18 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ความสุขมันช่างแสนสั้น ]
หลังบาเยิร์น มิวนิคบันทึกความยิ่งใหญ่ในฤดูกาลที่เพิ่งจบไปด้วยทริปเปิ้ลแชมป์ ภาพรวมสถานการณ์น่าจะชื่นมื่นราบรื่นไม่มีปัญหาอะไรนัก
แต่สัจธรรมอย่างหนึ่งในโลกฟุตบอล เมื่อความสำเร็จผ่านไป ปัญหาต่างๆจะรุมเร้าเข้ามามากขึ้น
อย่างแรกเลยก็คือฤดูกาลถัดไปต้องเตรียมความพร้อมให้มากกว่าเดิม เพราะการรักษามาตรฐานที่เคยทำไว้ได้นั้น จะเป็นเรื่องที่ลำบากแบบเท่าตัว
คุณยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเท่าไร ก็ยิ่งไปกระตุ้นให้ทุกทีมอยากจะโค่นล้มมากเท่านั้น
อีกทั้งหลังจากประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการเปลี่ยนแปลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เคสของบาเยิร์นปัญหาขุมกำลังผู้เล่น เริ่มสร้างความปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟิลิเป้ คูตินโญ่ หมดสัญญายืมตัวต้องส่งกลับให้บาร์เซโลน่า โดยที่ไม่อาจใช้อ็อปชั่นซื้อถาวรได้ เพราะราคาแพงเกินจะจ่ายไหว
ในขณะที่ อิวาน เปริซิช ก็คล้ายกันๆ แม้ราคาที่อินเตอร์ มิลานเรียกร้องมาจะไม่ได้โหดเท่า คูตี้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็อย่างที่รู้
ส่วน ฆาบี มาร์ติเนซ คาดว่าจะถูกปล่อยออกไป ด้วยอายุมากขึ้นเรื่อยๆ บาดเจ็บก็บ่อย ไม่ได้ลงสนามต่อเนื่อง ฤดูกาลที่แล้วเล่นในลีกแค่ 16 นัดเท่านั้นถือว่าน้อยมาก ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเก็บไว้อีก
ตามด้วย ติอาโก้ อัลกันตาร่า ที่ยืนยันเจตนาแล้วขอย้ายออกหลังจบซีซั่น โดยไม่สนว่าจะได้แชมป์มากมายกี่รายการ
ขณะเดียวกัน ดาวิด อลาบา คีย์แมนในแนวรับก็เล่นแง่เรื่องการยืดสัญญาออกไป ฉบับปัจจุบันจะหมดลงมิถุนายนปีหน้า นั่นหมายความว่าเหลือเวลาราว 9 เดือนเท่านั้นเอง
แต่การเจรจายังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะมีเรื่องเงินค่าจ้างเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด
และ อลาบา นี่แหล่ะที่ทำให้บอร์ดบริหารบาเยิร์นต้องวิ่งกันพล่าน พยายามทุกอย่างที่จะรั้งไว้ให้ได้
หากโน้มน้าวไม่สำเร็จมีแค่ 2 ชอยส์เท่านั้น คือขายออกไปได้เงินสักก้อนในซัมเมอร์นี้หรือปล่อยยาวไปถึงฤดูร้อนหน้าแล้วต้องเสียแบบฟรีๆ
ลองนึกดู อลาบา อยู่กับทีมมาตั้งแต่วัยรุ่น 16-17 ปี ขึ้นสู่ชุดใหญ่ตั้งแต่อายุได้ 18 จากนั้นก็พัฒนาจนกลายเป็นกระดูกสันหลัง
เขาคือหนึ่งในสัญลักษณ์ของทีม ระนาบเดียวกับ มานูเอล นอยเออร์ , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หรือ โธมัส มุลเลอร์
อีกทั้งเมื่อสามคนนี้รีไทร์ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่ ปลอกกัปตันทีมจะต้องมายึดบนต้นแขนแน่นอน
แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่านักเตะไม่ต้องการจะอยู่โยงยาวเป็นวันคลับแมน ทั้งเงินและความท้าทายข้างหน้ารอให้ไปค้นหาอยู่
ตอนนี้ อลาบา กับ ติอาโก้ คือสองตัวปัญหาที่บาเยิร์นต้องเร่งจัดการให้เร็วที่สุด
อูลี่ เฮอเนส หนึ่งในผู้บริหารของบาเยิร์น มิวนิค ออกอาการหัวเสียอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ ดาวิด อลาบา
แม้ตำแหน่งคือประธานกิตติมศักดิ์ แต่รู้กันว่าอิทธิพลของ เฮอเนส ใหญ่คับสโมสรมากขนาดไหน มีบทบาทในการชี้เป็นชี้ตายได้
การออกมาแสดงความคิดเห็นหรือให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งเกี่ยวกับสโมสร ผ่านการเห็นชอบกลั่นกรองอย่างดีแล้ว
