25 ก.ย. 2020 เวลา 01:00 • หนังสือ
คุณอยากทำงานวันละ 8 ชั่วโมง, 5 วันต่อสัปดาห์ จนคุณเกษียณ 60 ปีจริงๆ หรอ?
นั่นคือชีวิตที่คุณต้องการใช้จริงๆ ใช่มั้ย?
จะดีกว่ามั้ย หากคุณสามารถทำงานสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง จากที่ไหนก็ได้ในโลก แต่ยังได้รายได้เท่ากับทุกวันนี้ (หรือมากกว่า) ถ้าคำตอบของคุณ คือ ดีกว่า ขอต้อนรับสู่ วิถีแห่ง “เศรษแนวใหม่” ที่ร่ำรวยทั้งเวลาและเงินทอง สนุกและท้าทายกับชีวิตได้ทันที กับหนังสือขายดี ติดอันดับยาวนาน 8 ปี ที่สร้างปรากฎการณ์มาแล้วทั่วโลก กับนักเขียน Tim Ferris- เขาทำได้ เพื่อนๆ ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
วันนี้ “ฮูกสรุปสั้น” ขอเสนอ ทำน้อย แต่รวยมากโดยเพื่อน จะได้เรียนรู้
- หลักการทำน้อย แต่รวยมาก
- การใช้หลักการ Pareto เพื่อประโยชน์สูงสุด
- การสร้าง passive income
- การจัดการและสร้างการเกษียณสั้นๆ ก่อนเวลาเกษียณจริง
วิถีแห่ง “เศรษฐีแนวใหม่” ที่มีทั้งเวลา เงินทองและอิสรภาพที่มากขึ้น ด้วยกระบวนการ “ตกลง”
ต ตั้งนิยามใหม่
ก กำจัด
ล ลื่นไหล
ง ง้างโซ่ตรวน
1. ต ตั้งนิยามใหม่
- คุณต้องตั้งนิยามการทำงาน และเป้าหมายชีวิตใหม่
เศรษฐีตอนแก่ส่วนมาก มักหวังเพียงวันเกษียณเพื่อที่จะได้มีอิสรภาพ
แต่ "เศรษฐีแนวใหม่" แบ่งสรรช่วงเวลาพักผ่อนและผจญภัย (การเกษียณขนาดย่อม) ให้กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นตลอดทั้งชีวิต และรู้ดีว่าการอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ใช่เป้าหมายชีวิต การทำสิ่งที่ทำให้คุณตื่นเต้นต่างหากล่ะ คือเป้าหมายที่แท้จริง
- อีกหนึ่งความผิดพลาดเมื่อตั้งเป้าหมายคือ การตั้งเป้าหมายที่ต่ำ แทนที่จะตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากทุกคนตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่ "เป็นไปได้" เสมอ การแข่งขันในระดับนั้นจึงสูงมาก น้อยคนที่จะกล้าคิดใหญ่ นี่คือเหตุผลที่บางครั้งมันอาจจะง่ายกว่ากับการพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายใหญ่ที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ มากกว่าเป้าหมายเล็กที่เป็นไปได้แน่นอน
เช่น คุณจะสามารถหาระดมเงินทุน 1 ล้านบาทสำหรับธุรกิจได้ง่ายกว่าการระดมเงินทุน 100,000 บาท เพราะมีคู่แข่งจำนวนมากที่พยายามแย่งชิงเป้าหมายเล็กๆ ที่ดูเป็นไปได้มากกว่า
ดังนั้น การพยายามบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ จึงง่ายกว่าเพราะคู่แข่งที่น้อยกว่า
- ช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ หรือสมควรลาออกเพื่อเป็นเศรษฐีแนวใหม่นั้น ไม่มีอยู่จริง
- ไม่สักแต่ทำงานเพราะต้องทำ แต่ทำงานน้อยที่สุด เท่าที่จำเป็นต้องทำ เพื่อผลลัพธ์อันมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- ทำน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก เรียงลำดับความสำคัญ: หลักการ Pareto
- หลักการนี้เกี่ยวกับเศรษฐีแนวใหม่อย่างคุณอย่างไร?
