20 ก.ย. 2020 เวลา 02:41 • ธุรกิจ
คุณหนึ่ง วรพงษ์​ สายคำ​ อายุ 28 เป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง จากหมู่บ้าน หัวเขา จ.พิษณุโลก บ้านของเขาเรียกว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้าน คุณหนึ่งอาศัยอยู่กับตายาย เพราะพ่อเเม่ออกไปทำงานในกรุงเทพฯ
แต่ใครจะรู้ว่าตั้งแต่วันที่พ่อแม่ของคุณหนึ่งออกมาทำงาน คุณหนึ่งก็ไม่ได้เจอพ่ออีกเลยเป็นเวลา 26 ปี เต็ม จนเมื่อ 2 ปีที่แล้วคุณหนึ่งได้เจอพ่อเป็นครั้งแรก จากการค้นหาชื่อพ่อใน เฟซบุ๊ก แล้วติดต่อเดินไปหาพ่อของเขาในวันพ่อพอดี
คุณเล่าว่าเขาอยากออกจากโรงเรียนตั้งเเต่ ป.6 ทั้งที่เป็นเด็กเรียนเก่ง สอบได้กี่ 1 เกือบทุกอย่าง แต่เพราะที่บ้านยากจนมาก เห็นตายายลำบากจึงอยากทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระ แถมน้องอีก 3 คนก็เริ่มโตแล้ว
1
โดยคุณหนึ่งมองว่าตัวเองเป็นพี่คนโต ถ้าเขาไม่ทำงาน แล้วน้องจะเอาเงินที่ไหนเรียนแต่เพราะคุณตาขอไว้ ว่าเรียนให้จบ ม.3 เถอะ แล้วถ้าอยากออกไปทำงานก็ไปเลย
คุณหนึ่งจึงยอมทำตามที่คุณตาขอ คือ เรียนให้จบ ม.3
ผ่านไป 3 ปี คุณหนึ่งเรียนจบ ม.3 ตามที่สัญญาไว้ ทันทีที่เรียนจบ คุณหนึ่งก็ออกจากโรงเรียน แล้วเข้าไปทำงานทันที โดยเริ่มจากไปเป็นเด็กส่งของ คุณหนึ่งรับจ้างทำงานสารพัดจนถึงอายุ 23
คุณหนึ่งเริ่มอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตอนนั้นเลยใช้เงินเก็บจากการทำงานที่มีทั้งหมด ลงทุนเปิดธุรกิจตัวเเรกคือ ปีกไก่เขย่า
แต่ด้วยความที่มือใหม่ ไม่มีความรู้ทางด้านธุรกิจเลย ก็เลยเจ๊งไปตามระเบียบ เพราะบริหารเงินไม่เป็น ไม่มีวินัย ขายได้เท่าไหร่ ก็เอาไปใช้หมด
และไม่ใช่แค่เจ๊งธรรมดา แต่เจ๊งถึงขนาดไม่มีเงินกินข้าวเลย 4 วัน ต้องใช้น้ำประปาในห้องเช่าที่ติดค่าเช่าเขาสองเดือนกินเพื่อประทังชีวิต
สุดท้ายคุณหนึ่งจึงตัดสินใจเอาเตาแก๊สที่มีอยู่จากธุรกิจไก่เขย่าไปขาย เพื่อเอาเงินที่ได้นั่งรถย้ายไปสมัครทำงานเป็นช่างเชื่อมเหล็กที่ ปทุมธานี
เเละด้วยฝีมือการเชื่อมเหล็กของคุณหนึ่ง จึงทำให้มีโอกาสฝึกงานด้านการเชื่อมถึงประเทศเกาหลี
แต่ด้วยความที่ ใจของคุณหนึ่ง อยากทำธุรกิจ จึงอยู่เกาหลีได้ 3 เดือน เเละกลับมาเพื่อทำธุรกิจต่อ
คุณหนึ่งเริ่มศึกษาประวัติคนที่ประสบความสำเร็จจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งเรื่องราวที่คุณหนึ่งชอบมากคือ คุณตัน อิชิตัน ที่เริ่มธุรกิจจาก 0 เหมือนกัน
1
คุณหนึ่งเอาเงินเก็บที่มีไปเปิดธุรกิจขายหมาล่า แต่ก็เจ๊งเหมือนเดิม ด้วยปัญหาเดิม และพอเงินหมดก็เข้าไปสมัครงานรับจ้างแบบเดิม วนลูปแบบนี้เป็นสิบๆ รอบ กับ สิบๆ ธุรกิจ ที่เจ๊งไป
แต่ด้วยความที่คุณหนึ่งเป็นคนไม่หยุดที่จะศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะจากการอ่านหนังสือ คุณหนึ่งจึงได้นำบทเรียนที่ได้ มาปรับปรุงพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่งคุณหนึ่งตัดสินใจอยากเปิดร้านตัดผม ตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่ทั้งหมด 5,000 บาท คุณหนึ่งเอามาลงทุนเปิดร้านทั้งหมด ที่ ตลาดบุญคุ้ม รังสิต โดยตั้งชื่อว่า ร้านนายจันทร์ บาร์เบอร์ ซึ่งเป็นชื่อของคุณตา
แต่คราวนี้คุณหนึ่งไม่ได้ลาออกจากงานมาทำธุรกิจแบบทุกครั้ง พูดง่ายๆ คือ ทำงานไปด้วยตอนกลางวัน แล้วมาเปิดร้านตัดผมหลังเลิกงานเวลา 17.10 - 22.00 น.
