19 ก.ย. 2020 เวลา 15:41 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน ฝันร้ายกดทับ
สายัณห์สวัสดิ์นักอ่านทุกท่านกับผมนายจั๊มพ์ในเดือนกันยาที่ปีนี้ฝนตกถี่กว่าปีก่อนหน้า หลังจากอุบเงียบปิดปากไม่บอกใครในตอนรอยพญานาคมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวฝันร้ายคืบคลาน เมื่อยามนอนที่ไม่รู้ว่าหลับหรือตื่นคล้ายถูกอะไรบางอย่างกดทับตลอดเวลา และเพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับคนที่เคยรู้สึกเหมือนกันขอเชิญชวนร่วมอ่านกันได้กับตอน ฝันร้ายกดทับ
แต่ก่อนเวลาเห็นคนทำฟาร์มในหนังผมมักคิดว่าเป็นงานที่ง่ายแค่ยกของไป ๆ มา ๆ กับเดินให้อาหารสัตว์เท่านั้น ใครจะรู้เมื่อลองทำจริงมันเหนื่อยกว่าฉากที่เห็นผ่านทางหน้าจอมาก
ในสถานการณ์เช่นนี้จะโทษใครได้นอกจากตัวเอง อยู่ ๆ ตัวผมก็นึกอุตริคิดอยากลองเป็นลูกมือเจ้าของไร่ขณะออกทัวร์ชมทัศนียภาพในแถบประเทศฮอลแลนด์
ตอนแรกที่เจ้าของอนุญาตมันก็สนุกอยู่หรอก แต่พอเห็นผมมีความสามารถมากเกินไปเลยจิกหัวใช้อย่างกับทาสในเรือนเบี้ย
ไม่รู้เจ้าของฟาร์มแอบเข้าใจผิดหรือผมสื่อสารไม่ดีพอ ทั้งที่บอกว่าอยากลองเป็นลูกจ้างเพื่อแลกกับที่อยู่และอาหารซักหนึ่งอาทิตย์ แล้วทำไมงานมันถึงหนักได้ขนาดนี้
ไหนจะต้องขนฟางเข้ายุ้งฉ่าง เดินให้อาหารม้า วัว ไก่ หมู แถมต้องทำความสะอาดเก็บมูลขับถ่ายโกยไปใส่พื้นที่หมักปุ๋ย จบท้ายด้วยการซ่อมรั้วที่เก่าเกิน
ด้วยเนื้อหางานเพียงวันเดียวทำเอาหมดแรงเกือบสลบคารั้วหนามที่พึ่งซ่อมเสร็จ อย่างดีที่อาหารมื้อเย็นเปี่ยมไปด้วยความอร่อยช่วยฟื้นฟูพลังขึ้นมาบ้าง
และเมื่อถึงเวลานอนผมต้องแปลกใจในความอารีย์ของเจ้าของ แทนที่นึกว่าจะได้นอนบนโซฟาหรือห้องรับรองแขกกลายเป็นต้องมานอนข้างนอกในยุ้งฉ่างชั้นสองซะอย่างนั้น
ยังดีที่มีเตียงและผ้าห่มให้ ผมจึงพอนอนได้เพื่อเก็บแรงโดนใช้งานในวันถัดไป
คืนนั้นหลังจากสลบไสลด้วยความเหนื่อยล้า ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันหรือกำลังตื่นอยู่ เพราะที่ปลายเท้าเหมือนมีอะไรบางอย่างมากดทับทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้
ผมพยายามขยับลุกหนีแต่ไม่ว่ายังไงเท้าก็ยังคงหยุดอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไปไหน
สุดท้ายเช้าวันใหม่มาเยือนทิ้งให้คืนแรกสับสนด้วยความงุงงน
ความที่นอนไม่เต็มอิ่มวันที่สองในการทำงานของผมจึงไม่ค่อยรายรื่นเท่าที่ควร แม้จะทำงานน้อยกว่าเมื่อวานแต่ร่างกายกลับเพลียอย่างบอกไม่ถูก
ครั้นจะแอบหลบไปอู้งานพอเจ้าของฟาร์มไม่เห็นผมก็ตะโกนร้องเรียกคล้ายรู้ทันว่าหายไปไหน สรุปวันนี้ก็ทำงานแทบไม่ได้พักจนถึงตอนเย็น
คืนที่สองผมพยายามหลับให้ไวกว่าเดิม แต่พอถึงช่วงสติจะจางหายความรู้สึกเดิมที่โดนกดทับก็กลับมา คราวนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่เท้ายังลามขึ้นมาที่ขาอีก
ธรรมดาผมเป็นคนนอนตะแคงข้างพอขาขยับไม่ได้เลยพลิกตัวไปอีกด้านไม่ได้ ดังนั้นพอถึงเช้าต่อมาไม่เพียงเมื่อคืนจะนอนไม่หลับยังเกิดอาการแทรกซ้อนร่างกายชาไปอีกซีกหนึ่ง ซึ่งกว่าจะลุกจากเตียงได้ต้องทำกายบริหารกันอยู่พักใหญ่
และจากผลลัพธ์ของการโดนกดทับ ผมมั่นใจเลยว่าเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าการโดนผีอำเป็นแน่แท้
พอถึงเวลาอาหารเช้าผมกะเล่าให้เจ้าของฟาร์มฟังถึงเหตุการณ์ที่ประสบมาทั้งสองคืน เสียดายที่โอกาสนั้นไม่เอื้ออำนวยเพราะบนโต๊ะอาหารปราศจากนายจ้างไปซะแล้ว
ไม่ใช่เพราะตายหรืออะไร แต่เจ้าของมีธุระด่วนทำให้ต้องออกจากบ้านไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ทิ้งให้ภรรยาและลูกชายสองคนนั่งทานอาหารเช้ากับผมแทน โดยไม่รู้จะกลับมาวันไหนปริศนากดทับเลยยังต้องคลุมเครือรอไปก่อน
กระนั้นถึงสมาชิกในบ้านจะหายไปคนหนึ่ง แต่จานบนโต๊ะอาหารกลับยังมีเท่าเดิม ทำเอาผมอดสงสัยไม่ได้ว่าภรรยาเจ้าของเผลอวางจานเกินหรือเปล่า
ที่ไหนได้จานนั้นไม่ได้มีไว้เสริฟอาหารคนหากแต่เป็นจานสำหรับน้องแมวที่เต็มไปด้วยนมและที่ข้าง ๆ มีกระป๋องที่เต็มไปด้วยเนื้อปลา
ถึงนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับน้องแมวขนดำขลับ แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกผมมันบอกเราเคยรู้จักกันมาก่อน
หรือบางทีผมอาจคิดไปเองก็ได้เพราะตั้งแต่มาเที่ยวฮอลแลนด์ยังไม่เจอน้องเหมียวซักตัว
ระหว่างนั้นผมก็ลอบถามทีเล่นทีจริงกับภรรยาเจ้าของว่าที่ฟาร์มแห่งนี้เคยมีประวัติอะไรพิศดารหรือไม่
คำตอบที่เธอให้ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะเธอพึ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี้ไม่กี่ปีเอง แล้วพอผมถามถึงเรื่องเคยเจออะไรแปลก ๆ ตอนนอนไหม คำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่
เป็นอันว่าฝ่ายภรรยาไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการที่กลางคืนผมโดนกดทับ แต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้เธออาจกำลังปกปิดโดยที่ไม่บอกความจริงให้รู้ก็ได้
วันนั้นทั้งวันพอรู้เจ้าของไม่อยู่ผมรีบทำงานล่ก ๆ เพื่อหาหลักฐานการเชื่อมโยงการโดนกดทับ ทว่าก็คว้าน้ำเหลวไม่มีอะไรในฟาร์มนี้สาวไปถึงเหตุการณ์อันลึกลับเลย
คืนที่สามผมพยายามครองสติให้นานที่สุดแต่ไม่รู้ตอนไหนที่โดนมันกดทับอีกแล้ว ต่อจากขาหนึ่งข้างก็เป็นส่วนมือที่โดนบ้าง
ผมออกแรงสู้ฝืนตัวเองอย่างสุดฤทธิ์ เค้นทุกอย่างในร่างกายดันหนีจนหมดแรง แต่มือและขาก็ยังอยู่กับที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ตั้งแต่นั้นมาทุกคืนเหมือนร่างกายของผมไม่ยอมฟังคำสั่งอีกต่อไป ถึงจะเปลี่ยนที่นอนมาหลับในกองฟางชั้นหนึ่งแทนหรือจะหลบไปนอนในมุมอับแคบ ๆ เจ้าความรู้สึกกดทับก็ตามราวีไม่เลิกรา
คืนที่เจ็ดผมเตรียมใจไว้แล้วถึงขนาดเขียนจดหมายลาตายให้คนในครอบครัว หวังว่าจดหมายที่เขียนจะส่งถึงมือพ่อแม่และพวกพี่สาว
ผมรู้ตัวดีว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้มีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อคืนมันกดทับร่างกายไปเกือบหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงใบหน้าเท่านั้น อย่างน้อยถ้าคืนนี้ได้ฝันก่อนตายคงดีไม่น้อย
จะว่าไปผมตื่นอยู่หรือหลับไปแล้วนะ ทำไมถึงหายใจไม่ออกและทรมานขนาดนี้
***เฉลยปม***
ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหมดไปผมสะดุ้งลุกขึ้นและตกใจอย่างมากกับตัวจริงของการโดนกดทับ
บรรดาน้องแมวสิบกว่าตัวต่างนอนขดกันเกลียวเบียดทับอยู่เหนือร่างกายผม
โดยมีจ่าฝูงคือแมวดำของเจ้าฟาร์มที่พึ่งกระโดดหนีหายไปหลังจากทับหน้าผมซักครู่อยู่นาน
พอตั้งสติคิดได้เรื่องที่เหมือนน่ากลัวก็เปลี่ยนเป็นเรื่องขบขัน
ผมเข้าใจว่าอากาศต่างประเทศมันหนาวแค่ไหนเวลาตอนกลางคืน แต่ไอ้การที่แมวสิบกว่าตัวมานอนทับบนตัวเพื่อต้องการความอบอุ่นก็ถือว่าอันตรายไม่น้อย
นี้ถ้าผมหยุดหายใจเพราะโดนแมวนอนทับหน้าไม่รู้จะเรียกตายอย่างสยองขวัญดีไหม
คิด ๆ ดูก็ชวนขนหัวลุกไม่น้อยและเมื่อยิ่งคิดได้ผมถึงนึกได้ว่าตั้งแต่คืนแรกที่โดนกดทับต้องเป็นเจ้าน้องแมวดำที่มากกตัวอยู่ใต้เท้าแน่ เพราะไอ้ความคลับคล้ายคลับคลาตอนเห็นหน้าจะ ๆ มันรู้สึกคุ้นเคยมาก
เห็นทีคืนพรุ่งนี้ถ้าผมไม่รีบหนีออกจากฟาร์ม มีแววจะเสียชีวิตจากการโดนฝูงแมวไล่นอนทับแหง
ซึ่งบางทีการย้ายไปนอนที่อื่นไม่รู้จะหนีจากฝันร้ายกดทับได้ไหม เพราะดูท่ากลุ่มแมวเหมียวจะติดใจการนอนกับผมเป็นที่เรียบร้อย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา