20 ก.ย. 2020 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #ศักดิ์ศรีที่มีมากกว่า ]
ถ้าคุณเป็นเด็กชายชาวโคลอมเบีย ย่อมมีความฝันที่ไม่แตกต่างกันนัก นั่นคือเติบโตเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ความนิยมเกมลูกหนังที่นั่นเหมือนการส่งผ่านดีเอ็นเอ ฝังรากลึกมายาวนาน กลายเป็นเทรดดิชั่นหรือค่านิยมที่ไม่ได้น้อยไปกว่าพวกบราซิลหรืออาร์เจนตินาเลย
ท่ามกลางปัญหามากมายที่เกิดขึ้นภายในประเทศทั้งอาชญากรรมและยาเสพติดที่ก่อตัวอย่างรุนแรงในทศวรรษ 80 ลากยาวถึง 90 ความหวาดกลัวเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน เช่นเดียวกับความตายที่อยู่ใกล้มากๆเหมือนจ่อคอหอย
ฟุตบอลจึงเป็นหนึ่งในสิ่งบันเทิงที่แทรกอยู่ในความดำมืดของโคลอมเบียในยุคนั้น
สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ หากคุณเป็นนักฟุตบอลมีฝีเท้าและชื่อเสียง โอกาสจะก้าวข้ามสังคมเสื่อมทรามและเต็มไปด้วยอันตรายมีสูงมาก
แต่ ฮาเมส โรดริเกซ ผิดไปจากเด็กโคลอมเบียนทั่วไป ไม่ได้หลงใหลในฟุตบอลมาก่อน แค่เล่นกับเพื่อนสนุกสนานไปตามประสา
ด้วยความที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดี ความเป็นอยู่ไม่ได้อัตคัตขัดสนเหมือนคนอื่น พ่อจึงเชื่อว่าลูกชายคนนี้ควรสนับสนุนให้เอาดีทางฟุตบอล หลายครั้งที่เคยสังเกตแล้วฉายแววให้เห็นบ่อยๆ
เมื่อพ่อบอกว่าให้ไปฝึกในอะคาเดมี่ชั้นนำ ฮาเมส กลับบอกปัดในตอนแรก ยืนยันว่าความฝันไม่ใช่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเลย
พ่อก็เลยตอบกลับมาแค่ให้ไปสมัครเล่นเพื่อความบันเทิง เป็นสันทนาการอย่างน้อยก็ช่วยให้ห่างไกลจากยาเสพติด
"จริงๆผมไม่ได้ร้องขออะไรเลย พ่อจูงมือผมไปโรงเรียนฟุตบอลแล้วกรอกใบสมัครให้"
ลึกลงไปแล้ว ฮาเมส ไม่ค่อยอยากจะไปเจอกับผู้คนแปลกหน้ามากนัก ส่วนหนึ่งมาจากอาการพูดติดอ่างและไม่ชัด มีปัญหาการสื่อสารและมักถูกล้อเลียนเป็นประจำ
การโดนบูลลี่เรื่อยมา ทำให้ความมั่นใจหายไปเรื่อยๆ จนมีนิสัยขี้อายติดตัวในเวลาต่อมา
พอย่างเข้าวัยรุ่นแม้การออกเสียงจะเริ่มชัดขึ้น สื่อสารเข้าใจไม่ยาก ทว่าเรื่องของความมั่นใจมันเรียกกลับคืนมายากจริงๆ
แต่ด้วยพรสวรรค์ในฟุตบอลที่เปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเลื่องลือไปทั่ว ทำเอาพ่อชักไขว้เขว จากที่ตามใจลูกไม่บังคับให้เป็นแข้งอาชีพ ก็เริ่มมองเห็นอนาคตอันยิ่งใหญ่บนฟลอร์หญ้า
ดังนั้นเลยตัดสินใจจ้างจิตแพทย์มาช่วยบำบัดความรู้สึก หวังว่าลูกชายจะดีขึ้น กล้าที่จะแสดงออกต่อหน้าสาธารณะ
ฮาเมส พัฒนาขึ้นตามลำดับ จากที่การออกเสียงมีปัญหา ฟังออกแปร่งๆก็ชัดเจนกว่าเดิมมาก ความมั่นใจค่อยๆกลับคืนมา ไม่ค่อยกลัวการอยู่ต่อหน้าฝูงชนเหมือนอย่างเคย
อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการเสียชีวิตของ อันเดรียส เอสโกบาร์ อดีตแข้งทีมชาติโคลอมเบียที่ถูกยิงอย่างอนาถในปี 1994 หลังทำเข้าประตูตัวเองในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทำให้คนใกล้ตัว ฮาเมส เริ่มหลอนขึ้นมาอีกครั้ง
แม้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้นแล้ว แต่เอาเข้าจริงฟุตบอลก็ยังไม่อาจแยกขาดจากอาชญากรรม การพนันและยาเสพติดที่ทำร้ายโคลอมเบียตลอดมา
ความรู้สึกที่เลวร้ายถูกตอกย้ำด้วยชีวิตของ อาร์เลย์ โรดริเกซ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของ ฮาเมส ซึ่งถูกยิงดับอย่างน่าเวทนา หลังพวกแก๊งค้ายาและปล้นชิงทรัพย์เจตนาจะขโมยมอเตอร์ไซค์
แต่ อาร์เลย์ ไม่ยอมง่ายๆ ขัดขืนดิ้นรนต่อสู้ จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามชักปืนมารัวกระหน่ำ 6 แผล ยื้อไม่ไหวไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือ เส้นทางสู่แข้งอาชีพของ อาร์เบย์ กำลังสวยงามและเต็มไปด้วยแสงแห่งความหวัง ในวัย 19 ปีเขาถูกดันขึ้นชุดใหญ่ของอินดิเพนเดียน เมเดลินสโมสรในละแวกนั้น
ขณะเดียวกันยังมีการเปิดเผยเพิ่มอีกว่า ในช่วงวัยเยาว์ของ ฮาเมส ยังได้เจอกับ กุสตาโว อดอลโฟ อูเปกี โค้ชทีมเยาวชน ซึ่งภายหลังมาสืบรู้ด้วยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ว่ากันว่า อูเปกี ทำงานให้ราชายาเสพติดอย่าง ปาโบล เอสโกบาร์ มาต่อเนื่องและไม่เคยเข็ดขยาดเลย แม้จะเคยโดนยัดคุกถึง 12 ครั้งด้วยกัน ด้วยข้อหายาเสพติดและข้องเกี่ยวกับฆาตกรรม
เรียกว่ากว่าจะหลุดพ้นจากวังวนแห่งความเลวร้ายมาได้ ฮาเมส ต้องฝ่าฟันมากมาย
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว เขาบอกกับตัวเองเลยว่าคงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้อีกแล้ว
ฮาเมส โรดริเกซ เป็นที่จับตามากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2006 บานฟิลด์สโมสรชั้นนำของลีกอาร์เจนตินา พยายามยื่นข้อเสนอดึงตัวไปร่วมทีม
แต่ตอนนั้นเพิ่งอายุ 15 ปีเท่านั้น ครอบครัวจึงเป็นห่วง อยู่ไกลหูไกลตาเกินไป เลยจำใจต้องเป็นปฏิเสธ
เขาจึงไปตั้งหลักกับเอ็นวิกาโด้ สโมสรในระดับดิวิชั่น 2 ภายในปีเดียวก็สามารถเลื่อนสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ก่อนจะสร้างสถิติกลายเป็นแข้งอายุน้อยสุดลำดับสองในประวัติศาสตร์ลีกโคลอมเบีย ซึ่งได้ลงเล่นในลีกสูงสุด ด้วยวัยไม่ถึง 16 ปี
จากนั้นในปี 2008 บานฟิลด์หวนกลับมาเจรจาเพื่อคว้าตัวไปร่วมทีมอีกครั้ง คราวนี้ ฮาเมส ตอบตกลง เพราะวัย 17 ปีโตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว
สถิติถูกบันทึกอีกครั้งเมื่อ ฮาเมส มีชื่อเป็นแข้งอายุน้อยสุดที่ซัลโวประตูได้ในลีกสูงสุดอาร์เจนตินา
จากนั้นปี 2009 ฮาเมส ลงเล่นทุกเกมในลีกอีกด้วยครบทั้งหมด 30 นัด ในขณะที่ทุกรายการ 39 นัดจัดไปทั้งสิ้น 9 ประตูด้วยกัน
ช่วงเวลาดังกล่าวแมวมองของปอร์โต้ ซึ่งมีกระจายอยู่มากมายในอเมริกาใต้ แสดงความสนใจ ฮาเมส อย่างมาก ก่อนจะตัดสินใจคว้าไปร่วมทีมในฤดูร้อนปี 2010 ค่าตัวถึง 5.1 ล้านยูโร โดยเซ็นสัญญา 4 ปีมีค่าฉีกถึง 30 ล้านยูโรด้วยกัน
นอกจากโชว์ผลงานอันร้อนแรงกับปอร์โต้ในบทบาทเพลย์เมคเกอร์อายุน้อยร้อยล้าน ยามรับใช้ทีมชาติอาร์เจนตินาในระดับเยาวชนก็มีดีกรีไม่แพ้กัน
ในศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือ FIFA U-20 World Cup 2011 ฮาเมส คว้ารางวัลแอสซิสต์มากสุดของทัวร์นาเมนต์
ตามด้วยแข้งยอดเยี่ยมรายการตูลงในปีเดียวกัน อย่างที่รู้นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่ช่วยปลุกปั้นดันจนดาวรุ่งแจ้งเกิดในวงการมากมายหลายคน
แน่นอนว่าชื่อของ ฮาเมส ตกอยู่ในโฟกัสมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสปอร์ตไลต์สาดมาอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะในซีซั่น 2011/12 ที่ฟอร์มปังเหลือเกิน 14 ประตู 11 แอสซิสต์ทุกรายการในสีเสื้อปอร์โต้
จนถูกโหวตให้คว้าผู้เล่นยอดเยี่ยมอันดับ 2 ของ LPFP หรือคัดเฉพาะในลีกสูงสุดโปรตุเกส เป็นรองเพียงแค่ ฮัลค์ หัวหอกเพื่อนร่วมทีมเท่านั้น
12 ประตู 12 แอสซิสต์ในซีซั่นถัดมา ยิ่งตอกย้ำความยอดเยี่ยม ฮาเมส ให้หนักแน่นมากกว่าเดิม เป็นการเปิดประตูย้ายสู่โมนาโกในฤดูร้อน 2013 ค่าตัวพุ่งถึง 45 ล้านยูโรเลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากเทียบกับผลงาน
ไม่มีอะไรมาขัดขวาง ฮาเมส ได้อย่างที่เคยตั้งปณิธานเอาไว้ เขาไม่ต้องการเวลาปรับตัวหรือเรียนรู้อะไรมากนัก จัดไปเหนาะๆ 10 ประตูกับอีก 14 แอสซิสต์ในทุกรายการ
แต่กิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือมากๆก็ตอนฟุตบอลโลก 2014 แม้จะไม่ได้ครองแชมป์โลกกับทีมชาติโคลอมเบีย ก็ยังกวาดเกียรติส่วนตัวมากมาย ไล่ตั้งแต่โกลเด้นบอลหรือดาวซัลโวสูงสุด , ติดออลสตาร์หรือทีมยอดเยี่ยม , ติดดรีมทีมหรือทีมในฝัน รวมทั้งเข้าวินประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
มันเย้ายวนมากพอสำหรับเรอัล มาดริดจะยอมจ่าย 70 ล้านยูโรในปี 2014 ฮาเมส ยอมรับว่านี่คือสโมสรในฝัน นักเตะอเมริกาใต้ต่างก็อยากมาสวมเสื้อสีขาวของราชันแห่งยุโรปด้วยกันทั้งนั้น
ทุกอย่างเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม 17 ประตู 18 แอสซิสต์จาก 46 เกมทุกรายการที่โม่แข้ง ภายใต้การทำงานกับ คาร์โล อันเชล็อตติ มันราบรื่นชื่นมื่นมาก
กระทั่งเก้าอี้กุนซือเปลี่ยนมาให้ ราฟา เบนิเตซ นั่งต่อ ฮาเมส ก็ยังได้รับความไว้วางใจ จนมาถึงยุคของ ซีเนดีน ซีดาน นั่นแหล่ะ ที่เมฆหมอกค่อยๆปกคลุมเข้ามา
แม้ ซีดาน จะไม่ได้พูดออกมาดังว่า "คุณไม่ใช่เด็กของผม" หรือ "ไม่อยู่ในแผนการสร้างทีมของผม" แต่เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากๆ แม้กระทั่งการย้ายไปบาเยิร์น มาดริดแบบยืมตัว ก็ไม่อาจเยียวยา เพราะรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองไม่มากพอ
