16 ก.ย. 2020 เวลา 16:50 • นิยาย เรื่องสั้น
"สีบุนเฮือง" หนุ่มจากเมืองลาว
ผู้จัดการร้านอาหารไทยในถนนข้าวสาร
และเรื่องราวความรักของเขากับสาวคหกรรม
...เรื่องจริงไม่ใช่นิยาย...
เรื่องเล่าเม้าท์ในครัว...
...ถึงคุณผู้อ่านที่รัก...
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่่า "เอมมี่" ฉันกับเอมมี่อยู่หอพักเดียวกัน
แต่คนละห้อง เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนคหกรรม ปี 1ถึง ปี 4 เอมมี่เป็นสาวหวาน เรียบร้อย น่ารัก ตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน ฉันไม่เคยเห็นว่าเธอจะคบใครเป็นแฟนเลยสักครั้ง ส่วนฉันนั้นก็มีคบหากับใครบ้างตามประสาวัยรุ่น
(ไม่่ค่อยอยากจะเอ่ยถึงอดีตตอนนี้สักเท่าไหร่)
เอาเป็นว่าเอมมี่นั้นรักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียนอย่างเดียว
จนนน..กระทั่งวันหนึ่ง
หลังจากเรียนจบได้ไม่กี่วัน
แต่เราทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ที่หอพักเดิม
อยู่ๆเอมมี่ได้เดินมาบอกกับฉันว่่า...
"มดดี้ เราจะแต่งงานแล้วนะ"
"ห๊ะ !
อะไร ? ยังไง? เมื่อไหร่?"
(ฉันถามเอมมี่ด้วยความประหลาดใจ)
เอมมี่เล่าให้ฟังว่า เธอพบรักกับเขาคนนั้น
ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในถนนข้าวสาร
ตอนที่เธอไปทำงานเป็นกุ๊กพาร์ทไทม์ที่นั่น
ส่วนเขาก็เป็นผู้จัดการร้านอาหาร
เรื่องราวความรักของทั้งสอง
จึงเกิดขึ้น ที่ห้องครัว ณ บัดนาว
"เอมมี่...เธอยังใช้ความสาวและความโสดไม่คุ้มเลยนะ ออกไปท่องโลกกับฉันก่อนนนน..."
(ความคิดในตอนนั้น ที่เพื่อนสนิทของฉัน
จะไม่สามารถตะลอนไปไหนมาไหนด้วยกัน
ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว)
ฉันกับเอมมี่ รักษามิตรภาพความเป็นเพื่อน
มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งเอมมี่ได้ให้กำเนิดลูกน้อยกลอยใจ ส่วนฉันหลังจากเรียนจบก็ไปท่องโลกตามล่าหาฝัน ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่
เราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันและนัดเจอกันเมื่อมีโอกาส
เอมมี่ทำงานเป็นเชฟอาหารไทย
ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ส่วนสามีของเธอก็ยังคงทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารที่นั่น
เขาชื่อว่า "สีบุนเฮือง"
ีในตอนค่ำวันหนึ่ง
ฉันได้นัดพบกับเอมมี่ เหมือนทุกๆครั้งที่ฉันมีโอกาสได้แวะพักที่กรุงเทพ เอมมี่บอกกับฉันว่า
สามีของเธอได้เชิญไปรับประทานอาหารที่ร้าน
เขาขอเลี้ยงอาหารเย็นต้อนรับฉัน
ฉันตอบรับคำเชิญด้วยความยินดี
เพราะฉันก็อยากไปเริงร่าราตรี ที่ถนนข้าวสารรำลึกความหลังเหมือนกัน เพราะตอนสมัยเรียน
มหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ที่นั่น ฉันกับเอมมี่ก็ไปเดินเที่ยวแถวนั้นด้วยกันบ่อยๆ
pixabay
...ณ ร้านอาหารไทยที่ถนนข้าวสาร...
สีบุนเฮืองจองโต๊ะโซนด้านนอก ให้เราทั้งสองคนนั่งชมบรรยากาศแสงสีและความมีชีวิตชีวา
ของถนนข้าวสาร เสียงเพลงดังครึกครื้น
ชาวต่างชาติเดินสวนกันขวักไขว่ มีร้านรวงเปิดแผงขายสินค้่าต่างๆมากมาย มันช่างเป็นเสน่ห์ของที่นี่จริงๆ
สักครู่หนึ่ง สามีของเอมมี่ก็เดินออกมาต้อนรับ
ลูกค้าในร้านนี้ล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น
เห็นในร้านจะมีลูกค้าคนไทย ก็แค่ฉันกับเอมมี่เท่านั้น
สีบุญเฮืองบอกกับเราว่า เขาจัดการสั่งอาหารไว้ให้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่สั่งไว้อาจจะต้องรอนาน เพราะลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการอยู่เต็มร้านตลอด และช่วงนี้เป็นเวลาอาหารค่ำที่แขกเริ่มทยอยมารับประทานอาหารกันไม่ขาดสาย
ในขณะที่เขามาพูดคุยด้วย สายตาก็คอยจ้องมอง
บริเวณทางเข้าร้านตลอดเวลา เพราะถ้ามีลูกค้าเดินเข้ามา เขาจะต้องเดินไปต้อนรับ
เมื่อคุยได้ไม่ถึง 5 นาที เขาก็ขอตัวไปทำงานต่อ
ตั้งแต่สีบุนเฮืองแต่งงานกับเอมมี่ ฉันก็ไม่เคยได้ทำความรู้จักกับเขาจริงๆจังๆเลยสักครั้ง
เพราะฉันต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ
ไม่ค่อยได้กลับมาบ่อยๆ
วันนั้น
เป็นวันที่ฉันได้รู้จักกับเขาอย่างเป็นทางการ
เลยก็ว่าได้
ฉันเห็นเขาทำงานขมักเขม้น ทักทายและดูแลลูกค้าชาวต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว
'เขาใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมากเลยล่ะ'
และที่ฉันสนใจที่สุดก็คือ....
การเป็นผู้จัดการร้านอาหารไทยที่ถนนข้าวสาร จะต้องอ่านออก เขียนได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความคิดหนึ่งแว๊บบบเข้ามาในหัว
เอมมี่เคยบอกกับฉันว่า ...
"เขามาจากประเทศลาวนี่นา"
"เอมมี่แฟนเธอเรียนจบจากที่ไหนเหรอ?
ทำไมเค้าเก่งจัง... เป็นผู้จัดการร้าน นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังต้องเขียน อ่านภาษาไทยได้ด้วยหนิ" (ฉันถามเอมมี่ด้วยความสงสัย)
เอมมี่เล่าให้ฟังว่า
เมื่อตอนที่สีบุนเฮืองกำลังจะเรียนจบชั้นม.6
แม่ของเขาก็เสียชีวิต สีบุนเฮืองเสียใจมากจึงได้ออกบวช ในขณะที่บวชเขาก็ได้เรียนหนังสือกับพระอาจารย์ไปด้วย ครั้งนั้นเขามีความคิดว่า
จะบวชตลอดชีวิตไม่สึกออกมาเลย
แต่แล้ววันหนึ่งชะตาชีวิตก็พลิกผัน มีเหตุให้เขาต้องลาสิกขา เมื่อออกมาใช้ชีวิตทางโลก
สีบุนเฮืองก็เลือกที่จะข้ามแม่น้ำโขง หนีความลำบากจากประเทศลาว เพื่อมาสร้างเนื้อสร้างตัว
หางานทำที่ประเทศไทย ตามคำแนะนำของเพื่อนฝูงที่เดินทางมาอยู่ก่อนแล้ว
งานแรกที่เขาทำคือ "ช่างก่อสร้าง"
เพราะการเป็นแรงงานต่างด้าวนั้น ไม่ได้มีีทางให้เลือกมากนัก เมื่อทำไปได้สักพักหนึ่ง สีบุนเฮืองก็รู้สึกว่า เขาอยากจะมีความก้าวหน้ามากกว่่านี้
เลยพยายามศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
"เค้าเรียนวิธีไหนอ่ะเอมมี่
สมัยนั้นยูทูบก็ยังไม่น่าจะมี"
(ฉันถามเอมมี่ เพราะสามีของเธออายุห่างจากพวกเราประมาณสิบปี)
เอมมี่บอกว่า เขาเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากการอ่าน
ดิกชันเนอรี่ทั้งเล่ม จากนั้นก็ประจวบเหมาะ
เขาได้งานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ถนนข้าวสาร
เลยได้ฝึกภาษาอังกฤษจากการพูดคุยกับลูกค้าชาวต่างชาติ ทักษะของเขาจึงพัฒนามาเรื่อยๆ
ส่วนภาษาไทย เขาก็เรียนรู้ด้วยตัวเองจากการหัดเขียนออร์เดอร์ต่่างๆ ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นพนักงานเสิร์ฟ เมื่อมีเวลาว่างเขาก็จะเอาหนังสือพิมพ์
มานั่งอ่าน จนเขาสามารถอ่านออกเขียนได้
ต่อมาเขาก็ได้เป็นผู้จัดการร้านอาหารไทย
อย่างทุกวันนี้
"โอ้โห!" ( ฉันร้องอุทานด้วยความทึ่ง)
พูดคุยกันสักพักอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ
รายการอาหาร
ก็เป็นอาหารยอดฮิตของชาวต่างชาตินั่นแหละ
ต้มยำกุ้งน้ำข้น
ผัดไทย
ปลากระพงทอดน้ำปลา
ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
และข้าวสวย
สำหรับเราสองคน
พนักงานที่มาเสิร์ฟเป็นหนุ่มน้อยหน้าใส
อายุไม่น่าจะเกิน 20 ปี
เอมมี่บอกว่า หนุ่มน้อยคนนี้ชื่อ "คำแพง"
เป็นหลานชายของสีบุนเฮือง มาจากประเทศลาว
ขณะที่ฉันฟังเอมมี่พูด ฉันก็กินอาหารไปด้วย
"อร่อยมาก ใช้ได้เลยนะเอมมี่"
(ฉันบอกเอมมี่)
" แม่ครัวก็เป็นแฟนกับคำแพงไง หลานสามีฉันน่ะ"
(เอมมี่พูด)
"เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า..
พนักงานที่นี่เป็นคนลาวหมดเลยน่ะ"
(ฉันถามด้วยความตื่นเต้น)
"ใช่แล้วจ้า"
(เอมมี่ตอบเสียงดังฟังชัด)
สิ่งที่ฉันได้รับรู้ในวันนั้นอีกอย่างหนึ่งก็คือ
สีบุนเฮืองและพนักงานของเขา มีรายได้จากทิป
ที่ลูกค้าชาวต่างชาติให้ จากการบริการอันยอดเยี่ยมในแต่ละวันมิใช่น้อย พวกเขาสามารถเก็บเงินจากการทำงาน ไปซื้อที่ดินที่ประเทศลาวคราวละหลายไร่
...เมื่อครั้งก่อนที่ไวรัสโควิดจะระบาดหนัก...
ถนนข้าวสารในวันนี้
กิจการใดที่มีลูกค้าเป็นคนไทย
ก็สามารถเปิดให้บริการตามปกติ
ส่วนกิจการใดที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ
ต่างก็ต้องปิดกิจการกันเป็นแถว
"ร้านอาหารไทย
ที่สีบุนเฮืองเป็นผู้จัดการก็ไม่รอด"
แรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่ในถนนข้าวสาร
ต่างก็ดิ้นรนหางานใหม่
ส่วนสีบุนเฮืองกับเอมมี่
พวกเค้าทั้งสองรอวันที่ด่านเปิด
เพื่อจะกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศลาว
และทำธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป
"มดดี้"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา