17 ก.ย. 2020 เวลา 22:23 • ปรัชญา
ชีวิตคือการเข้ารับผิดชอบตัวเอง
.
.
.
หลายวันก่อนผมขับรถ
เกือบจะเชี่ยวมอร์เตอร์ไซค์คันหนึ่งที่กำลัง
ทะยานพรุ่งตัวออกมาจากไหล่ทางหอพัก
เสี้ยววินาทีที่เกือบชนเห็นแล้วว่า
รถมอร์เตอร์ไซค์คันนั้นเสียการทรงตัว
ด้วยความตกใจที่พี่เขากำลังออกมา
บวกกับรถผมที่กำลังวิ่งผ่านมา
ด้วยความเร็ว 40-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เพราะมือข้างหนึ่งนั้นจับแฮนด์
ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ประคองตะกร้าใส่น้ำ
ในเขตพื้นที่ชุมชนความเร็วเท่านี้
จะชนหรือไม่ชนถือว่าผิด
เพราะความเร็วต้องไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
หลังจากหักหลบมอร์เตอร์ไซค์คันนั้น
ผมค่อยๆ ชะลอ ตีไฟเลี้ยวซ้ายและหยุดรถทันที
ผมหันไปมองกระจกด้านซ้าย
เหลือบมองอยู่จนแน่ใจว่าพี่เขาไม่เป็นอะไร
เขาขี่รถไปอีกทาง ถึงจะไม่ล้ม แต่ก็คงเกือบ
ผมตีไฟเลี้ยวขวา และก็ขับรถไปต่อ
เพราะใกล้จะถึงบ้านพอดี
หลายวันผ่านมา
ผมลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่สาวคนนึง
แกแนะนำให้ผมไปทำบุญสะเดาะเคราะห์
หลังจากนั้นผมเอาเรื่องนี้กลับมาคิดและทบทวน
ที่จริงแล้วผมเองก็มีส่วนประมาทเหมือนกัน
ถึงจะไม่ชน และพี่เขาก็ไม่ได้เป็นอะไร
แต่ผมก็รู้สึกว่าวันนั้นตัวเองมีส่วนผิดเต็มๆ
ผิดตรงที่เราเองก็มีส่วนร่วมที่อาจทำให้
ใครคนหนึ่งอาจจะพิการหรือไม่ก็เสียชีวิต
อาจเสียทั้งเงินและเสียทั้งเวลา
ผมพยายามนึกถึงวินาทีนั้นว่า
ตัวเราเองกำลังทำหรือคิดอะไรอยู่
ทำไมถึงได้ขับรถประมาทอย่างนี้
แน่นอนครับว่า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวผมเองขับรถประมาท
หลายต่อหลายครั้งเหมือนกันที่ตัวเอง
มีส่วนร่วมในการขับรถด้วยความไม่ระวัง
ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนเป็นวัยรุ่น
ผมอาจจะขับรถชนพี่เขาไปแล้วก็ได้
เพราะตอนเป็นวัยรุ่นเลือดในตัวมันสูบฉีด
มันพลุ่งพล่าง อยู่ในช่วงวัยแห่งความท้าทาย
จึงไม่เคยนึกถึงเรื่องความตาย
เมื่อไม่นึกถึงจึงไม่กลัวตาย
ที่ไม่กลัวตายเพราะไม่เคยตระหนักถึง
คุณค่าของการมีชีวิตและจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ยังไง
ความไม่ประมาทเกิดขึ้นได้กับทุกคน
และเกิดได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต
จำไม่ได้หลังจากคำแนะนำของพี่สาวจนถึงทุกวันนี้
ผมได้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้างแล้วหรือยัง
แต่คิดว่ายัง เพราะความเชื่อส่วนตัว
สำหรับผมไม่เกี่ยวกับเรื่องเวรกรรมอะไรพวกนี้
มันเกี่ยวกับการขาดมีสติและประมาทของตัวเองมากกว่า
เอาจริงๆ ตั้งแต่อยู่กับหนังสือฮาวทูมา
ผมก็แทบไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่
ถึงจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่ไปลบหลู่
เพราะชีวิตคือการเข้ารับผิดชอบตัวเอง 100%
ครั้งหนึ่งมีคนเอารถไปให้
"ท่านปัญญา นันทภิกขุ" เจิมรถ
ท่านบอกว่า ต้องเจิมคนขับไม่ใช่รถ
เพราะคนน่ะบังคับรถ รถไม่ได้มาบังคับคนซ่ะหน่อย
ผมเชื่อเลยว่าถ้าเรามีสติ ขับรถด้วยความไม่ประมาท
มีวินัย มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง
ขับรถเคารพกฎจราจร พึงระวังอุบัติเหตุอยู่เสมอ
อุบัติเหตุจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราได้เลย
ผมไม่ได้ไปทำบุญ หรือสะเดาะห์เคราะห์ที่ไหน
ผมแค่ขับรถด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
มีสมาธิ โฟกัสอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
มีสติมากขึ้นก็แค่นั้นเอง
มีคนเคยกล่าวไว้ครับว่า
ความโชคร้ายไม่ได้มาจากเทวดาผีสางที่ไหน
แต่มาจากความไม่ประมาท
และไม่รอบคอบของบุคคลนั้นๆ เอง
อุบัติเหตุเป็นเรื่องใกล้ตัว
เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถประเมิณราคาได้
.
.
- Jack is Back -
โฆษณา