23 ก.ย. 2020 เวลา 12:40 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อผมเบื่อหน่ายและหนีมาจากชีวิตในเมือง.. .ep.4
มะม่วงหาวมะนาวโห่ข้างบ้าน
หลังจากผมกินข้าวบ่ายกับรุ่นพี่เสร็จแล้ว รู้สึกเหนียวตัว และเหม็นสาบกลิ่นเหล็กรถไฟติดผิวหนังและเสื้อผ้า (ใครเคยขึ้นรถไฟคงทราบดี) เมื่อเก็บล้างทำความสะอาดจานชามเสร็จเรียบร้อย รุ่นพี่ก็นำผมไปยังห้องพักเพื่อเก็บข้าวของ สัมภาระ จัดที่นอน และเปลี่ยนเสื้อผ้า "มึงนอนห้องนี้กับกูนี่แหละ อีกห้องนึง แม่กูเค้าเอาไว้เก็บข้าวของเสื้อผ้า เค้าไม่ได้นอนหรอก นอนกับพ่อกูข้างนอก เดี๋ยวกูไปหยิบเสื่อกับหมอนมาให้ อาบน้ำซะ จะได้พักผ่อน"
หลังจากเสร็จธุระส่วนตัว ผมเห็นว่ามันยังคงสว่างอยู่ ก็เลยถือโอกาสเดินสำรวจไปรอบๆบริเวณด้านนอกตัวบ้าน ผมเรียกบ้านหลังนี้ว่า"บ้านสวน" หาใช่เรียกเพื่อให้มันโก้หรูดูมีราคา หากแต่รอบๆบ้านนั้น มีแต่ต้นไม้ที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ผลเต็มไปหมดอย่างละต้นสองต้น ไม่ว่าจะเป็นมะกรูด มะนาว มะม่วงอกร่อง มะม่วงพิมเสน (แต่ที่บ้านนี้เค้าเรียกสามเสน) มะม่วงตลับนาค มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงหาวมะนาวโห่ น้อยหน่า มะละกอไร้เมล็ด (ที่พูดได้เพราะวันแรกที่มาถึงผมก็สอยกินเลย ของโปรด) มะละกอแขกนวล มะเฟือง ลำใยก็มี สารพัดนานาพันธุ์พืชผล แม้แต่ข่าก็ยังมี ผมเองเลยอดคิดไม่ได้ว่าปีทั้งปีแทบไม่ต้องไปดิ้นรนซื้อผักและผลไม้ในตลาด ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง แถมยังสามารถเก็บขายได้อีก อย่างมะกรูดซึ่งดกมาก ละลานตาเต็มต้นไปหมด
ผมนั่งลงบนม้านั่งยาวใกล้ๆ หลังจากเดินสำรวจคร่าวๆแล้ว เริ่มมองเห็นช่องทางบางอย่างที่พอจะหารายได้เสริมอีกทางได้ รุ่นพี่ตามเข้ามานั่งข้างๆ ในมือถือมะม่วงเขียวเสวยซึ่งช่วงนั้นกำลังออกลูกพอดี แล้วแกก็ยื่นให้ลูกหนึ่งพร้อมกับมีด "เอ้า เขียวเสวยนะเว่ย หวาน มัน กรอบ กูรับประกัน เมษาจะดกยิ่งกว่านี้อีก เสียแต่มันลูกไม่ใหญ่เหมือนที่ตลาดขาย อย่างว่าล่ะ ก็มันไม่มีใครดูแล กูกับพ่อก็ไม่มีเวลา ขายของเสร็จมาก็เหนื่อยลมจะแดกแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแล แม่กูก็อย่างนี้" ก็คงจริงของแก เพราะมะกรูดต้นใหญ่ใกล้ๆกัน ลูกมันร่วงหล่นเหลืองเกลื่อนกลาดเต็มใต้ต้นนับร้อย น่าเสียดายอย่างมาก
ผมรับมะม่วงพร้อมมีดมาปอก ในใจนึกอะไรได้บางอย่าง อย่างน้อยมะกรูดนี่มันก็เป็นของจำเป็นในการทำอาหาร ใบของมันก็ขายได้ ลูกของมันล่ะ ใช่! ลูกมันเอาไปทำเครื่องพริกแกงได้ ว่าแต่จะหาแหล่งขายได้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ในตลาด.. .
มะกรูดต้นหน้าบ้าน
ผมเก็บความคิดหลายๆอย่างเอามากองรวมกัน เพื่อหาจุดหมายในปลายทางเดียว นั่นมันทำให้ผมนอนไม่หลับในคืนแรกที่มาเยือนบ้านหลังนี้ พลิกซ้าย พลิกขวา ผุดลุกผุดนั่ง หาใช่เป็นเพราะอากาศร้อนหรือแปลกที่ แต่ในหัวสมองครุ่นคิดถึงแต่เพียงเรื่องที่ว่า เราจะทำอย่างไรเพื่อช่วยรุ่นพี่และครอบครัวได้บ้าง
แน่นอนล่ะว่าหนึ่ง ผมคงต้องออกไปช่วยรับซื้อของเก่าเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของรุ่นพี่และพ่อที่อายุมากโขแล้ว นั่นเป็นเรื่องหลักที่ต้องทำแน่นอน แต่เรื่องนี้เอาไว้ถึงหน้างานก่อน ค่อยดูค่อยศึกษาอีกทีว่าจะช่วยอะไรตรงส่วนไหนได้บ้าง
สองคือพืชผักที่มีอยู่ภายในบ้าน จะทำอย่างไรให้มันช่วยเพิ่มรายได้เข้ามาอีกทาง ในเมื่อมันโตในแบบตามมีตามเกิด ไม่มีใครดูแลใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน ดินที่นี่ต้องดีแน่ๆ เพราะปลูกอะไรก็ขึ้นหมด หากแต่เพียงเพิ่มปุ๋ยลงไปสักหน่อย ผลผลิตมันต้องดี ต้องดกอย่างไม่ต้องสงสัย สังเกตต้นมะนาวที่กำลังติดดอกอยู่ ดินโคนต้นนั้นแห้งแกรก คงไม่มีใครคอยรดน้ำเป็นแน่ ต้นอย่างอื่นก็คงไม่ต่าง
แล้วเรื่องปุ๋ยล่ะ มันเป็นรายละเอียดที่แตกแขนงออกมาจากประเด็นที่สอง ตลอดทางที่ซ้อนท้ายมากับรุ่นพี่ ผมสังเกตเห็นว่ามีต้นก้ามปูต้นใหญ่อยู่หลายต้น ถึงจะไม่ได้ขึ้นถี่เป็นแถวเป็นแนว แต่ก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง ต้องไปเก็บกวาดใส่กระสอบมาสักสามสี่กระกอบ แล้วขี้วัวที่จะเอามาผสมล่ะ ชนบทอย่างนี้ ขี้วัวคงหาได้ไม่ยาก ว่าแต่จะหาที่ไหน เรื่องปุ๋ยนี่ค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า ช่วงนี้อาศัยรดน้ำประคองมันไว้ก่อน
สามคือต้องหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิตในสวน ที่มันกำลังจะเริ่มเก็บหรือเก็บได้แล้ว อย่างมะกรูด มะนาว หรือมะม่วง คงต้องหาทางออกไปเปิดหูเปิดตาที่ตลาดภาชีในตอนเช้า เพราะตอนซ้อนท้ายรถรุ่นพี่ผ่านตัวตลาด ค่อนข้างเงียบ เห็นจะมีเพียงร้านค้าที่เป็นตึกแถวเท่านั้น "มึงลองมาเดินดูตลาดเช้าดิ คนแม่งเดินเบียดเสียดแย่งกันซื้อของอย่างกับแจก" รุ่นพี่ผมให้คำตอบ และมันคงต้องมีร้านที่รับซื้อผลผลิตที่เรามีอยู่ในสวนบ้างเป็นแน่
ส่วนประเด็นอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ดูสถานการณ์ไปแบบวันต่อวัน บ้านไม่เป็นระเบียบอย่างนี้ ก็ต้องค่อยๆเก็บ ค่อยๆจัด ค่อยๆทำกันไป
มะนาว ณ ปัจจุบันหลังจากได้ปุ๋ย
ผมไม่ค่อยคุ้นชินกับการนอนมุ้งสักเท่าไหร่ เป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่ไม่ชอบใส่สร้อย นาฬิกา แหวน กำไล โดยเฉพาะเนคไท รวมถึงนอนกางมุ้ง ไม่ชอบที่ๆคนอยู่รวมตัวกันเยอะๆอย่างห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าตลอดชีวิตของผมไม่เคยไปดูคอนเสิร์ตแม้แต่ครั้งเดียว ผมอึดอัด
แน่นอนว่าผมหลับๆ ตื่นๆ นอนไม่เต็มอิ่ม เมื่อต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งพร้อมรุ่นพี่ เปล่า แกไม่ได้ปลุกใช้ผมเพื่อทำอะไร หากแต่เป็นผมเองที่ขันอาสาเมื่อแกบอกว่าจะไปหุงข้าว หลังจากหุงเสร็จก็เรียกประสาทด้วยการนั่งดื่มกาแฟร้อนๆแล้วนั่งคุยกัน "เออ ไม่ไปตลาดเหรอพี่" ผมเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น ด้วยอีกอย่างคิดว่า ถ้าไปตอนนี้คนคงไม่แออัด
"กับข้าวในตู้เย็นพอมีอยู่ พรุ่งนี้ค่อยไป เดี๋ยวตอนกูกับพ่อออกไปซื้อขยะ มึงก็คอยมาเป็นลูกมือให้แม่กูละกัน" ผมได้แต่พยักหน้า ต่างคนต่างจิบกาแฟสลับไปกับการตบยุง แล้วผมก็ทำลายความเงียบขึ้น "ผมขอไปด้วยได้มั้ย?" แกส่ายหน้าก่อนจะบอกเหตุผลว่า "เอามึงไปช่วยเก็บ มึงก็ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ราคาเท่าไหร่ เอาไว้กูกลับมาก่อน กูจะบอกว่า ไอ้อย่างนี้ ราคาเท่านี้ บอกตอนนี้มึงยังไม่เห็นภาพ เอามึงไปช่วยขับรถ มึงก็ไม่รู้ทาง อีกอย่างรถคันนี้มีพ่อกูคนเดียวที่ขับได้ เขารู้จังหวะของเขา กูเองยังไม่กล้า"
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จ ผมไม่มีอะไรทำ และไม่อยากทำตัวให้เปล่าประโยชน์ ก็เลยหยิบไม้กวาดแข็งกวาดพื้นรอบๆหน้าบ้าน พลันเหลือบไปเห็นตุ่มน้ำที่อยู่ไม่ห่างจากต้นพริกและกอกะเพรามากนัก ผมเลยลงมือตักน้ำมารดทีละต้นๆ "เฮ้ย! พริกมันไม่ชอบน้ำมาก รดบ่อยๆ รากมันจะเน่า" เสียงของพ่อดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันกลับไปมองก็เห็นแกยืนยิ้มอยู่ มีถ้วยกาแฟอยู่ในมือ แกเป็นผู้ชายสไตล์บ้านนอก โผงผาง แต่จริงใจ พูดตรงๆ ขวานผ่าซาก ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ ไม่ต้องมาประดิษฐ์คำให้มากเรื่อง
ทุกเช้าหลังแกล้างหน้าล้างตาเสร็จ แกจะมานั่งดูข่าวหน้าจอโทรทัศน์กลางบ้าน แกจะจิบกาแฟแกล้มไปด้วย พอสักหกโมงเช้า แกก็จะมาตรวจเช็ครถ เปิดฝากระโปรง เติมน้ำใส่หม้อน้ำ หยิบกิโลขึ้นท้ายรถ และขนกระสอบหอบใหญ่จำนวนหลายใบใส่ท้ายรถเช่นกัน
แกจะออกซื้อของเก่าในตอนเช้า หลังจากรุ่นพี่ผมใส่บาตรเสร็จ ประมาณหกโมงครึ่งทุกวัน รุ่นพี่ผมจะเดินเอาขันใส่บาตรไปให้แม่จบก่อน ที่เก้าอี้หน้ามุกบ้าน แล้วก็ค่อยเดินไปใส่บาตร ไม่ใช่ว่าแม่แกลุกหรือเดินไม่ไหว หากแต่จุดประสงค์คือ เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก
"เอ้า! พระมาแล้ว!!" เสียงพ่อตะโกนลั่นเมื่อเห็นพระท่านเดินมาแต่ไกลลิบๆ.. .
ครับผม ก็ติดตามกันต่อนะครับใน ep. หน้า วันนี้สั้นอีกแล้ว ติดธุระด่วนครับ รับปากว่าจะโพสต์ทุกวัน (ก็คนมันอยากเล่า) ถ้าชอบก็ช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม สนับสนุนมือใหม่คนนี้ด้วยนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย ขอบพระคุณครับ😁
โฆษณา