16 ก.ย. 2020 เวลา 16:58 • กีฬา
20 กันยา ศึกอภิมหึมา มหามันส์ อัฒจันทร์ทะลุ!!!
(คำเตือน : บทความนี้อาจมีคำหยาบคาย ไม่สุภาพ ระคายสายตาท่านผู้อ่านบางท่านที่รับไม่ได้ โปรดใช้วิจารณญานในการเลือกเสพย์ เป็นการเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น)
Cr. www.90min.com
วันนี้จะมาวิเคราะห์-วิจารณ์ในแบบฉบับฮาร์ดคอร์ ที่ว่ากันด้วยท้องเรื่อง "การประลองเพลงแข้งของสองตัวเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ" ไม่พูดพล่ามทำเพลง กวาดสายตาตามมาเลยครับ
ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษนัดที่สองของฤดูกาล 2020-2021 บิ๊กแมทช์เป็นการเซิ้งแข้งกันระหว่าง "สิงโตน้ำเงิน(รูเบิล)คราม" เชลซี เปิดสแตมฟอร์ดบริดจ์ รับการมาเยือนของแชมป์เก่า "หงส์แดงตะแคงฟ้า" ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2563 เวลา 22.30 น. ตามเวลาบ้านเรา มีประเด็นให้ต้องชำแหละ-ชำเราพอสมควร
ผมเชื่อว่าใครที่เป็นนักวิเคราะห์-วิจารณ์ระดับกูรู ป่านนี้คงกระแทกแป้นพิมพ์บรรเลงเรื่องนี้ไปเรียบร้อยก่อนแล้ว แต่ผม.. .จะขอวิเคราะห์ในแบบฉบับความเห็น+ความรู้สึก+แนวเวย์ของผมนะครับ หากผิดพลาดหรือไม่ประการใด คอมเมนต์บอกได้ครับ ยินดีรับฟัง เริ่มที่เชลซีเจ้าบ้านก่อนเลยแล้วกัน
Cr. Google.com
นัดที่แล้วซึ่งเป็นนัดแรกของฤดูกาล สิงห์บลูเดินทางไปตากอากาศแถวชายหาดทะเลตอนใต้ แถบอีสต์ซัสเซก ก่อนจะลงซดแข้งกับเจ้าถิ่น ไบรท์ตัน โฮฟ แอนด์ อัลเบียนในเวลา 02.15 นาฬิกาเวลาไทยแลนด์ ของวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา โดยรูปเกมแล้วเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่ามาก เป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าในช่วง 20 นาทีแรก เดินหน้าไล่บี้อาคันตุกะ อย่างไม่เกรงกลัวว่ามึงจะเงินถุงเงินถัง หรือใหญ่มาจากไหน ที่นี่บ้านกู ถ้าไม่ตายก็ต้องกลับไปแบบเหลือน้อยล่ะ
ว่าแล้วก็เดินเกมบุกใส่เชลซีไม่ลดละ ในขณะที่ผู้มาเยือนก็ตุปั๊ดตุเป๋ เล่นเกมไม่เป็นทรง เดินเกมไม่ได้ เคาะบอล จ่ายบอลกันสะเปะสะปะ ขาดๆเกินๆ ไอ้ตัวที่ไปสอยมาแพงระยับ อย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ หรือผมขอเรียกว่า "ไอ้พี้" นี่ออกอาการเอ๋อเลย ดูยังจับจังหวะเกมแบบพรีเมียร์ลีกไม่ได้ เป็นคนละคนกับตอนอยู่เลเวอร์คูเซน เหยาะแหยะ เหลาะแหละ เหมือนไปแอบเติมมาก่อนเตะ โชคดีที่มาได้จุดโทษในนาทีที่ 23 ก็เลยกุมความได้เปรียบไว้ได้ก่อนในครึ่งแรก
พอครึ่งหลัง เริ่มเกมมาก็เป็นไบรท์ตันที่เดินหน้าโหมกระหน่ำ เพื่อจะเอาคืนให้ได้ มึงเล่นกูไปหนึ่งดอกกูจะเอาคืนเป็นเท่าทวี เกมรุกริมเส้นของเชลซีทั้งสองข้างก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าบ้านได้ โดยเฉพาะ "ไอ้พี้" ยิ่งเล่นยิ่งหมดความมั่นใจ แฟนสิงห์บลูต้องนึกถึง วิลเลียน แน่นอน ในที่สุดก็โดนนกนางนวลที่โผหาผลาโฉบเป็นระยะๆ เอาคืนได้สำเร็จในนาทีที่ 54
แต่อนิจจา กลิ่นตดยังไม่ทันจางหาย แค่ 2 นาทีเท่านั้น รีซ เจมส์ ก็ซัดลูกยิงไกลจากนอกกรอบ พุ่งทะยานเสียบใต้คานอย่างสวยงามส่งให้เชลซีขึ้นนำอีกครั้ง แต่.. . ไบรท์ตันก็ยังไม่ถอดใจ เดินหน้าใส่แบบกูไม่มีอะไรจะเสียแล้วโว้ย!!! ตอนนี้ล่ะ ฝ่ายหนึ่งอยากเอาคืน อีกฝ่ายกำลังได้ใจ อยากจะตอกตะปูปิดฝาโลงให้แม่นมั่น ก็แลกกันน่ะสิครับพี่น้อง จนมาถึงนาทีที่ 66 จากจังหวะเตะมุม เคิร์ท ซูมา ยิงยัดไปแฉลบกองหลังเจ้าถิ่น เป็นประตูไปหน้าตาเฉย หลังจากนั้นมีโอกาสจะจะกันก็ลูกยิงของ ติโม แวร์เนอร์ ที่ยิงไปติดบล็อคกองหลัง กับจังหวะส่องไกลของ คอนนอลลี แต่ว่าไม่ผ่านมือ เกปา อาร์ริซาบาลากา(ชื่อเรียกยากชิบผาย) จบเกม เชลซีอาจเป็นฝ่ายชนะก็จริง แต่ไม่เข้าตากรรมเกินอย่างผม
Cr. Google.com
สังเกตอะไรมั้ยครับ จากที่ผมพล่ามไป จะเห็นว่า เชลซีที่ได้ 2 จาก 3 ประตูนั้นมาจากลูกตั้งเตะ หาใช่เป็นการได้ประตูแบบโอเพ่นเพลย์ไม่ สำหรับแฟนแมนยูอย่างผมบอกเลยว่า การที่ได้ลูกจุดโทษน่ะ มันเกิดจากการที่มึงเดินเกมบุกกดดันเขา จนเขาตั้งตัวไม่ติด คิดแล้วกูก็ทำฟาวล์แม่มเลย โยนขี้ให้ผู้รักษาประตูไปวัดดวงเอาละกันดีกว่า นั่นคือในเคสของแมนยูที่ได้จุดโทษบ่อยเกิ๊นเมื่อในฤดูกาลที่แล้ว แต่เกมนี้ที่เชลซีได้ประตูจากจุดโทษและลูกเตะมุม ความผิดพลาดของผู้เล่นไบรท์ตันนั้นก็เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างนึงที่ทำให้โดนลงโทษ
มันน่าคิดนะครับว่า นี่เป็นการเจอกับทีมดาดๆอย่างไบรท์ตัน ทีมรองบ่อนที่เล่นแบบไม่มีอะไรจะเสียในทุกเกม เน้นความสามัคคี ช่วยกันเล่นช่วยกันไล่บอล วิ่งไม่หยุดตราบเท่าที่กูมีแรง เวลาโดนบุก กูก็ไปช่วยเกมรับพร้อมกันยันกองหน้า เทคนิคห่าเหว ความสามารถเฉพาะตัวเชี่ยอะไรไม่จำเป็น แค่เวิร์คเรท สปิริต ทีมเวิร์ค เท่านั้นพอ เชลซีถึงกับเกือบไปไม่เป็น ดีที่ทักษะ ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะในแนวรุก(ยกเว้นไอ้พี้นะ เหลือจะรับจริงๆ) มีส่วนสำคัญที่ทำให้ควักสามแต้มออกมาจาก ดิ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส สเตเดี้ยมได้สำเร็จ แต่ก็นั่นแหละมันเป็นเกมนอกบ้าน เป็นถึงทีมระดับอุโฆษแล้วล่ะก็ มึงจะทีมเล็กทีมใหญ่ กูไม่สน เป้าหมายของกูคือลุ้นแม่มทุกถ้วย เอาแม่มทุกแชมป์ กูต้องเอาชนะไว้ก่อน จะในบ้าน นอกบ้าน กูไม่จำเป็นกลัวใคร กูลงทุนไปเยอะแล้ว
เล่นไม่เป็นทรงแบบนี้ แล้วต้องมาเจอทีมอย่างลิเวอร์พูลล่ะ?