เริ่มกันที่ ติอาโก้ ซึ่งย้ำชัดว่าไม่มีการคุยเรื่องสัญญาใหม่ มีกรณีเดียวคือย้ายในฤดูร้อนนี้ โดยของเดิมจะหมดลงกลางปีหน้า
เฮอเนส เข้าใจว่านี่คือความต้องการของนักเตะ ก็เลยแขวนป้ายไว้ที่ราว 30 ล้านยูโร ใครอยากได้เดินมาหาแล้วกางโต๊ะเจรจากัน
ตอนแรกลิเวอร์พูลมาแรงมากๆ กลายเป็นตัวเต็งที่จะกระชากไปเสริมแกร่งแผงมิดฟิลด์ วัดจากกระแสข่าวแล้วไม่น่าหลุดมือ
อย่างไรก็ตามไม่นานนัก ก็ค่อยๆเงียบหายไป เหตุผลมาจากไม่พร้อมจ่ายตามที่เสือใต้เรียกมา นี่คือยุคนิวนอร์มอล หลายทีมไม่มีทุนมากพอจะซื้อผู้เล่นเหมือนเดิมอีกแล้ว
กำไรที่ควรจะได้ของลิเวอร์พูลหายไปเกือบ 100 ล้านปอนด์ด้วยกัน ต่อให้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ความนิยมล้นหลามขยายฐานกว้างออกไป แต่หากไม่มีแฟนบอลเข้าสนามสนับสนุนก็แทบเปล่าประโยชน์
มันไม่ใช่แค่ค่าตั๋วอย่างเดียว แต่ธุรกิจเกี่ยวกับสเตเดี้ยมพังพาบทั้งหมด
จากนั้น ติอาโก้ ก็โยงกับแมนฯยูไนเต็ด แต่พอคว้า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มาได้ ก็เชื่อกันว่าไม่จำเป็นต้องดึงมาทับซ้อนตำแหน่งกันอีก
แต่ทาง เฮอเนส มั่นใจมากๆว่า ติอาโก้ ตกลงเรื่องสัญญาส่วนตัวกับหนึ่งในสองทีมนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่สโมสรถกเคาะค่าตัวกัน
รอเวลาให้เดดไลน์ใกล้เข้ามา แล้วค่อยจัดการให้เรียบร้อย มันเหมือนบีบให้บาเยิร์นต้องลดราคาจากป้ายลงอีก
เฮอเนส จึงไม่พอใจอย่างมากที่ ติอาโก้ และว่าที่ต้นสังกัดใหม่ กำลังดึงบาเยิร์นให้ลงไปสู่หลุมแห่งความเสียเปรียบ
ตัวนักเตะเองทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้สัมภาษณ์รักสโมสร มีความสุขดี แต่รู้อยู่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ในเมื่อแจ้งทุกอย่างให้ คาร์ลไฮนซ์ รุมเมนิเก้ ประธานบริหารเรียบร้อย
เรื่องของ ติอาโก้ ยังไม่ทันได้บทสรุป บาเยิร์นก็ต้องมาเจอ อลาบา เขย่าให้โยกคลอนหนักขึ้นอีก
ของ อลาบา นี่สาหัสกว่า เพราะสโมสรไม่เคยมีแผนจะปล่อยตัวออกไป แต่การเจรจาเพื่อขยายสัญญาล้มเหลวมาตลอด
แล้วครั้งล่าสุดยิ่งเพิ่มความน่าหงุดหงิดให้มากขึ้นไปอีกเมื่อพ่อของอลาบา ไปทาบทามให้ ปินี่ ซาฮาวี่ เอเยนต์ผู้คร่ำหวอดในวงการมาเกี่ยวข้องด้วย
ซาฮาวี่ คือเอเยนต์ที่เคยเจรจาต่อสัญญา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในปี 2018 ตอนนั้นนักเตะแน่วแน่จะย้ายไปเรอัล มาดริดให้ได้ ก่อนจะตกลงอยู่ต่อและได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดราว 300,000 ยูโรต่อสัปดาห์
การผลักดัน ซาฮาวี่ เข้ามามีส่วนร่วม คงไม่ต้องบอกว่าเพื่อต่อรองเรื่องค่าจ้างโดยเฉพาะ
แต่ เฮอเนส ทุบโต๊ะเปรี้ยงเลยว่าจะไม่มีใครได้สูงไปจาก เลวานดอฟสกี้ อีกแล้ว หากขอมาที่ตัวเลข 20 ล้านยูโรขึ้นไป คงต้องทางใครทางมัน
ไม่ใช่แค่นั้น เฮอเนส ยังบอกด้วยว่านี่คือวิธีการที่สกปรก ซึ่งทำให้ อลาบา รู้สึกไม่พอใจมากๆด้วย อาจไม่ต้องการอยู่ต่ออีก หลังอิ่มกับความสำเร็จที่นี่มา 10 ปี จนไม่น่าจะรู้สึกท้าทายต่อไป
ปัญหาเหล่านี้กระทบไปยัง ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์จอมเซอร์ไพรส์อย่างช่วยไม่ได้ หากมองว่าการขาดหายไปพร้อมๆกันของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ , อิวาน เปริซิช , ฆาบี มาร์ติเนซ , ติอาโก้ และ อลาบา แล้วได้เพียงแค่ เลรอย ซาเน่ เป็นแข้งหลักมาเสริมรายเดียว
