17 ก.ย. 2020 เวลา 13:44 • การศึกษา
เซ็กซ์วิวัฒน์ จากดึกดำบรรพ์ จนถึงวันนี้
เคยสงสัยกันไหม ในอดีตกาล มนุษย์ยุคเริ่ม หรือบรรพบุรุษชาวโลก มีวิธีขยายเผ่าพันธุ์อย่างไร แตกต่างกันไหมกับชาว 5G ยุคปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดว่า มันน่าจะเหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้ ย่อมฝังอยู่ในสัญชาตญาณอยู่แล้ว แต่อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด มีอะไรต่างไปจากแต่ก่อน ผู้เขียนจะแรงค์ให้ฟัง ในลำดับถัดไปครับ
1 หากจะย้อนกลับไปเมื่อสี่ล้านปีก่อน เราคงจะจินตนาการถึงเซ็กซ์ ของเหล่าบรรพบุรุษไม่ออกแน่นอน ยกเว้นเสียแต่ว่า เราจะสร้างไทม์แมชชีน ความเร็วเหนือแสง ไปจับเอาเหตุกาณ์ก่อนประวัติศาสตร์ ที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ แล้วถ่ายเอาคลิปฉาว มาเผยแพร่สู่สายตาชาวโลกในปัจจุบัน
1
2 พูดกันตามหลักความจริง เป็นไปไม่ได้เลย ที่เรื่องอย่างว่า เมื่อครั้งนานนม นมนานมาแล้ว จะเหมือนกับอีโรติกสมัยใหม่ .. ไม่ ไม่ครับ ไม่ได้หมายถึงสิ่งแวดล้อม ค่านิยม หรือวัฒนธรรม ซึ่งมันไม่เหมือนแน่นอน แต่ผู้เขียนกำลังจะกล่าวถึง สรีระต่างหาก
3 แน่นอนครับ เราไม่รู้หรอกว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้างในยุคนั้น แต่นักวิทยาศาสตร์ ก็พยายามจับโน่น ชนนี่ ผสมนั่น จนได้มาเป็นเป็นทฤษฎีต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะการเทียบเคียงกับเหล่าสรรพสัตว์ สายพันธุ์ใกล้เคียงกับมนุษย์ และเชื่อกันว่า มนุษย์ยุคก่อนนั้น อาจแฮปปี้ แอนดิ้ง กับเซ็กซ์หมู่ เหมือนกับพวกลิงบางสายพันธุ์ ก็เป็นได้
4 ในขณะเดียวกัน ก็มีนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า เมื่อสี่ล้านปีก่อน เหล่ามนุษย์ต้นแบบ อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเซ็กซ์ เป็นความสนุกสนาน เพลิดเพลินจำเริญใจอะไร ก็ทำไปตามวัฏจักร หรือเพียงเพราะวิถีแห่งธรรมชาติ ของการสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้นเอง
5 สิ่งที่เราพอจะรู้แน่ชัด โดยอาศัยหลักจากการศึกษากายวิภาคของฟอสซิล ถึงผู้หญิงเมื่อสี่ล้านปีที่แล้ว ก็คือ ร่างกายของพวกเธอมี Clitoris ที่ใหญ่ยาว รวมถึงไม่มีหน้าอก ในขณะเดียวกัน ผู้ชายยุคนั้น มีเจ้าช้างน้อยที่ตัว กระจ้อยร่อย
6 ลองนึกถึงภาพ เมื่อนำชายและหญิง มายืนเคียงข้างกัน ด้วยเส้นขนที่ปกคลุมทั่วร่าง นั่นจะทำให้ทั้งสองเพศ มีความคล้ายคลึงกัน ไม่ได้แตกต่างกัน อย่างเช่นปัจจุบัน และนี่ ยังไม่รวมท่วงท่าการเดิน ที่พวกเขา เดินสี่ขาสลับสองขาอีกด้วย
7 การวิวัฒน์ของมนุษย์ ที่เปลี่ยนมาเดินสองเท้า เป็นการพลิกหน้าประวัต์ศาสตร์อย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าก่อนนี้ ท่าทางการร่วมรักของมนุษย์ คงจะมีเพียงท่าที่เรียกว่า Doggy เท่านั้น แต่เมื่อวิวัฒน์แล้ว ความหลากหลายของกายกรรมแขนงนี้ จึงหลากหลายรูปแบบขึ้น
8 นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หลังจากนั้น เพศหญิงก็จะมีหน้าอกที่โตขึ้น มีขนที่บางเบาลง รวมไปถึง Clitoris ที่เล็กลง และถูกซ่อนลึกเข้าไปในขาหนีบ ตรงกันข้ามกับเพศชาย มีช้างน้อยที่เติบโตขึ้น เป็นเช่นนั้นก็เพราะมนุษย์ เริ่มเดินและยืดตัวตรงนั่นเอง
