21 ก.ย. 2020 เวลา 05:19 • ประวัติศาสตร์
ปริศนาการสิ้นพระชนม์ของ “เจ้าหญิงไดอาน่า (Diana, Princess of Wales)”
“เจ้าหญิงไดอาน่า (Diana, Princess of Wales)” เป็นเจ้าหญิงอังกฤษผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชน ไม่เพียงเฉพาะชาวอังกฤษ แต่จะเรียกว่าทั่วโลกก็ว่าได้
1
ผมเคยเขียนเรื่องราวของพระองค์เป็นซีรีส์ ท่านผู้อ่านสามารถหาอ่านได้ในซีรีส์เลยครับ
พระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจ และเสด็จช่วยเหลือผู้คนมากมาย ไม่เพียงเฉพาะชาวอังกฤษ แต่ประเทศยากไร้อื่นๆ ด้วย จนผู้คนขนานนามพระองค์ว่า “เจ้าหญิงของปวงชน (People’s Princess)”
แต่การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในปีค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) ซึ่งทำให้คนทั้งโลกเศร้าโศกเสียใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้หลายคนสงสัย
“การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นอุบัติเหตุจริงหรือ?”
เจ้าหญิงไดอาน่าและพระสวามี คือ “เจ้าชายชาร์ลส์ (Charles, Prince of Wales)” ทรงหย่ากันเมื่อปีค.ศ.1996 (พ.ศ.2539) ซึ่งการตัดสินใจหย่าของทั้งสองพระองค์นั้น เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนราชวงศ์อังกฤษ
1
เจ้าหญิงไดอาน่าและเจ้าชายชาร์ลส์
ต่อมา หลังการหย่า เจ้าหญิงไดอาน่าก็ทรงมีความสัมพันธ์กับ “โดดี ฟาเยด (Dodi Fayed)” ทายาทมหาเศรษฐีและเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์
การที่พระองค์ ซึ่งเป็นพระมารดาของเจ้าชายอังกฤษถึงสองพระองค์ และเป็นอดีตชายาขององค์รัชทายาท ไปคบหากับฟาเยด ทำให้ราชวงศ์อังกฤษ โดยเฉพาะ “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร (Elizabeth II)” ไม่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก
ระหว่างคบหากับฟาเยด ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ไม่นาน ทั้งคู่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ และข่าวการไปไหนมาไหนของทั้งคู่ ก็ได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่าราชวงศ์อังกฤษไม่พอใจแน่ๆ
1
เจ้าหญิงไดอาน่าและฟาเยด
30 สิงหาคม ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) เจ้าหญิงไดอาน่าและฟาเยดได้มาถึงปารีส ฝรั่งเศส และได้ไปทานอาหารมื้อค่ำ
ภายหลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งคู่ได้มาขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่แล้ว พร้อมกองทัพปาปารัซซี่ที่จ้องจะถ่ายรูปของทั้งคู่
1
ฟาเยดได้จัดรถลีมูซีนอีกคันไว้หลอกปาปารัซซี่ หากแต่ปาปารัซซี่ก็รู้ทัน และไล่ตามรถของทั้งคู่
ผู้ที่นั่งในรถ นอกจากเจ้าหญิงไดอาน่าและฟาเยด ก็มี “Trevor Rees-Jones” บอดี้การ์ดของเจ้าหญิงไดอาน่า และ “Henri Paul” ซึ่งเป็นคนขับรถ
ภาพถ่ายบนรถก่อนเจ้าหญิงไดอาน่าจะสิ้นพระชนม์
มอเตอร์ไซค์ของปาปารัซซี่ได้เร่งเครื่องตามรถของพระองค์ ซึ่ง Paul ที่เป็นคนขับรถให้เจ้าหญิง ก็เร่งเครื่องหนี และขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
12.19 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) รถที่ Paul ขับเสียหลัก และพุ่งชนกับเสาในอุโมงค์ Pont d’Alma
การชนนั้นรุนแรงมาก ทำให้ฟาเยดและ Paul เสียชีวิตทันที แต่เจ้าหญิงไดอาน่ายังไม่สิ้นพระชนม์
มีรายงานว่าเมื่อรถพยาบาลมาถึงร่างของพระองค์ พระองค์ทรงตรัสมึมมำว่า
“โอ้พระเจ้า” และ “อย่ามายุ่งกับฉัน”
สภาพรถของเจ้าหญิงไดอาน่า
เจ้าหญิงไดอาน่านั้นบาดเจ็บสาหัส ทรงบอบช้ำและมีบาดแผลทั่วพระวรกาย
แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตพระองค์ แต่ก็ไม่สำเร็จ แพทย์ได้ประกาศว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ในเวลาตีสี่ของวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540)
1
แพทย์ได้กล่าวว่าหากพระองค์ทรงคาดเข็มขัดนิรภัย พระองค์น่าจะรอด ไม่สิ้นพระชนม์ ซึ่งในรถคันที่เกิดเหตุนั้น Jones ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของเจ้าหญิงไดอาน่า เป็นเพียงผู้เดียวที่รอดชีวิต และแน่นอน เขาคาดเข็มขัดนิรภัย
Trevor Rees-Jones
ในขณะเดียวกัน คนขับมอเตอร์ไซค์ในละแวกนั้นได้กล่าวในภายหลังว่าแสงไฟจากกล้องของปาปารัซซี่นั้นจ้ามาก ทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย และอุบัติเหตุก็น่าจะเกิดจากคนขับรถมองไม่เห็นทาง เนื่องจากแฟลชของกล้องปาปารัซซี่
นอกจากนั้น ยังมีคนกล่าวว่าเหล่าปาปารัซซี่ แทนที่จะเข้าไปช่วยพระองค์ กลับถ่ายรูปกันอย่าเมามันโดยไม่สนใจว่าเจ้าหญิงไดอาน่าจะเป็นอย่างไร
และปฏิกิริยาของราชวงศ์อังกฤษ ก็ทำให้ชาวอังกฤษและคนทั่วโลกประนามและเคลือบแคลง
พระราชินีเอลิซาเบธ เมื่อทรงทราบข่าวก็ได้อุทานว่า
“สงสัยจะมีคนไปทำอะไรกับเบรค”
พระราชินีเอลิซาเบธและเจ้าหญิงไดอาน่า
ในขณะที่ประชาชนชาวอังกฤษกำลังโศกเศร้าเสียใจ แต่นอกจากความเศร้าแล้ว ประชาชนต่างต่อว่าและตั้งคำถามว่าทำไมสมาชิกราชวงศ์ดูจะไม่เสียใจเลย ไม่มีการลดธงลงครึ่งเสา พระราชินีเอลิซาเบธก็กำลังทรงพักผ่อนอยู่ที่ปราสาทบัลมอรัลในสก็อตแลนด์ ไม่รีบกลับมาไว้อาลัย
6 กันยายน ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) ประชาชนชาวอังกฤษนับล้านยืนอยู่เต็มท้องถนน ร่วมงานพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า และมีการถ่ายทอดพิธีพระศพไปอีกหลายประเทศ มีผู้ชมถึง 2.5 พันล้านคน
งานพระศพของเจ้าหญิงไดอาน่า
เจ้าชายวิลเลี่ยม (Prince William) วัย 15 ปี และเจ้าชายแฮร์รี่ (Prince Harry) วัย 12 ปี ได้เข้าร่วมงานพระศพของพระมารดาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
ในปีค.ศ.2017 (พ.ศ.2560) ทั้งสองพระองค์ได้ประทานสัมภาษณ์ กล่าวถึงเหตุการณ์นี้
เจ้าชายวิลเลี่ยมได้ประทานสัมภาษณ์ต่อ BBC ว่า
“การเดินเคียงคู่ไปกับพระศพในครั้งนั้น เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่ผมเคยทำมา เหมือนกับแม่กำลังเดินอยู่ข้างๆ เรา ให้เราผ่านมันไปให้ได้”
เจ้าชายแฮร์รี่ได้ประทานสัมภาษณ์ว่า
“แม่ของผมเพิ่งสิ้น และผมต้องเดินตามหลังโลงศพของแม่เป็นระยะทางยาวไกล ท่ามกลางคนนับพันที่กำลังจ้องมองผมอยู่ กับคนอีกนับล้านที่กำลังดูการถ่ายทอดทางโทรทัศน์”
“ผมไม่คิดว่ามีเด็กคนไหนที่ควรจะต้องทำอย่างนี้ ไม่ว่าจะสถานการณ์ใดก็ตาม ผมไม่คิดว่าทุกวันนี้จะมีเหตุการณ์อย่างนี้อีกแล้ว”
1
เจ้าชายทั้งสองพระองค์ในงานพระศพของพระมารดา
สำหรับพระราชินีเอลิซาเบธนั้น กว่าพระองค์จะออกมาแสดงความอาลัย ก็ผ่านไปกว่าสัปดาห์ ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังว่าที่พระองค์ทรงลังเล ไม่ออกมาแสดงความอาลัยในทันที ก็เนื่องจากพระองค์มีความรู้สึกต่อเจ้าหญิงไดอาน่าต่างจากประชาชนส่วนใหญ่ พูดง่ายๆ ก็คือพระองค์ไม่ชอบเจ้าหญิงไดอาน่านั่นเอง พระองค์จึงดูเย็นชา ไม่อาลัยอาวรณ์กับการจากไปของอดีตพระสุณิสา (ลูกสะใภ้) เท่าใดนัก
3
ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ทางการอังกฤษและฝรั่งเศสได้ทำการสอบสวน และต่างก็โทษว่าเป็นความผิดของคนขับ เนื่องจากผลการตรวจเลือดของคนขับนั้น พบว่ามีแอลกอฮอล์สูงเกินกว่าที่กำหนด อีกทั้งคนขับก็ขับรถเร็วมาก
แต่ก็ได้มีทฤษฎีที่ว่า บางทีราชวงศ์อังกฤษอาจจะเป็นผู้ปลงพระชนม์เจ้าหญิงไดอาน่า โดยการส่งมือสังหารมาปลงพระชนม์พระองค์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียมาถึงราชวงศ์ในภายหลัง อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าเจ้าหญิงไดอาน่ากำลังทรงครรภ์ลูกของฟาเยดอีกด้วย
1
ทางการอังกฤษได้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนสิ้นพระชนม์ เจ้าหญิงไดอาน่าได้ทรงเขียนจดหมาย ความว่า
“ฉันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในวันนี้ เดือนตุลาคม ค.ศ.1996 (พ.ศ.2539)”
1
“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ...กำลังวางแผนจะทำให้รถของฉันเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เบรคในรถใช้การไม่ได้ ทำให้ฉันได้รับบาดเจ็บที่หัว เพื่อทำให้ชาร์ลส์แต่งงานใหม่ได้โดยสะดวก”
แต่ไม่ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์จากอะไรก็ตาม แต่ในทุกวันนี้ ประชาชนทั่วโลกต่างยังไม่ลืมพระองค์ และพระองค์ยังคงเป็นที่รักของผู้คนจำนวนมาก แม้จะสิ้นพระชนม์มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
1
โฆษณา