- 80% ของผลงานของคุณมาจากเพียง 20% ของการกระทำของคุณ
- ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การทำงาน 8 ช.ม. ต่อวัน พนักงานส่วนมากโฟกัสที่กิจกรรม เช่น การเช็คอีเมลล์ จัดเรียงข้อความในกล่องข้อความ แทนที่จะโฟกัสที่ประสิทธิภาพของงาน
2. ก กำจัด
- เริ่มจากการชั่งน้ำหนักความสำคัญของแต่ละกิจกรรม และถามตัวเองว่า คุณจะโอเคมั้ยถ้านี่เป็นกิจกรรมเดียวที่คุณจะทำเสร็จในวันนี้
เช่น การประชุม ควรจัดการประชุมเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจเท่านั้น และควรมีตารางเนื้อหาและเวลาการประชุมที่แน่นอน หากคุณเห็นว่าการเข้าร่วมประชุมไม่จำเป็น ก็โดดซะ
- อีกทางหนึ่งในการจัดลำดับความสำคัญ คือ การจำกัดการรับข่าวสารที่ไม่จำเป็นต่องาน หรือชีวิตประจำวัน เพราะการเสพย์ข่าวสารที่มากเกินไปทำให้คุณไม่มีสมาธิ จดจ่อได้ยากขึ้น
 
- การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การทำน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก ใช้เวลาและให้ความสำคัญกับโปรเจ็กต์ที่มีความสำคัญกับชีวิตของคุณ (หรือโปรเจ็กต์ที่จะพาคุณไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ)
ฉะนั้น คุณควรทำสิ่งสำคัญเหล่านี้ให้เสร็จก่อนเที่ยง
 
- โดยคุณสามารถเริ่มจากการจัดเวลาการตอบอีเมลล์หรือเช็คโซเชียลมีเดียเป็นเพียง 2 ครั้งต่อวัน (บ่าย และเย็น) และลดลง คุณอาจค้นพบว่าคุณสามารถเช็คเพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่าลืมบอกเพื่อน คนรอบตัวถึงพฤติกรรมใหม่นี้
- ตอนนี้คุณได้เข้าใจครึ่งหนึ่งของหลักการ "ตกลง" โดยเริ่มจากการตั้งนิยามใหม่ และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อจัดลำดับความสำคัญ แต่ถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัท คุณจะต้องง้างโซ่ตรวน ("ง" ตามหลักการ ตกลง) ปลดพันธนาการก่อนที่จะสร้างความลื่นไหล ("ล" ตามหลักการ ตกลง) หลักการจึงเปลี่ยนเป็น "ตกงล"
3. ง ง้างโซ่ตรวน
- ถึงแม้คุณจะตั้งนิยามใหม่ และ กำจัดสิ่งที่ไม่สำคัญต่อเป้าหมายได้แล้ว แต่หากคุณเป็นพนักงานออฟฟิศ แม้คุณจะทำน้อยแต่ได้มากแค่ไหน คุณก็ยังจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่ออฟฟิศ 40 ช.ม.ต่อสัปดาห์ตามกฎอยู่ดี
 
- คำตอบของปัญหานี้คือ การหนีจากออฟฟิศซะ! นี่ไม่ใช่จะทำให้คุณทำงานน้อยลงเท่านั้น แต่คุณจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ที่คุณต้องการ
 
5 ขั้นตอนการหนีจากออฟฟิศ
1. เพิ่มคุณค่า การลงทุนในตัวเอง
2. พิสูจน์ประสิทธิผล (ผลสำเร็จของผลงาน) ว่าได้มากกว่าเมื่อทำงานนอกบริษัท
3. ชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจที่บริษัทจะได้
4. เสนอช่วงเวลาทดลองทำงานนอกสถานที่ (ที่จะเพิกถอนเมื่อไหร่ก็ได้)
5. ขยายเวลาการทำงานนอกสถานที่
ตัวอย่างเช่น
1. เชอร์วูดเริ่มจากการลงทุนในตัวเอง โดยเข้าร่วมการเทรนนิ่งเพื่อช่วยให้เขาดูแลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายคือการเพิ่มคุณค่าของตัวเขาต่อบริษัท (เพิ่มคุณค่า การลงทุนในตัวเอง)
2. เชอร์วูดทดลองลาป่วยวันอังคารและวันพุธโดยแจ้งกับทางบริษัทว่าจะทำงานจากบ้านแทนที่ (เขาเลือกวันอังคารและพุธเพื่อที่จะไม่เป็นการลาหยุดยาว) โดยเขาจะพิสูจน์ประสิทธิผลของงาน เชอร์วูดตั้งใจเพิ่มประสิทธิผลงานเป็นสองเท่า เนื่องจากไร้สิ่งรบกวนในออฟฟิศ (พิสูจน์ประสิทธิผล (ผลสำเร็จของผลงาน) ว่าได้มากกว่าเมื่อทำงานนอกบริษัท)
3. เชอร์วูดโชว์ถึงประโยชน์ทางธุรกิจอย่างละเอียดกับการทำงานจากบ้านของเขา และสาเหตุที่เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะไม่มีสิ่งรบกวนและไม่ต้องเดินทางไกล (ชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจที่บริษัทจะได้ )
4. เชอร์วูดเสนอช่วงเวลาทดลองการทำงานนนอกสถานที่ โดยเริ่มจาก 1 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เมื่อเจ้านายตกลง เขาต้องแสดงประสิทธิผลที่มากกว่าเมื่อทำงานที่บ้านเพื่อตอกย้ำผลประโยชน์ทางธุรกิจต่อบริษัท (เสนอช่วงเวลาทดลองทำงานนอกสถานที่)
5. เมื่อเจ้านายเห็นถึงผลประโยชน์ เขาเพียงขยายเวลาจาก 1 วัน เป็น 5 วัน หลังจากนี้ เขาจะสามารถทำงานจากที่ไหนในโลกก็ได้ (ขยายเวลาการทำงานนอกสถานที่)
4. ล ลื่นไหล
- สร้างธุรกิจที่สามารถเป็นระบบทำเงินอัตโนมัติ เพื่อที่คุณจะสามารถได้รายได้โดยไม่ต้องทำงานด้วยตนเอง
- เช่น แทนที่จะจัดการการขายสินค้าด้วยตนเอง พาร์ทเนอร์กับบริษัทที่สามารถทำงาน รักษาธุรกิจ/เว็บไซต์ของคุณ คุณมีหน้าที่เพียงอ่านสรุปรายงานของธุรกิจเมื่อจำเป็น
- แล้วคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าธุรกิจของคุณราบลื่น แม้คุณไม่ได้จัดการด้วยตนเอง? คุณต้อง...
- ให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถมีอิสระในการสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเป็นตัวกลาง
- ให้อำนาจการตัดสินใจ และความรับผิดชอบกับบุคคลที่คุณไว้ใจ เพื่อที่บุคคลนั้นสามารถแก้ปัญหาโดยไม่ต้องสอบถามคุณก่อน ด้วยวิธีนี้ คุณจะมีอิสรภาพและเวลาที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล
 
ปุจฉา: แล้วใครจะเป็นคนทำงานทั้งหมดนี้ล่ะ?
วิสัชนา: ทางเลือกหนึ่งคือจ้างผู้ช่วยส่วนตัว ที่คุณสามารถติดต่อจากที่ไหนก็ได้ในโลก
- แต่ ก่อนอื่นคุณต้องหาแรงบันดาลใจเพื่อสร้างระบบทำเงินอัตโนมัติของคุณ
- เช่นการ Dropship หรือ Redistribute สินค้า แต่วิธีนี้มักมีกำไรน้อย คุณจึงควรออกแบบสินค้าของคุณเอง หรือสิ่งที่จะทำเงินให้คุณได้มากที่สุดโดยใช้แรง-ความพยายามของคุณให้น้อยที่สุด
ขั้นตอนการสร้างระบบทำเงินอัตโนมัติ
1. ดูตลาดที่คุณคุ้นเคยมากที่สุดและ Brainstorm ไอเดียจากการสืบค้นของคุณ ธุรกิจของคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านการเงินหรือเวลามหาศาล
2. ทำตัวเองให้แตกต่าง เหนือคู่แข่ง และโชว์ให้ลูกค้าเห็นว่า"ทำไมคุณถึงเป็นคนที่ลูกค้าต้องซื้อสินค้าด้วยมากที่สุด" ด้วยความน่าเชื่อถือ หรือโชว์ว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ
- จริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องมีวุฒิด้านแฟชั่น เพื่อที่จะออกแบบเสื้อที่โดนใจ สิ่งที่คุณต้องการคือ แค่เชี่ยวชาญมากกว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณ
3. ทดสอบตลาดก่อนจัดทำสินค้า
มีเพียงหนทางเดียวในการทราบความต้องการในตลาดต่อสินค้าคุณ : ถามคนซื้อ
ทดลองสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และสังเกตการตอบสนอง หรือโฆษณาผ่าน Google และวิเคราะห์จากอัตราความสนใจ
เช่น เชอร์วูดเริ่มจากการโพสต์สินค้าออนไลน์บน eBay ใครที่สนใจกดเข้ามา จะพบว่า"ของหมด" แท้จริงแล้วนี่คือการทดสอบความต้องการในตลาด
4. เมื่อคุณทราบความต้องการของตลาดต่อสินค้าของคุณคร่าวๆ แล้ว คุณจำเป็นที่จะสามารถสรุปเป้าหมายสินค้าของคุณใน 1 ประโยค
5. ทำให้ง่ายที่สุดสำหรับลูกค้า ในการตัดสินใจและซื้อสินค้าของคุณ อย่ามีตัวเลือกที่มากเกินไป ซึ่งจะทำให้ยากต่อการตัดสินใจ
6. เจาะให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ
7. สินค้าของคุณต้องมีสัญญาที่โดนใจต่อลูกค้า และสามารถทำมันได้จริง
เช่น Domino's Pizza ที่สัญญาจะส่งสินค้าภายใน 30 นาที หากเกินเวลาคุณจะได้กินพิซซ่าฟรี!
- สัญญาที่โดนใจจะแสดงถึงความจริงจังของธุรกิจและการบริการต่อลูกค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อตกลงซื้อสินค้าของคุณ
สรุปท้ายบท
แทนที่จะนั่งทำงานงกๆ จนคุณเกษียณ มันถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มใช้ชีวิตที่คุณใฝ่ฝัน
- เริ่มจากการตั้งนิยามเป้าหมายชีวิตเสียใหม่
- โฟกัสที่ความพยายาม 20% ที่มีผลต่อชีวิตคุณจริงๆ (หลักการ Pareto)
- ง้างโซ่ตรวน และปลดปล่อยตัวคุณเองให้เป็นอิสระจากการทำงานในออฟฟิศ ด้วยการโชว์ถึงประสิทธิผลที่มากกว่าเมื่อทำงานที่บ้าน โดดการประชุมที่ไม่จำเป็น และเลิกนิสัยการเช็คอีเมลล์ตลอดเวลา
- สร้างระบบทำเงินอัตโนมัติ ทดลองตลาด จากแรงบันดาลใจไอเดียธุรกิจของคุณ
- ท้ายที่สุดนี้ "ฮูกสรุปสั้น" ขอเสนอให้เพื่อนๆ สร้างเป้าหมายชีวิตที่ต้องการ
จดทุกสิ่งอย่างที่อยากทำ หรือต้องการที่จะทำได้ ใน 6 เดือนข้างหน้า แล้วคำนวณรายจ่ายต่อเดือนจากสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นต้องการรถคันใหม่ พูดภาษาสเปนได้ หรือเรียนทำอาหาร และคำนวณรายได้ที่เพื่อนๆ ต้องมีต่อเดือน นั่นแหละค่ะ ทีนี้เพื่อนๆ จะมีเป้าหมายรายได้ต่อเดือนที่แน่นอน และก็ลุยเล้ยย
โฆษณา