20 ก.ย. 2020 เวลา 05:54 • ความคิดเห็น
ครั้งหนึ่งมีบทเรียนหนึ่งที่ผมจดจำได้ไม่มีวันลืม เป็น บทเรียนการลงโทษจากพ่อของผมเอง
1
พ่อของผมเป็นคนที่ชอบหนังสือมาก ด้วยความชอบนั้น ท่านก็จะเก็บสะสมหนังสือ หายาก เอาไว้ หลายต่อหลายเล่ม
ในครั้งเมื่อผมยังเป็นเด็ก กำลังซน อายุประมาณ 3 ขวบได้
จำได้ว่าวันนั้นได้เข้าไปในห้องหนังสือของพ่อ และหยิบปากกาบนโต๊ะพ่อมา พร้อมกับหยิบหนังสือปกแข็งเล่มหนึ่ง มาละเลง เป็นภาษา และจินตนาการแบบเด็ก ๆ บนหน้าหนังสือหน้าหนึ่ง
ด้วยความที่เป็นเด็กและไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เท่าไหร่นั้น ระหว่างที่กำลังละเลงอย่างเมามัน พ่อได้เดินมาและเห็นภาพนั้นพอดี
วินาทีนั้นสัมผัสได้ถึงความคุกกรุ่นของอารมณ์ ของพ่อ ที่เห็นหนังสือสะสมสุดรักสุดหวง ถูกขีดเขียนเละเทะแบบนั้น แววตาที่แสดงให้เห็นถึงความตกใจ และสีหน้าที่บอกอาการไม่ถูก
เพราะนอกจาพ่อจะรักหนังสือมากแล้ว ก็ยังรักลูกชายอย่างผม มากพอกัน
พ่อเริ่มเดินเข้ามาหา พร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาดู สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเริ่มมองหน้าผม
ในตอนนั้นผมสัมผัสได้แล้วว่า สิ่งที่ทำนั้นผิดอย่างแน่นอน และเริ่มรู้สึกถึง ความขุ่นเคืองทางอารมณ์ที่พ่อได้แสดงออกมา แม้จะยังไม่ได้พูดจาใดๆ ก็ตาม
ในใจเตรียมพร้อมรับการถูกลงโทษ อาจจะโดนตีจนขาลาย และร้องไห้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะรับได้
และแล้วผมก็ถูก พ่อลงโทษ
แต่การลงโทษในครั้งนี้ มันทำให้ผมจดจำมาจวบจนทุกวันนี้
เพราะไม่ใช่การตี ทำร้าย ดุ ด่า ว่ากล่าว
แต่เป็นการกระทำเพียงเล็กน้อย ที่ทำให้ผมเข้าใจว่า พ่อนั้นรักผมมากเพียงใด
พ่อหยิบหนังสือเปิดหน้าที่ผมละเลงไว้ และหยิบปากกาขึ้นมา หลังจากนั้นเขียนข้อความบางอย่างลงบนหนังสืออีกหน้าหนึ่ง
หลังจากนั้นหันมาบอกกับผมว่า "สิ่งที่ลูกทำวันนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ดี และเป็นเรื่องที่ผิด แต่พ่อก็เข้าใจในความซุกซนของลูก และพ่อจะไม่ยอมปล่อยให้ ความรักของพ่อกับลูก ต้องมาสั่นคลอน เพียงเพราะสิ่งของ หรอกนะลูก"
พูดเสร็จพ่อก็ลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู และก็เดินจากไป
ผมหยิบสมุดเล่มนั้น ขึ้นมาเปิดหน้าที่ ผมละเลงไว้ขึ้นมาดู ด้วยความอยากรู้ ว่าพ่อ ได้เขียนอะไรไว้
1
ภาพที่เห็นคือ ลูกศรที่ชี้ไปทางตัวหนังสือยึกยือที่ผมละเลงไว้ และเขียนไว้อีกหน้าว่า ลายมือของลูกเมื่ออายุ 3 ขวบ ขอบคุณที่พระเจ้าได้ประทาน เด็กคนนี้มาให้ และทุก ๆ ครั้งที่ผมเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ จะทำให้ผมเห็นว่า มันมีความหมายมากเพียงใด"
2
ทุกวันนี้หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงอยู่
เป็นหนังสือที่ผมเปิดดูแล้วทำให้ยิ้มได้ทุกครั้ง เพราะคิดถึง วันวาน และเหตุการณ์ในวันนั้น ความรักที่พ่อมีให้กับผม สัมผัสได้จากหนังสือเล่มนี้นี่แหละ
บ่อยครั้ง ที่เรามักลืมเลือน ไป ในเวลาที่ เจอเหตุการณ์ที่ทำให้โมโห ลืมคิดไปว่า สิ่งของนั้นไม่มีชีวิตจิตใจ ถึงแม้แตกหักพังทลาย ก็ยังพอหาของใหม่ทดแทน แต่การทำร้ายจิตใจ เมื่อทำลายลงไปแล้ว คงจะยากหรือไม่มีทางที่จะกู้คืนกลับมาได้
ขอฝากเรื่องราวนี้ ให้ "ฉุดคิด" นะครับ
ปล. เรื่องราวนี้ไม่ใช่เรื่องราวจริง เพียงแต่แต่งเติมจากเรื่องที่เคยอ่านขึ้นมาเองนะครับ
โฆษณา