2
แต่รอยต่อของเวลาระหว่างเลิกงานกับเปิดร้านตัดผม มันใกล้กันมาก คุณหนึ่งจึงตัดสินใจไม่ขึ้นรถสองแถวมาเปิดร้าน เพราะกลัวว่าจะช้าอาจเปิดร้านไม่ทัน 17.10 คุณหนึ่งจึงเลือกวิ่งจากหน้าโรงงานเพื่อจะมาถึงร้านให้ไวที่สุด
แต่เดือนแรกที่เปิดร้านมีลูกค้าทั้งเดือนประมาณ 40 คน ได้เงินมาหักลบค่าเช่าค่าใช้จ่ายทั้งหมด ปรากฎว่าติดลบ 1,000 บาท
แต่ทำไปทำมา วันหนึ่งมีนายทุนซึ่งเป็นลูกค้าที่ร้านเห็นเเววว่าร้านนี้น่าจะรุ่ง แต่ที่ลูกค้าน้อยเพราะมาตรฐานร้านไม่ดี กระจกก็เก่าๆ เก้าอี้ตัดผมก็ถูกๆ คนจึงไม่เข้าร้านเลย
นายทุนคนนั้นจึงเสนอเงินให้ 1 แสนบาท ให้ไปลงทุนเปิดร้านดีๆ แต่ต้องแบ่งกำไรกัน 50/50
คุณหนึ่งนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน จึงตัดสินใจโทรไปหานายทุนคนนั้นว่า “ผมไม่เอาเงิน 1 แสนนั้น ผมขอทำเองดีกว่า”
ด้วยความที่คุณหนึ่งเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ แล้วไปเจอว่า เวลา 7-11 จะเปิดสาขาทีนึง ต้องไปสำรวจประชากร นับคน วิเคราะห์ทำเลและอีกหลายๆ อย่างก่อน ถึงจะเปิดได้
คุณหนึ่งจึงทำตามนั้น โดยการออกไปศึกษา วิเคราะห์ในระแวกนั้น นับว่าคนเดินผ่านกี่คน มีชายกี่คน หญิงกี่คน แล้วเขานิยมตัดทรงไหนกัน มีเงินจ่ายค่าตัดผมต่อครั้งเท่าไหร่ ?
เมื่อวิเคราะห์ทุกอย่างแล้วก็เอามาปรับกับธุรกิจใหม่ ปรากฎว่าร้านตัดผมโตขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีเก้าอี้ตัดผมเพิ่มขึ้นอีก รวมเป็น 4 ตัว และจ้างคนมาตัด
จนล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ร้านนายจันทร์ก็มีสาขา 2 แล้ว ที่โรงกษาปณ์ รังสิต ปัจจุบันส่งเสียน้องเรียนอีก 3 คน
คุณหนึ่งบอกว่า “ทุนที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เงิน แต่มันคือ​ ความบ้า​ การเอาจริง​เอาจัง​ วินัย​ และความคิดในแง่บวก ต่างหาก”
กว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ใช่ง่าย ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง เคยลำบากจนไม่มีจะกินก็หลายหน โดนดูถูกจากคนรอบข้างมาโดยตลอด
ชีวิตของคุณหนึ่งยังมีอีกเรื่องราว อุปสรรค อีกมากมายหลายอย่างที่ยิ่งกว่าในละคร ผมบอกตรงๆ ว่า ผมได้คุยกับคุณหนึ่งเบื้องต้น แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนึ่งเรียนจบแค่ ม.3 แต่ความรู้เรื่องธุรกิจ ยิ่งกว่าคนจบ ป.ตรี
ซึ่งคุณหนึ่งบอกว่า เขาไม่ได้เรียนจบสูง เขาแค่ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้จากการ “อ่านหนังสือ”
วันนี้คุณหนึ่งจะมาเล่าเรื่องราวทั้งหมด ที่เรียกได้ว่า “โคตรแห่งแรงบันดาลใจ” ขนาดผมคุยแค่เบื้องต้น ยังอึ้ง และ ทึ้งขนาดนี้ ไม่ต้องเดาเลยว่าถ้าได้คุยได้ฟังเต็มๆ จะมันส์ขนาดไหน
ติดตามชมได้ทางรายการ Business way เส้นทางธุรกิจจากคนธรรมดา EP.2 ทาง LIVE เพจสมองไหล เวลา 2 ทุ่มตรง คืนนี้... ใครไม่ดูบอกเลยว่า พลาดมาก !
โฆษณา