ขนาดทีมย่อมเล็กลงอย่างมาก ฟลิค จึงได้คุยกับ เฮอเนส เพื่อขอปรับให้สมดุล อันหมายถึงการซื้อมาเพิ่ม แต่ถูกปฏิเสธกลับมา
เฮอเนส ให้เหตุผลว่าควรดันเด็กเยาวชนที่มีแววขึ้นมาบ้าง เท่าที่เห็นมีถึง 3-4 รายด้วยกัน ไหนจะบางส่วนที่หมดสัญญายืมตัวอีก ถ้ามัวแต่ซื้ออย่างเดียว เท่ากับว่าปิดโอกาสเด็กโตทันที
สถานการณ์ภายในของบาเยิร์นเองจึงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เพราะ เฮอเนส มองอีกอย่าง ไม่ต้องการจ่ายเงินอีก ควรรัดเข็มขัดบ้าง ได้ทริปเปิ้ลแชมป์ก็จริง แต่เงินหายไปจากโควิดไม่น้อยกว่า 50 ล้านยูโร
ฟลิค คงไม่มีทางเลือก นอกจากใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ อีกทั้งต้องเตรียมแผนไว้เลยในกรณีที่ขาดทั้ง อลาบา และ ติอาโก้ ในฤดูกาลหน้าจริง
โปรแกรมก็ชุกและถี่ยิบมากๆ แทบไม่มีเวลาหายใจหายคอกันเลย ทุกอย่างต้องวางให้ยืดหยุ่นและรัดกุมที่สุด แต่ต้องทำใจว่ายังไงก็หนีปัญหาไม่พ้น
จะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นกับบาเยิร์นว่าทุกขลาภก็คงไม่เชิงนัก แต่หลังประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ คงไม่อยากเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ตามมา
ใครต่อใครถึงมักพูดกันว่า ความสุขมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ไม่แฟร์แต่ใครแคร์ ] : หากไม่มีอะไรผิดพลาดสเปอร์สน่าจะได้ เซร์คิโอ เรกีลอน ไว้ในครอบครอง โดยยอมรับเงื่อนไขให้เรอัล มาดริดซื้อกลับได้ภายใน 2 ปีดีลแบบนี้ยังไงไก่เดือยทองก็เสียเปรียบ แต่เมื่อสถานการณ์บีบคั้นก็พร้อมยอมรับ ไม่มีทางเลือกมากนักผิดกับแมนฯยูไนเต็ดเล่นแง่ ไม่อยากรับข้อเสนอ เพราะรู้ดีว่าไม่แฟร์และพวกเขาเองก็เคยทำอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน
[ #สองปลิงผู้มาปล้นหงส์ ] : เฟร์นานโด ตอร์เรส เพิ่งออกมาเล่าถึงเหตุผลที่ย้ายหนีลิเวอร์พูลไปเชลซีในปี 2011 เป็นเพราะเจ้าของสโมสรที่โกหกคำโตมาตลอดทั้ง จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์ คือเจ้าของดูโอในเวลานั้น เข้ามาตั้งแต่ปี 2007 แล้วมุ่งมั่นกับการกอบโกยอย่างเดียวบทความนี้จะพาไปดูเบื้องลึกปูมหลังว่าสองคนนี้เข้ามาได้อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นบ้าง
[ #17ปีที่เชลซีไม่เคยเปลี่ยน ] : บิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์เชลซี พร้อมกับความเกรียวกราวด้วยงบประมาณซื้อผู้เล่นมหาศาลหลายคนคิดว่า "เสี่ยหมี" มาไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเบื่อก็ล่าถอยกลับไปเอง แต่เอาเข้าจริงทุกวันนี้แพสชั่นยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยและซีซั่นนี้เชลซีมาเขย่าอีกครั้งด้วยเงินฟ่อนใหญ่ สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจโลกอีกต่างหาก
[ #ปกครองลูกน้องแบบไหน ? ] : ดูจากภายนอก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา น่าจะมีบุคลิกนิสัยเป็นคนใจดี มีเมตตา ยิ่งได้เป็นหัวหน้าที่ตกปกครองลูกน้องด้วยแล้ว จะไหวหรือเปล่า? ร่องรอยความสงสัยปรากฏขึ้นมาตามลำดับ เมื่อมีผู้เล่นอย่างน้อยถึง 3 คนก่อเรื่องฉาวจนกระทบกระเทือนกันไปหมด บางทีนี่น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ โซลชา ที่จะได้พิสูจน์ฝีมือการเป็นผู้จัดการทีม หากซีซั่นนี้ไม่ตามเป้า บอกได้เลยว่าตัวใครตัวมัน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา