21 ก.ย. 2020 เวลา 00:57 • ธุรกิจ
10 วิธีคิดของ HR ยุคใหม่เพื่อซื้อใจคนทำงาน (ตอนจบ)
เมื่อวานนี้ผมเขียน 5 ข้อแรกไปแล้ว ได้แก่
1
1. คนพันธุ์ X หรือ คนพันธุ์ Y
2. ระลึกถึง The Golden Rule
3. อย่าทำตัวเหมือนเจ้าหน้าที่สถานฑูต(บางแห่ง)
4. คุยกับ CEO ให้บ่อย
5. คุยกับพนักงานให้บ่อยยิ่งกว่า
วันนี้มาพูด 5 ข้อที่เหลือนะครับ
6.มีความยืดหยุ่น
เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ธุรกิจก็ต้องหมุนเร็วตาม สิ่งที่เคยทำแล้วเวิร์คมันอาจจะไม่เวิร์คแล้วก็ได้ สิ่งที่ถูกในวันนี้พรุ่งนี้มันอาจจะผิดก็ได้ ดังนั้นแม้ HR จะเป็นผู้รักษากฎกติกา แต่เราก็ต้องคอยสำรวจตรวจสอบว่ากฎกติกาที่มีมันยัง make sense อยู่รึเปล่า กฎบางกฎยังถูกใช้อยู่เพียงเพราะมันถูกเขียนเอาไว้นานแล้ว เผลอๆ คนที่เขียนกฎไม่ได้อยู่กับองค์กรนี้แล้วด้วยซ้ำ ถ้ากฎกติกานั้นมันไม่ได้ตอบโจทย์อีกต่อไป ก็อย่ากลัวที่จะปรับให้เหมาะสมกับคนที่เรามีและเป้าหมายที่องค์กรต้องการจะไป
7.อย่าเขียนกฎเพื่อควบคุมคนส่วนน้อย
เวลามีใครทำอะไรผิด บางที HR และผู้บริหารก็ overreact ด้วยการออกกฎระเบียบใหม่หรือเพิ่มกระบวนการที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้น ทั้งๆ ที่ในบางครั้ง การคงไว้ซึ่งกฎเดิมแล้วค่อยจัดการคนที่ทำตัวไม่เหมาะสมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
คนที่ทำสตาร์ทอัพจะรู้จักคำว่า MVP – Minimum Viable Product ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นแรกไม่จำเป็นต้องทำงานได้สมบูรณ์ 100% แค่ทำงานหลักๆ ได้ประมาณหนึ่งก็โอเคที่จะให้ users ได้ทดลองใช้แล้ว
MVP ยังเป็นตัวย่อของอีกคำหนึ่งที่ไม่ได้แพร่หลายเท่า นั่นคือ Minimum Viable Process จงมีขั้นตอนหรือกระบวนการเท่าที่จำเป็น แต่อย่ามากเกินกว่านั้นเพราะมันจะทำให้องค์กรช้าลงและทำให้พนักงานต้องมานั่งเสียเวลากับงานที่ไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับใคร
1
8.คิดให้ละเอียด แต่อย่าคิดเล็กคิดน้อย
เคยต้องกรอกฟอร์มสมัครอะไรบางอย่างแล้วพบว่าช่องว่างที่เว้นไว้ให้มันแคบเกินไปมั้ยครับ? จุดไข่ปลาสำหรับกรอกที่อยู่มีความยาวพอๆ กับช่องให้ใส่ชื่อ-นามสกุลเลย
1
นั่นเป็นเพราะคนออกแบบฟอร์มไม่ได้คิดอะไรให้ละเอียด และเผลอๆ ไม่เคยได้ลองกรอกฟอร์มเองเลยด้วยซ้ำ
HR ไม่ควรทำพลาดอะไรอย่างนั้น เมื่อเราจะออกแบบฟอร์มหรือเทมเพลตอะไรก็แล้วแต่ เราต้องเป็นผู้ใช้งานคนแรกเสมอ ดูว่าใช้งานง่ายมั้ย ข้อมูลครบถ้วนรึเปล่า อ่านแล้วเข้าใจเลยรึเปล่า
เพราะถ้าเราทำฟอร์มหรือเอกสารให้ใช้งานยาก และพนักงานทุกคนต้องมานั่งใช้เอกสารตัวนี้ มันจะทำให้องค์กรสูญเสีย productivity โดยใช่เหตุ
เมื่อเราคิดมาดีแล้ว ที่เหลือเราก็ต้องเชื่อใจว่าพนักงานส่วนใหญ่จะทำไปด้วยวิจารณญาณที่ดี เราไม่จำเป็นต้องไปทำตัวเป็นผู้คุมกฎอันเคร่งครัดที่ใครจะมาละเมิดมิได้ แต่จงเป็น point of contact หรือคนที่พนักงานจะนึกถึงและกล้าเข้าหาเมื่อเขาเกิดคำถาม ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งสัญญาณว่าองค์กรเชื่อใจพนักงานมากพอแล้ว ยังเป็นการลดงานที่ไม่จำเป็นของ HR ลงด้วย
9.เห็นความหมายในงานที่เราทำ
งาน HR นั้นเป็นงานเชิง reactive เสียเยอะ ต้องแก้ปัญหาให้ผู้คน ต้องสู้รบกับระบบหลังบ้าน ต้องจัดการเอกสารมากมาย พอเราจมอยู่ในกองงานบางทีเราก็สูญเสียวิสัยทัศน์ (lose sight) ว่าแท้จริงแล้วเรากำลังทำอะไรกันอยู่
งาน HR ไม่ใช่การสกรีนเรซูเม่ ไม่ใช่การทำ payroll ไม่ใช่การสั่งข้าวกลางวัน แต่มันคือการหาคนที่เหมาะสมมาร่วมงานและดูแลเขาให้ดี เมื่อพนักงานได้รับการดูแลและปฏิบัติด้วยความเคารพ เขาก็จะมีสมาธิในการทำงานและปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองออกมา และงานที่เขาทำก็จะส่งมอบคุณค่าให้กับสังคมได้
HR จึงเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นห้องเครื่องที่สำคัญขององค์กร ถ้าเราทำหน้าที่ได้ดี องค์กรและสังคมจะได้อานิสงส์มหาศาล และถ้าเราทำหน้าที่ได้ไม่ดีก็จะมีคนเดือดร้อนได้มากมายเช่นกัน
10.ทำในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้
หลายอาชีพมีโอกาสจะโดนดิสรัปท์ (disrupt) ด้วย AI โดยเฉพาะอาชีพที่มีเนื้องานที่เดาทางได้และสามารถเอา algorithm หรือ machine learning มาจับ
ถ้า HR ยังทำงานแบบแข็งทื่อ ขาดความยืดหยุ่น เราก็จะไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ แล้ววันหนึ่งหุ่นยนต์ก็จะเข้ามาทำงานแทนเรา และทำได้แม่นยำและรวดเร็วกว่าเราเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
ถ้าอยากจะอยู่รอดในวิชาชีพนี้ HR ต้องทำในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ นั่นก็คือการเข้าใจความเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด
ผมขอยกถ้อยคำที่พี่ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เคยมากล่าวไว้ใน WeShare
“มันมีบางเรื่องในชีวิตที่หุ่นยนต์กลไกทำงานแทนมนุษย์ไม่ได้ และนั่นคือคำถามว่ามันคืออะไร และนั่นคือสิ่งที่มนุษย์ต้องห่วงแหนรักษาเอาไว้เพื่อไม่ให้หายไป นั่นคือสิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้
ถ้าเราหาเจอว่าสิ่งนั้นคืออะไร เราจำเป็นต้องรักษาไว้ และถ้าเราฉลาดพอว่านั่นคือสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องรักษาไว้ แล้วเราสร้างธุรกิจหรือดำเนินชีวิตไปกับสิ่งที่เป็นคุณค่าของมนุษย์เหล่านั้นได้ เราก็จะอยู่ได้ในโลกสมัยใหม่ และนั่นเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์กลไก AI จะ disrupt เราไม่ได้
ถึงที่สุดแล้ว AI ก็เป็นมนุษย์ไม่ได้ ปัญหาคือมนุษย์สูญเสียความเป็นมนุษย์ต่างหาก เราจึงกลัว AI จึงกลัวหุ่นยนต์และกลไก สิ่งที่ต้องรักษาไว้สูงสุดคือความเป็นมนุษย์ และเรื่องที่ผมคุยมาตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาทั้งหมดคือความเป็นมนุษย์
ถ้าเรารักษาความเป็นมนุษย์ไว้ไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องกลัวหุ่นยนต์ให้มากที่สุด แต่ถ้าเรารักษาความเป็นมนุษย์ แล้วเรารู้ว่าคุณค่าสูงสุดของมนุษย์อยู่ที่ไหน เราไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวความเปลี่ยนแปลง AI จะ disrupt เราไม่ได้ ฉะนั้นจงหาให้เจอว่าคุณค่าที่แท้จริงที่สูงสุดของมนุษย์อยู่ตรงไหน”
และนี่คือไอเดีย 10 ข้อที่ขอฝากไว้กับ HR ทุกคน
ขอให้สนุกกับงานและเป็น HR ที่ทุกคนในองค์กรเชื่อมั่นและไว้ใจนะครับ
จันทร์ที่ 2 พ.ย.นี้ ผมจะไปเป็น moderator ในงาน Brand Inside Forum 2020: New Workforce ผมมีบัตรฟรีมาแจก 4 ใบและโค้ดส่วนลด 500 บาทอีก 10 โค้ด
ใครสนใจร่วมลุ้นรางวัล เชิญตอบคำถามดังต่อไปนี้ในช่องคอมเม้นท์ครับ
“ถ้าเราได้พรวิเศษที่จะเปลี่ยนสิ่งหนึ่งในองค์กรของเราได้ทันที เราอยากจะเปลี่ยนเรื่องอะไร?”
โฆษณา