เมื่อหลุดพ้นออกมาอีกครั้ง ได้ร่วมงานกับ อันเช่ แม้จะเล่นให้เอฟเวอร์ตันทีมระดับกลางๆ ไม่ได้แม้แต่ไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปทว่า ฮาเมส ไม่เคยเกี่ยงงอนเลย
เขาพร้อมกลับมาเริ่มต้นเพื่อศักดิ์ศรีและพิสูจน์ให้เห็นฝีเท้าที่แท้จริง
2 นัดผ่านไปในลีกกับทอฟฟี่สีน้ำเงิน ฮาเมส สำแดงให้เห็นถึงคลาสอันยอดเยี่ยม มันมากพอจะเขย่าวงการลูกหนังอังกฤษและสะกิดให้ใครที่เคยหมางเมินหันมามอง
มันเหมือนเป็นการถอยหลังไปนับหนึ่งใหม่ แต่เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจอย่างแท้จริง
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ฝันที่สองของเบ็คแฮม ] : ชื่อของสโมสรฟุตบอล อินเตอร์ ไมอามี่เริ่มติดหูมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสื่อมีการนำเสนอข่าวแบบรายวัน แต่เหตุผลหลักมาจากประธานและหุ้นส่วนคือ เดวิด เบ็คแฮม อดีตซูเปอร์สตาร์ ผู้มีภาพเด่นชัดทั้งฝีเท้าและหน้าตา วันนี้พวกเขาได้ผายมือต้อนรับ กอนซาโล่ อิกวาอิน และ แบลส มาตุยดี้ เรียบร้อย ทว่ามันเป็นเพียงแค่การออกสตาร์ตเท่านั้นเอง
[ #ความสุขมันช่างแสนสั้น ] : ควันแห่งความสำเร็จหรือบรรยากาศของการเฉลิมฉลองทริปเปิ้ลแชมป์อันยิ่งใหญ่ยังไม่ทันจางดี บาเยิร์น มิวนิคก็ต้องเจอปัญหาพุ่งชนโครมใหญ่ นอกจากจะต้องปล่อย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ อิวาน เปริซิช กลับต้นสังกัดจริงที่ยืมมาแล้ว ติอาโก้ อัลกันตาร่า ก็กำลังชิงหนีและ ดาวิด อลาบา ก็เล่นแง่เรื่องสัญญาใหม่ รวมถึง อูลี่ เฮอเนส ก็ไม่พอใจกับปฏิกิริยาของ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือที่ร้องขอตัวแทนอีก ปัญหาหลังผ่านความสำเร็จครั้งใหญ่ มันวุ่นวายอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
[ #ไม่แฟร์แต่ใครแคร์ ] : หากไม่มีอะไรผิดพลาดสเปอร์สน่าจะได้ เซร์คิโอ เรกีลอน ไว้ในครอบครอง โดยยอมรับเงื่อนไขให้เรอัล มาดริดซื้อกลับได้ภายใน 2 ปีดีลแบบนี้ยังไงไก่เดือยทองก็เสียเปรียบ แต่เมื่อสถานการณ์บีบคั้นก็พร้อมยอมรับ ไม่มีทางเลือกมากนักผิดกับแมนฯยูไนเต็ดเล่นแง่ ไม่อยากรับข้อเสนอ เพราะรู้ดีว่าไม่แฟร์และพวกเขาเองก็เคยทำอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน
[ #สองปลิงผู้มาปล้นหงส์ ] : เฟร์นานโด ตอร์เรส เพิ่งออกมาเล่าถึงเหตุผลที่ย้ายหนีลิเวอร์พูลไปเชลซีในปี 2011 เป็นเพราะเจ้าของสโมสรที่โกหกคำโตมาตลอดทั้ง จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์ คือเจ้าของดูโอในเวลานั้น เข้ามาตั้งแต่ปี 2007 แล้วมุ่งมั่นกับการกอบโกยอย่างเดียวบทความนี้จะพาไปดูเบื้องลึกปูมหลังว่าสองคนนี้เข้ามาได้อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นบ้าง
โฆษณา