9 แม้ว่าทฤษฎีวิวัฒนาการ ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้าง ถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ทั้งหมด ซึ่งในเวลาต่อมา ทฤษฎีคัดเลือกตามธรรมชาติ ดูจะเป็นที่น่าเชื่อถือกว่า
2
10 อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีเสริมของดาร์วิน ที่ชื่อว่า การคัดเลือกทางเพศ เริ่มได้รับการสนุนมากขึ้น โดยมันกล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงทางเพศ ที่นำไปสู่การคัดเลือก เพศที่แข็งแรง และเซ็กซี่กว่า ต่อการคัดสรรค์ตัวเลือก ในการขยายเผ่าพันธุ์ และบีบให้สายพันธุ์อ่อนแอ สูญพันธุ์ไป
11 มีการตั้งข้อสังเกต ของการเดินสองขาของมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยข้อเสีย อย่างเช่น เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าสี่เท้า กลายเป็นเป้าถูกล่าได้ง่ายกว่า กระดูกเชิงกรานเปลี่ยนรูป หรือมันเล็กลง ผลก็คือคลอดลูกยาก และอันตรายขึ้น รวมไปถึงในช่วงวิวัฒน์นี้ ศีรษะมนุษย์นั้น โตขึ้นถึงสามเท่า ในเวลาสี่ล้านปี ซึ่งถือว่าเร็วมาก
12 แต่การเดินสองขานั้น ก็ให้ประโยชน์แก่มนุษย์มากมายเช่นกัน อาทิ เราจะมีมือที่ว่างสองข้าง แทนที่จะเอาไปคอยยันพื้น หรือโหนกิ่งไม้ ก็เอามาใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่นการประดิษฐ์เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อใช้สำหรับการดำรงชีวิต นี่เองที่ทำให้สมองเราโต และฉลาดขึ้น เพราะสมองจะทำงานอยู่ตลอด เพื่อสั่งงานแขน
13 อย่างที่บอก จุดเล็ก ๆ แค่มนุษย์เปลี่ยนมายืนตัวตรง ส่งผลให้เรามีความคิด มีอารยธรรม มีความรู้ มีเทคโนโลยี สามารถเดินทางออกสู่ห้วงจักรวาล นี่ยังไม่นับรวม ความเป็นมนุษย์ หยุดการป่าเถื่อน และเริ่มวิวัฒน์ตัวเองเป็นผู้เจริญขึ้นเรื่อย ๆ (เรายังไม่ลืม ความหลากหลาย ของเซ็กซ์ กันใช่ไหม)
14 อีกหนึ่งสิ่ง ที่ลืมไม่ได้เลย เมื่อเรายืนตัวตรง ทำให้สามารถสร้างเสียงต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนได้ ไม่เหมือนสัตว์ทั่วไป ที่ร้องได้เพียงเสียงเดียว และจุดกำเนิดของเสียงสวรรค์ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1.6 ล้านปี ช่วงที่ภาษามนุษย์เริ่มมีใช้ มากกว่าท่าทาง (ข้อนี้ อย่าคิดลึก)
15 วิวัฒนาการไม่เคยสิ้นสุดครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หรือด้านไหน มันจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ มันจะคัดเลือกยีนส์เด่นและบีบยีนส์ด้อยให้สูญสิ้นไป วันนี้ถึงเวลากลับมาถามตัวเอง หรือยังครับ ว่าเราเป็นยีนส์ตัวไหน เป็นตัวที่กำลังจะหายไปหรือเปล่า เขียนไว้ให้คิดครับ (เอ๊ะ ..!!! นี่มัน 18+ ไม่ใช่เหรอ)
หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ครับ
กดไลค์หากถูกใจ แชร์หากเห็นว่ามีประโยชน์ คอมเมนท์เพื่อแนะนำติชม
พูดคุย และทักทายผ่านอีเมลล์หรือ HangOut ที่
แหล่งข้อมูล ภาพ และสื่อประกอบ
หนังสือ ประวัติศาสตร์ใต้สะดือ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา