุดเรื่องการซื้อผู้เล่นตลาดหน้าร้อนนี้ เงียบกริบแทบจะไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ได้แบ็กซ้ายมาคนเดียวก็เป็นแค่แบ็กอัพเท่านั้นแฟนบอลพยายามทำความเข้าใจกับแนวทางการบริหารทีม แต่บางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
โฆษณา