19 ก.ย. 2020 เวลา 17:02 • ท่องเที่ยว
"โจชิม ชายชาวบังคลาเทศที่พูดภาษาไทย
ได้ชัด เป๊ะ เว่อร์!..."
ซีรีส์..อาชีพคุณพ่อบ้านตอนที่1
...บังคลาเทศไดอารี่...
...ถึงคุณผู้อ่านที่รัก...
ช่วงแรกของการมาอยู่บังคลาเทศ
ฉันต้องไปอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง
ในเมืองหลวงธากา เจ้าของห้องเช่าเป็นสองพ่อลูกนักธุรกิจชาวบังคลาเทศ ฉันได้มีโอกาสเจอพวกเขาหลายครั้ง เนื่องจากห้องพักยังทำความสะอาดไม่เสร็จเรียบร้อยดี เจ้าของห้องจึงต้องมาควบคุมดูแล เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างไม่มีปัญหาและเพื่อจะได้แนะนำสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับที่พักให้แก่
ผู้เช่าได้ทราบ
ทุกครั้งที่พวกเขาได้เข้ามาตรวจตราความเรียบร้อย ก็มักจะมีผู้ชายคนหนึ่งติดสอยห้อยตามมาด้วยเสมอ
ผู้ชายคนนั้นชื่อ "อาคิม" เป็นหนุ่มวัยกลางคน
ผิวคล้ำ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และท่าทางใจดี
เขามีอาชีพเป็นพ่อบ้าน ให้กับนักธุรกิจสองพ่อลูก เนื่องจากเจ้านายของเขาอาจจะมีห้องเช่าอีกหลายห้อง อาคิมจึงมีหน้าที่ในการดูแลและทำความสะอาดห้องเช่าเหล่านั้น รวมถึงห้องที่ฉันเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่นี้ด้วย
ตลอดหลายเดือนที่อาศัยอยู่ห้องพักแห่งนั้น
ไม่ว่าจะน้ำไม่ไหลหรือไฟดับ ฉันก็จะเห็น "อาคิม" เป็นคนพาช่างมาซ่อมแซมสิ่งต่างๆอยู่เสมอ และเขาก็คอยแวะเวียนดูแลอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ทุกวัน
ที่ทำงานของฉันเป็นหน่วยงานอะไรสักอย่าง
ซึ่งฉันไม่สามารถเปิดเผยให้คุณทราบได้หมด
บอกได้เพียงคร่าวๆว่า มีทั้งคนไทยและคนบังคลาเทศทำงานอยู่ในที่แห่งนี้มากมายหลายชีวิต
'แต่มีอยู่คนหนึ่ง
ที่ฉันได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับเขา'
เขาเป็นผู้ชายชาวบังคลาเทศ
อายุประมาณ 50ปลายๆ รูปร่างผอมสูง
มีเส้นผมสีขาวทั้งศีรษะ และสีผิวเข้มแบบคน
บังคลาเทศโดยทั่วไป
ชายคนนี้ชื่อว่า "โจชิม"
โจชิมมีหน้าที่เป็นพ่อบ้านประจำสำนักงาน
ฉันได้รู้จักกับโจชิมในครั้งแรก ก็ตอนที่เขาเอาน้ำและขนมมาเสิร์ฟให้ฉันกับทีมงานได้รับประทาน
"ทานขนมกันก่อนนะครับ
จะรับน้ำชาหรือกาแฟครับ"
สิ่งที่ทำให้ฉันสนอกสนใจในตัวโจชิมเป็นพิเศษคือ
"เขาเป็นพนักงานชาวบังคลาเทศ
เพียงคนเดียวที่พูดภาษาไทยไ้ด้
และแถมยังชัดเป๊ะเว่อร์อีกด้วย"
ฉันและน้องๆทีมงานเรียกเขาว่า "พี่โจชิม"
ไม่ว่าพวกฉันจะมีงานอะไรที่จะต้องไปทำที่สำนักงานแห่งนั้น พี่โจชิมคนนี้ก็จะกุลีกุจอมาช่วยเสมอ เขาเป็นคุณพ่อบ้านที่่น่ารักและขยันมากๆ
อ้อ!ลืมบอกว่า
ฉันไม่ได้ทำงานอยู่ประจำที่สำนักงาน
นานๆจะได้เข้าไปสักครั้ง
ในบ่ายวันหนึ่ง
ฉันจะต้องเข้าไปทำธุระเรื่องเอกสาร ตอนนั้นเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ระหว่างที่ฉันนั่งรอ
ฉันเห็นเพื่อนร่วมงานคนไทยกลุ่มหนึ่ง กำลังร่วมวงรับประทานอาหารกันอยู่
สักพักใหญ่ๆเมื่อพวกเขารับประทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่างคนก็ต่างลุกออกมาจากเก้าอี้สายตาฉันเหลือบมองเห็นจานอาหารและเศษอาหาร พร้อมด้วยขยะจากการกิน ไม่ว่าจะเป็น
กระดาษทิชชูที่ใช้แล้ว กล่องกระดาษ และถุงพลาสติกที่ยับยู่ยี่ กองพะเนินอยู่บนโต๊ะอาหาร
ซึ่งไร้การเหลียวแลจากผู้ใช้บริการ
ในขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอยู่คนเดียวว่า
"ต่างคนต่างไป แล้วใครจะเก็บเนี่ยยย?"
ทันใดนั้น ฉันก็เห็นพี่โจชิมถือถาดใบใหญ่
พร้อมกับผ้าเช็ดโต๊ะหนึ่งผืน ราวกับเขารู้ชะตากรรมไว้ล่วงหน้าแล้วว่า.. อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากอาหารมื้อนี้
ความเป็นคนจิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้คนของพี่่โจชิม ทำให้ทีมงานของฉันต่างชื่นชมเขามาก
เวลาที่พวกเราทำขนม หรืออาหารอะไรก็จะแบ่งไปให้เสมอ เพราะบ้านพักเราอยู่ใกล้ๆกัน
ในแต่ละวันพี่โจชิมจะตื่นตั้งแต่ตี 4
เพื่อเตรียมตัวละหมาด จากนั้นเขาก็ไปทำความสะอาดสำนักงานทุกๆห้องให้เรียบร้อย
ตอนสายๆ ฉันก็จะเห็นเขานั่งดื่มชาร้อนอยู่ใต้ต้นมะม่วง
เช้าวันหนึ่ง
ฉันได้มีโอกาสได้พูดคุยกับโจชิมที่ใต้ต้นมะม่วง ในขณะที่เขากำลังนั่งพักดื่มน้ำชา ฉันมีเรื่องสงสัยและค้างคาใจมานาน ว่าจะถามแต่ก็ไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง วันนี้แหละ!...(ฉันคิด)
"ทำไมพี่โจชิมพูดภาษาไทยได้ล่ะคะ?"
(เมื่อสบโอกาส ฉันได้เอ่ยถามโจชิม)
พี่โจชิมเล่าว่า...
เมื่อครั้งที่บังคลาเทศ รบกับปากีสถานในช่วงปีพ.ศ.2514 ในครั้งนั้นบังคลาเทศยังมีชื่อว่า "ปากีสถานตะวันออก ได้สู้รบกับปากีสถานตะวันตก ต่อมาได้แยกประเทศและรับเอกราช จนเป็นประเทศบังคลาเทศในทุกวันนี้"
ตอนนั้นโจชิมมีอายุประมาณ 15 ปี ได้มีโอกาสทำงานกับองค์การยูนิเซฟ ที่เข้ามาช่วยเหลือประชาชนจากภัยสงคราม
ในครั้งนั้นเขาได้ทำงานกับเจ้าหน้าที่คนไทย
บนเรือลำใหญ่ที่บรรทุกสิ่งของ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในหลายพื้นที่ โจชิมมีหน้าที่เป็นพ่อบ้านดูแลความสะอาด และคอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่คนไทยที่มาประจำการ
ซึ่งงานนี้ก็ใช้เวลายาวนานพอสมควร
และนี่คือจุดเริ่มต้นทำให้เขาได้เรียนรู้ภาษาไทยและซึมซับกับวัฒนธรรมของคนไทย
อีกหลายปีต่อมา
เขาได้มีโอกาสทำงานกับบริษัทเรือประมงทะเล
ของประเทศไทย ที่เข้ามารับสัมปทานธุรกิจประมงในบังคลาเทศ โจชิมมีหน้าที่เป็นพ่อบ้านดูแลทำความสะอาดสำนักงานใหญ่ให้กับบริษัทนี้
รวมถึงมีหน้าที่ ซื้อวัตถุดิบประกอบอาหารให้กับพนักงานชาวไทยด้วย
โจชิิมบอกว่า บริษัทประมงนี้จะใช้เรือประมงลำใหญ่ออกหาปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ คราวละมากๆ
จากนั้นจะนำอาหารทะเล มาทำการแช่แข็งและ
นำกลับไปขายที่ประเทศไทย
เขาทำงานเป็นพ่อบ้านที่บริษัทนี้อยู่หลายปี
"จนเขาสามารถพูดภาษาไทย
ได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยทีเดียว"
เมื่อบริษัทประมง
หมดสัญญาในการทำสัมปทานในบังคลาเทศ
โจชิมก็ต้องหางานใหม่
ซึ่งก็คือ..งานที่เขาทำในปััจจุบันนี้
(เป็นหน่วยงานลับ
ที่ฉันไม่สามารถบอกคุณได้.. ฮ่าๆ..)
เมื่อได้ฟังโจชิมเล่าเรื่องราวของเขาจบ
ฉันก็ได้กลับมาคิดว่่า
"ชีวิตของโจชิมนั้นได้เกี่ยวข้องกับคนไทย
มาตลอดเกือบชีวิตของเขา"
...มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง...
เรื่องราวยังไม่จบแค่นี้นะคะ
โจชิมยังมีพี่น้องอีก 2 คน
ล้วนแต่ทำอาชีพเป็นพ่อบ้านทั้งนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
"มดดี้"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา