19 ก.ย. 2020 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #ฝันที่สองของเบ็คแฮม ]
ธุรกิจสโมสรกีฬาในสหรัฐอเมริกานับว่ามีมูลค่าสูงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกันฟุตบอล (NFL) , บาสเก็ตบอล (NBA) หรือ ฮ็อกกี้น้ำแข็ง (NHL) ซึ่งล้วนแต่ได้รับความนิยมทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์หรือลีกฟุตบอลที่เติบโตภายหลัง ได้รับความสนใจไม่น้อยหน้าเท่าไรนัก แม้อเมริกันชนทั้งหลายจะเชิดหน้าใส่ เรียกเกมส์ชนิดนี้ว่าซอคเก้อร์
แต่ต้องไม่ลืมว่าในประเทศเสรีภาพแห่งนี้มี "ฮิสแปนิก" หรือกลุ่มคนที่พูดภาษาสเปนมากกว่า 60 ล้านคนด้วยกัน เรียกว่ากำลังซื้อมหาศาล
คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นสแปนิชสักเท่าไรหรอก ส่วนใหญ่เป็นพวกอเมริกากลาง หลั่งไหลมาจากเม็กซิโกนี่อันดับหนึ่งมากกว่าครึ่ง นอกจากนี้ยังมีนิคารากัว , ฮอนดูรัส , ปานามา , โดมินิกัน หรือเอล ซัลวาดอร์
อีกส่วนหนึ่งมาจากอเมริกาใต้ยกเว้นบราซิล ซึ่งก็มีอีกพอสมควรเช่นเดียวกัน
เมื่อคุณอยู่ที่นั่น มีโอกาสได้เข้าสนามไปชมเกมฟุตบอล รับรองว่าแทบไม่ได้ยินคนพูดภาษาอังกฤษเลย หูจะได้ยินแต่สแปนิชเท่านั้น เพราะฮิสแปนิกจะไม่สนใจกีฬาประเภทอื่นเลย ยึดเอาศึกลูกหนังเป็นไปเบิ้ล
ซอคเก้อร์จึงตอบโจทย์คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะและเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ก็ยืนระยะได้มาตลอด สะท้อนถึงการสนับสนุนที่ดีจากกองเชียร์อย่างไม่ต้องสัย
ไม่ใช่แค่นั้นหลายสโมสรที่มีทุนมากพอ รวมทั้งได้รับการช่วยเหลือจากเมเจอร์ลีก ยังไปดึงสตาร์ต่างๆมาร่วมโม่แข้งด้วย แม้ส่วนใหญ่จะโรยราลงไป ไม่ได้อยู่ในช่วงพีก แต่ก็ปลุกกระตุ้นได้ดีมากๆ
ต้นปี 2007 กระแสถูกจุดให้ปังมาก เดวิด เบ็คแฮม ยืนยันจะย้ายจากเรอัล มาดริดมาเล่นในเมเจอร์ลีก สื่อสหรัฐฯอ้างดีลนี้มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลลาร์
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นมากมาย บ้างก็ว่า เบ็คแฮม ต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง ที่นี่จะตอบโจทย์สำคัญในอนาคต บ้างก็ว่าเชื่อแรงยุของ วิคตอเรีย ภรรยาสาวที่หวังจะใช้พีอาร์หรือเป็นสะพานทอดไปสู่แวดวงเซเล็บ
เบ็คแฮม เซ็นสัญญายาวถึง 5 ปีด้วยกัน มันไม่ใช่แค่ระยะสั้นๆ นั่นหมายความว่าพร้อมลงหลักปักฐาน
มีการระบุตัวเลขรายได้ 6.5 ล้านดอลลาร์ต่อปี ย้อนไป 13 ปีก่อนถือว่าสูงพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายคนเชื่อว่ามีผลประโยชน์บางอย่างซ่อนอยู่
ดีลนี้คนที่ผิดหวังไม่น้อยไปกว่าใครคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตเจ้านายที่เป็นผู้ร่วมเจียระไนจนกลายเป็นเพชรกะรัตงามส่องแสงแวววาวในเวลาต่อมา
ตอนนั้น เบ็คแฮม เพิ่งอายุ 31 ย่าง 32 เท่านั้นเอง ยังมีศักยภาพพอสำหรับค้าแข้งลีกใหญ่ในยุโรปสบายๆ ร่างกายก็ดูแลอย่างดี รับรองว่าอย่างน้อยอีก 2 ปีไร้ปัญหา
เฟอร์กี้ มองว่าดาวเตะสุดหล่อโฟกัสที่เรื่องอื่นมากกว่าฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด
แน่นอน เบ็คแฮม ยังรักฟุตบอลและอยากมีโอกาสโชว์ฝีเท้าบนเวทีใหญ่ แต่เงื่อนไขบางอย่างก็ยากต่อการปฏิเสธเมเจอร์ลีกเช่นเดียวกัน
เงื่อนไขที่ว่าหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน แม้กระทั่ง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ก่อนจะย้ายมา MLS หรือเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ ได้ยื่นข้อเสนอว่า เบ็คแฮม มีสิทธิ์จะตั้งทีมฟุตบอลเองได้ ซึ่งในสหรัฐฯไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นอกจากต้องมีเงินทุนมหาศาล มีการตรวจสอบที่มาของเงินอย่างละเอียดยิบ คุณยังต้องมีประวัติหรือปูมหลังที่แสดงให้รู้ว่าหลงใหลในเกมลูกหนังจริง
เบ็คแฮม ไตร่ตรองอย่างรอบคอบดีแล้ว เพราะรู้ว่านี่คือระบบแฟรนไชส์ ไม่ใช่มีเงินแล้วจะซื้อมาครอบครองได้อย่างเดียว
ตัวเลขที่ เบ็คแฮม จ่ายไปล่วงหน้าเพื่อซื้อแฟรนไชส์ได้ในราคาพิเศษเพียงแค่ 25 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกมากๆ เพราะมูลค่าจริงน่าจะเป็นหลักร้อยล้าน
หลังรีไทร์จากอาชีพค้าแข้ง เขาจึงตัดสินใจซื้อไว้ทันที จากนั้นค่อยมองหาสโมสรที่จะมาเทคโอเวอร์ได้หรือจะไปจัดตั้งทีมที่รัฐไหน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาคัดกรองไม่น้อย
แรงปรารถนาในการเป็นเจ้าของสโมสรของ เบ็คแฮม มันอัดแน่นอยู่ข้างในมานานแล้ว แต่เขาแทบไม่ได้เล่าหรือบอกใครมากนัก ท่ามกลางความสงสัยว่าเลิกเล่นฟุตบอลแล้วจะไปทำอะไร
งานโค้ชถือว่าน่าสนใจ สำหรับคนที่รักเกมลูกหนัง แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนตัวตนเขาแท้จริง
หลังจากเฟ้นอยู่พักใหญ่ก็ไปถูกใจที่ไมอามี่ นี่คือเมืองใหญ่ในรัฐฟลอริด้า ที่ไม่มีทีมฟุตบอลมาตั้งแต่ปี 2001 หลังจากไมอามี่ ฟิวชั่นโดยยุบทีม หายไปจากสารบบลีก
น่าสนใจไม่แพ้กันคือฟลอริด้าคือ 1 ใน 4 รัฐที่มีพวกฮิสแปนิกหรือกลุ่มใช้ภาษาสเปนมากที่สุด ดังนั้นจึงน่าจะเป็นฐานชั้นดี สำหรับการแผ่ขยายออกไป
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดึงคนเหล่านี้เข้ามาเป็นกองเชียร์ผู้ซื่อสัตย์ รวมทั้งชื่อของ เดวิด เบ็คแฮม ยังคงขายได้เสมอ มีมูลค่าไม่ลดลงไปจากเดิมเลย ต่อให้แขวนสตั๊ดแล้วก็ตาม
เมื่อ เบ็คแฮม แจ้งไปยังเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์และมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการช่วงต้นปี 2014 ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก แม้ยังมองไม่ค่อยเห็นภาพนักในเวลานั้น
หลายคนอาจจะคิดว่าเหมือนการขายฝันให้กับชาวไมอามี่ โดยเฉพาะชาวเม็กซิกันหรือละตินทั้งหลายที่ถูมือรอด้วยความตื่นเต้น เมืองใหญ่แห่งนี้จะมีสโมสรฟุตบอลเป็นของตัวเองแล้ว
แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหล่ะ ระบบการตรวจสอบที่นั่นเข้มข้นมากๆ ไหนจะต้องมองหาสังเวียนแข้งเพื่อเป็นบ้านไว้รองรับกองเชียร์ตัวเองและอาคันตุกะ
รวมถึงโปรเจคต์เพื่อโปรโมตให้ชาวไมอามี่รู้จักมากยิ่งขึ้น เป้าหมายของ เบ็คแฮม ไม่ได้ตีกรอบเฉพาะพวกฮิสแปนิกเท่านั้น แต่ต้องเอาชนะใจอเมริกันชนให้ได้เล่นกัน
เบ็คแฮม ยอมรับว่าเคยท้อใจหลายครั้ง จนเกือบจะคิดถอย แต่ด้วยบุคลิกที่สู้ตายชนิดหัวชนฝา จึงมักจะลุกขึ้นมาฮึดอีกรอบเสมอ
แม้จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่ง แต่การจะเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่นี่ ต้องใช้ทุนมหาศาล จำต้องเจรจาเพื่อหามารองรับ เรียกว่าเกิดความวุ่นวายมากมายเหลือเกิน
เขาต้องไปพรีเซนต์ให้กับนายทุนต่างๆสนใจ เพื่อจะได้มาร่วมลงหุ้นด้วย ซึ่งก็ใช้เวลาอีกพอสมควร
จากนั้นจึงชื่อพี่น้องตระกูล มาส คือ ฮอร์เก้ และ โฮเซ่ ที่ร่ำรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคลั่งไคล้ฟุตบอล มาซาโยชิ ซัน เสี่ยใหญ่ชาวญี่ปุ่นก็ตอบรับในเวลาต่อมา
รวมถึง มาร์เซโล่ เคาร์เร่ นักธุรกิจชาวโบลิเวียนที่มาตั้งรกรากในไมอามี่ จนกลายเป็นเศรษฐีพันล้านในเวลาต่อมา
ทั้งหมดเชื่อมั่นในความสามารถและภาพลักษณ์ของ เบ็คแฮม สามารถนำนาวาสโมสรแห่งนี้ให้ล่องปลอดภัยถึงฝั่งเป้าหมาย
คลับ อินเตอร์นาซิอองนาล เดอ ฟุตบอล ไมอามี หรืออินเตอร์ ไมอามี อย่างที่เรารับรู้กัน
อย่างไรก็ตามอินเตอร์ มิลานทีมชั้นนำจากอิตาลี ไม่พอใจนักที่ชื่อทีมไปพ้องกับตน เลยมีการฟ้องร้องขอให้เปลี่ยนด้วย ไม่อย่างนั้นคนทั่วไปอาจเกิดการสับสนได้
เพราะเท่าที่ฟังจากเสียงของหลายคนๆ มักจะตั้งคำถามเป็นเครือข่ายหรือเกี่ยวโยงกับทีมงูใหญ่หรือ? ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรกันสักนิดเดียว
เชื่อว่าอีกเหตุผลทำให้อินเตอร์ มิลานต้องฟ้อง อาจเพราะ เบ็คแฮม เคยเล่นให้เอซี มิลานคู่อริร่วมเมืองมาก่อนนั่นเอง
ปัจจุบันอินเตอร์ ไมอามี่ถูกทำคลอดแล้ว แม้จะยังเดินเตาะแตะ แต่นี่คือการเริ่มต้นเพื่อเติบโต
เราได้ได้ยินโปรเจคต์ใหญ่ของ เดวิด เบ็คแฮม ที่จะนำดาวดังทั้งหลายมารวมไว้ที่นี่ เป็นเซนเตอร์ที่คอลูกหนังต้องหันมาสนใจ
แม้จะยังต้องรอ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ลิโอเนล เมสซี่ แต่เวลานี้เราได้เห็นแข้งชั้นนำทั้ง แบลส มาตุยดี้ และ กอนซาโล่ อิกวาอิน มาสวมยูนิฟอร์มเรียบร้อย
หลังจากความฝันแรกคือการตั้งทีมฟุตบอลบรรลุ ฝันต่อไปคือความสำเร็จท่ามกลางซูเปอร์สตาร์
มาดูกันว่าฝันของ เบ็คแฮม จะเป็นจริงหรือไม่?
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ความสุขมันช่างแสนสั้น ] : ควันแห่งความสำเร็จหรือบรรยากาศของการเฉลิมฉลองทริปเปิ้ลแชมป์อันยิ่งใหญ่ยังไม่ทันจางดี บาเยิร์น มิวนิคก็ต้องเจอปัญหาพุ่งชนโครมใหญ่ นอกจากจะต้องปล่อย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ อิวาน เปริซิช กลับต้นสังกัดจริงที่ยืมมาแล้ว ติอาโก้ อัลกันตาร่า ก็กำลังชิงหนีและ ดาวิด อลาบา ก็เล่นแง่เรื่องสัญญาใหม่ รวมถึง อูลี่ เฮอเนส ก็ไม่พอใจกับปฏิกิริยาของ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือที่ร้องขอตัวแทนอีก ปัญหาหลังผ่านความสำเร็จครั้งใหญ่ มันวุ่นวายอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
[ #ไม่แฟร์แต่ใครแคร์ ] : หากไม่มีอะไรผิดพลาดสเปอร์สน่าจะได้ เซร์คิโอ เรกีลอน ไว้ในครอบครอง โดยยอมรับเงื่อนไขให้เรอัล มาดริดซื้อกลับได้ภายใน 2 ปีดีลแบบนี้ยังไงไก่เดือยทองก็เสียเปรียบ แต่เมื่อสถานการณ์บีบคั้นก็พร้อมยอมรับ ไม่มีทางเลือกมากนักผิดกับแมนฯยูไนเต็ดเล่นแง่ ไม่อยากรับข้อเสนอ เพราะรู้ดีว่าไม่แฟร์และพวกเขาเองก็เคยทำอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน
[ #สองปลิงผู้มาปล้นหงส์ ] : เฟร์นานโด ตอร์เรส เพิ่งออกมาเล่าถึงเหตุผลที่ย้ายหนีลิเวอร์พูลไปเชลซีในปี 2011 เป็นเพราะเจ้าของสโมสรที่โกหกคำโตมาตลอดทั้ง จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์ คือเจ้าของดูโอในเวลานั้น เข้ามาตั้งแต่ปี 2007 แล้วมุ่งมั่นกับการกอบโกยอย่างเดียวบทความนี้จะพาไปดูเบื้องลึกปูมหลังว่าสองคนนี้เข้ามาได้อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นบ้าง
[ #17ปีที่เชลซีไม่เคยเปลี่ยน ] : บิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์เชลซี พร้อมกับความเกรียวกราวด้วยงบประมาณซื้อผู้เล่นมหาศาลหลายคนคิดว่า "เสี่ยหมี" มาไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเบื่อก็ล่าถอยกลับไปเอง แต่เอาเข้าจริงทุกวันนี้แพสชั่นยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยและซีซั่นนี้เชลซีมาเขย่าอีกครั้งด้วยเงินฟ่อนใหญ่ สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจโลกอีกต่างหาก
โฆษณา