หงส์แดงในนัดที่แล้ว เจอกับน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ที่เสือกสะดุดไปจมอยู่แชมเปี้ยนชิพซะ 16 ปี ไอ้เชี่ย!! นานไปมั้ยเนี่ย?
แน่นอนว่าก่อนเริ่มเกม บรรดากูรู กูรู้ ฟันธงกันขาดสะบั้นทุกสำนักว่าเจ้หงส์จะไล่ทุบไล่จิกน้องนกยูงเลือดสาด สังเวยสังเวียนแอนฟิลด์เป็นแน่แท้
Cr. thairath.co.th
พูดกันแบบตรงๆ ไม่สงวนท่าทีกันเลยว่า ผมเชียร์ลีดส์ ยูไนเต็ด เหตุผลคงไม่ต้องบอก แม้รู้ชะตากรรมว่ามึงน่ะโดนแน่ๆ โดนแน่แต่ขอให้สู้ได้ กูก็จะแหกขี้ตาลุ้นมึงจนจบ ปรากฎว่าถึงจะแพ้ แต่เป็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่ดีสำหรับยูงทอง และเป็นเครื่องเตือนอะไรบางอย่างที่ต้องปรับปรุงสำหรับหงส์แดง
เริ่มเกมมาได้เพียง 4 นาที ตูดยังไม่ทันเข้าที่บนที่นอน ปราการหลังฝั่งทีมเยือน โรบิน ค็อก เสียค่าโง่ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ซัดเข้าไปไม่เหลือ แต่สันดานของทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา กูไม่ยอมแพ้เว้ย!! กูแพ้ไม่ได้ เสียเวลามาตั้งนาน จะให้มันจบแค่นี้ไม่ได้!! ว่าแล้ว 8 นาทีต่อมา ลีดส์ก็มาซัดประตูตีเสมอจนได้จาก แจ็ค แฮร์ริสัน ดาวรุ่งที่ขอยืมมาจากแมนซิตี้
เอาล่ะครับทีนี้ เหมือนไปสะกิดต่อมโรคจิตของเจ้หงส์เข้า งานงอกล่ะมึง เจ้สั่งลุย ลิเวอร์พูลเริ่มเดินเครื่องจักรสีแดงอีกครั้ง แล้วก็มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ด้วยลูกโขกจากลูกเตะมุมของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ในนาทีที่ 20 แต่น้องนกยูงไม่ยอม โดนไปสองฉาดแล้วต้องหาทางเอาคืน 10 นาทีต่อมา ก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จาก แพทริค แบมฟอร์ด ศูนย์หน้าลีดส์ ซึ่งเป็นประตูแรกของเขาบนเวทีพรีเมียร์ชิพ
แต่ระดับอีเจ้มีรึจะยอม ลิเวอร์พูลเดินหน้าเครื่องจักรสังหาร ซอยยิกๆไม่มีหยุดยั้ง จนมาได้ประตูขึ้นนำอีกในนาทีที่ 33 จากหนูโม ซาล่าห์ ขวัญใจชาวหงส์คนเดิม ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 3-2
เริ่มครึ่งหลัง ทั้งคู่เดินเกมเข้าใส่กันอย่างถึงพริกถึงขิง ครบเครื่องต้มยำ (บอลเชี่ยอะไรวะเนี่ย แม่งเชียร์โคตรมันส์ส์) ลิเวอร์พูลมีโอกาสเจ๋งๆ จ่อๆ จั๋งๆ พิเศษใส่ไข่อยู่หลายครั้ง แต่เสือกไม่คมพอเอง สุดท้ายก็โดนลงโทษจากฝั่งอาคันตุกะ ถ้าไม่คม เด๋วกูยิงให้พวกมึงดู ว่าแล้ว มาเธอัสซ์ คลิค ก็เล่นกับ เอลแดร์ คอสต้า ก่อนจะยิงเสียบเสาไกล เป็นประตูตีเสมอ 3-3 ให้ลีดส์อีกครั้ง เกมไม่มีทีท่าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเลย แต่เป็นลิเวอร์พูลที่พยายามเดินเครื่องเต็มสูบจะเอาประตูชัยให้ได้ จวนใกล้จะหมดเวลาอยู่แล้ว 1 แต้มของน้องนกยูงที่จะหนีบใส่กระเป๋ากลับบ้าน ต้องอันตรธานหายไป เมื่อ โรดริโก้ กองหน้าตัวสำรองที่ลงมาช่วยเกมรับ ไปขัดขาใส่ฟาบินโญ่แบบน่าตบกบาลในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดทันที แล้วก็เป็นเขาคนนี้เช่นเคย โม ซาล่าห์ กดเข้าไปไม่พลาด เวลาที่เหลือลีดส์พยายามกัดฟันเดินหน้าสู้ตายจะเอาคืนให้ได้ แต่ไม่สำเร็จ หมดเวลา หงส์แดงตะแคงฟ้าเอาชนะยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ดไปโคตรมันส์ 4-3
Cr. thairath.co.th
เห็นอะไรบางอย่างมั้ยครับ? บางอย่างที่คล้ายกันกับเชลซีในข้างต้น 3 ใน 4 ของประตูที่ได้ มาจากลูกตั้งเตะนะครับ แล้วก็เหตุผลเหมือนเชลซีอีกนั่นแหละในการได้จุดโทษก็คือ ความสะเหร่อของผู้เล่นลีดส์เองที่เสียค่าโง่ อย่างกรณีของ โรดริโก้ นั่นไงล่ะ
ลิเวอร์พูลมีจุดบกพร่องที่ต้องรีบแก้ไขเลย ก่อนไปจะเจอกับเชลซีก็คือ เกมรุกที่ใช้โอกาสเปลืองมาก อย่างในช่วงต้นของครึ่งหลังนั่นปะไร มีโอกาสแบบเลี่ยมทองฝังเพชร จะตอกฝาโลงสะกดวิญญาณอยู่มะรอมมะร่อตั้งหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้ จนมาถูกตีเสมอ
โอเคล่ะครับ ยอมรับว่าทำเกมกันดี ขึ้นเกมบุกแต่ละที ได้เสียว ได้ลุ้นตลอด แน่นอนว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทีมเพียงน้อยนิด ความไหลลื่นแบบฤดูกาลก่อนยังคงอยู่ แต่ก็มีที่ยังขาดนิดเกินหน่อยอยู่บ้างพอให้อภัย โดยรวมก็ยังน่ากลัวอยู่มิได้เสื่อมคลาย แต่ที่ต้องปรับปรุงคือ ความเฉียบคมแบบโป้งเดียวจอด ต้องรีบเรียกสิ่งนั้นกลับมาครับ แล้วลิเวอร์พูลจะกลับมาเป็นเครื่องจักรสังหารสีแดงแรงฤทธิ์ที่สมบูรณ์แบบ แต่ที่ต้องชมเลยคือ โม ซาล่าห์ ที่โดดเด่นโดดเด้งตลอดทั้งเกม นอกนั้นก็ยังมีติดๆขัดๆอยู่บ้าง ตามประสาทีมที่เพิ่งเริ่มต้นฤดูกาลทุกทีมนั่นแหละ
ทีนี้มาว่ากันถึงเกมรับ แน่นอนครับว่า 3 ประตูของลีดส์นั้นมาจากการเล่นแบบโอเพ่นเพลย์ล้วนๆ บวกกับความผิดพลาดชนิดไม่น่าเกิดขึ้นของ ฟาน ไดจ์ค ที่จ่ายบอลประมาทไปเข้าทางปืนแบมฟอร์ด(แต่คนเราถ้ามันไม่เคยพลาดเลย ผมก็ยังไม่เคยเห็น) โจ โกเมซ ก็เหวออยู่เป็นระยะๆ มีส่วนทำให้ทีมเสียประตูแรก ส่วนประตูที่สามก็ต้องชมลีดส์ว่าทำได้ดีทีเดียว อันนี้ต้องให้เครดิตในเรื่องหัวจิตหัวใจด้วย ที่สู้ไม่ถอย สมกับเป็นลีดส์ ยูไนเต็ดทีมเก่าทีมเดิมเมื่อ 16 ปีที่แล้วและก่อนหน้า
ทีนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นครับ กับการเจอกันของทีมที่เปลี่ยนแปลงแบบแทบจะยกกระบิอย่างเชลซีที่เหมือนยังหาโมเมนตั้มไม่เจอ กับทีมที่ต้องเคาะสนิมอีกสักนิด หยอดน้ำมันหล่อลื่นอีกสักหน่อย เพื่อเตรียมกลับมาเดินเครื่องไล่ล่าความสำเร็จอย่างลิเวอร์พูล ผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร
Cr. Google.com
ในทรรศนะของผม เกมคู่นี้น่าจะเริ่มต้นด้วยการลองดูเชิงกันไปก่อนในช่วงแรก รอคอยจังหวะความผิดพลาดของอีกฝั่ง ซึ่งในขณะที่พิมพ์บทความอยู่ตอนนี้ อัพเดททางเชลซี มีข่าวมาว่า ติโม แวร์เนอร์ ซึ่งมีอาการเจ็บเข่าจากเกมเจอกับไบรท์ตัน จะชวดลงสนามแน่นอน 100% และ คริสเตียน พูลิซิช ซึ่งผมคิดว่าน่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงแทนไอ้พี้ในนัดนี้ ก็มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ต้องรอดูอาการกันแบบวันต่อวัน ทำให้แน่นอนว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด คงยังไม่กล้าสั่งให้ลูกทีมเดินหน้าแลกหมัดแน่ เช่นเดียวกับ เจอร์เก้น คล็อป ที่คงไม่กล้าให้ลูกทีมเปิดหน้าแลกเช่นกัน เพราะนี่มันเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีนัดหนึ่งของทีมลุ้นแย่งแชมป์ ที่มีตัวแปรสำคัญคือความผิดพลาดของคู่แข่ง
ใครโดนก่อน เกมจะเปิดทันทีโดยอัตโนมัติ แล้วคงไม่มีใครยอมใครแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ มีสิทธิ์ที่ลิเวอร์พูลจะบุกมาเฉือนเอาชนะไปได้ เพราะเอาเข้าจริงๆนั้นมีทีเด็ดทั้งคู่ก็ใช่อยู่ แต่ความลงตัว ทีมเวิร์คและความหลากหลายวูบวาบนั้น ลิเวอร์พูลดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย จุดบอดใหญ่ของเชลซีก็คือ การยังไม่เข้าที่เข้าทางของนักเตะใหม่ การขาดความต่อเนื่อง เพราะฤดูกาลใหม่เปิดกระชั้นเกินไป ไม่มีเวลาปรับจูนให้ลงตัวพอ รวมถึง เกปา อาร์ริซาบาลากา ที่ชอบออกลูกเหวอให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่ต้องเข็นเอาลง เพราะค่าตัวที่ซื้อมาแพงเป็นสถิติโลก บอร์ดบริหารเชลซีนั้นได้แต่หวังว่าผีของ เลฟ ยาชิน จะเข้าสิงมันบ้าง เลยต้องขู่แกมบังคับให้ แลมพาร์ด ใส่ชื่อเป็นตัวจริงอยู่แทบทุกนัด ทั้งที่ใจอยากจะเอาส้นเท้าเขี่ยออกจากทีมเต็มแก่
พยากรณ์ : เชลซี 1 - 2 ลิเวอร์พูล
โฆษณา