25 ก.ย. 2020 เวลา 15:36 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อไม่เคย มันก็ต้องเคย.. .
ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ต้องรับบท "พ่อครัวเตาถ่าน"🌶🥬
เมื่อผมเบื่อหน่ายและหนีมาจากชีวิตในเมือง.. .ep.6
เข้าสู่ช่วงวันสงกรานต์ที่ไร้ซึ่งความเริงร่ามหาสนุกอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาทุกปี เหตุเพราะเจ้าคุณโควิด-19 แขกไม่ได้รับเชิญจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ แวะมาทักทายแผ่นดินสยาม คงเพียงหวังจะมาเล่นสาดน้ำให้ชุ่มฉ่ำกับเค้าดูสักทีในชีวิต แต่อนิจจา.. .ไม่มีใครหน้าไหนอยากต้อนรับขับสู้ ทุกคนต่างเผ่นหนีแค่เพียงได้ยินชื่อ
แม่รุ่นพี่มีอาการเจ็บหน้าอกตั้งแต่เช้ามืด หลังอมยาใต้ลิ้น (Isosorbide dinitrate) แล้ว แกก็เหมือนไม่มีแรงจะขยับตัวไปไหนได้ ได้แต่นอนหายใจแผ่วๆ ผมไม่ค่อยคุ้นกับภาพนี้สักเท่าไหร่ ยอมรับว่าใจคอเริ่มไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่อยากคิดไปในแง่ร้าย แกได้เพียงแต่เอ่ยขึ้นเบาๆว่าแกไม่มีแรงและเช้านี้คงลุกทำกับข้าวไม่ไหว
"เฮ้ยพี่!! แกจะเป็นไรป่าววะ?" ผมกระซิบถามเบาๆอย่างหวาดระแวง กลัวว่าสิ่งที่ไม่อยากคิดแต่ดันแอบคิดมันจะเกิดขึ้น "แกเครียดน่ะ นอนน้อย เมื่อคืนแกคงนอนไม่หลับเพราะแกเครียด ไม่มีอะไรหรอก แล้วกับข้าวจะเอาไงดีวะ?" รุ่นพี่ผมแกดูไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ในอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของผู้เป็นแม่ คงเพราะแกอาจเคยเผชิญสถานการณ์นี้จนชิน ดูเหมือนแกจะเป็นห่วงเรื่องปากท้องในวันนี้ซะมากกว่า
ที่บ้านนี้ทำกับข้าวเพียงสองเวลาคือในตอนเช้าและประมาณสามโมงเย็น หลังจากที่พวกผมสามทหารเสือออกไปหาซื้อขยะแล้ว สักพัก แกก็จะเริ่มทำกับข้าวไว้คอยท่า ถึงแม้ว่าร่างกายแกจะไม่ค่อยแข็งแรงสมบูรณ์สักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหัวจิตหัวใจของแกจะอ่อนเปลี้ยเพลียจิตตามไปด้วย แกเคยพูดว่า "ไปซื้อเค้ากิน มันก็จะมีแต่สิ้นเปลือง สามมื้อคิดดูซิว่าเป็นเงินเท่าไหร่ เราทำเอง กินกันสายๆ บ่ายนิดๆก็อีกมื้อ สามโมงเย็นมาเราก็เอากับข้าวอุ่นเข้าตอนหุงข้าวให้หมา มันจะช่วยประหยัดได้เยอะ จะได้มีเงินเก็บไว้ใช้หนี้ใช้สินเขา แม่เองทำไหว จะให้นอนงอมืองอเท้าอยู่บนที่นอน แม่ทำไม่ได้ ออกไปหากินข้างนอกไม่ได้ ก็ขอเป็นแรงอยู่ช่วยมันที่บ้านนี่แหละ" ทุกคนเลยยอมจำนนด้วยเหตุผลของแก
จำได้ว่าเราตกลงกันในเรื่องเมนูจำเป็น ซึ่งคงไม่พ้นไข่เจียวแน่ล่ะ น้ำพริกสักอย่าง บวบต้ม ผักสด ในตู้เย็นเรามีกะหล่ำปลีอยู่หนึ่งหัว เอางี้ผัดใส่หมูบดที่มีเหลืออยู่นิดหน่อยนี่แหละ เดี๋ยวทำพริกน้ำปลาสักถ้วย ตอนบ่ายทอดกุนเชียงที่เหลืออยู่สี่ห้าเส้นนี้ก็แล้วกัน ว่าแต่ใครจะเป็นคนลงมือทำ?.. .
"ชิบผายล่ะกู!!!" ผมนึกอุทานก้องอยู่ในใจ เพราะเราตกลงกันอีกว่า รุ่นพี่และพ่อของเค้าจะออกไปรับซื้อขยะกันเอง ให้ผมมีหน้าที่อยู่คอยดูแลแม่ และที่สำคัญ "มึงทำกับข้าวไว้รอพวกกูด้วยนะ มึงทำเป็นใช่มั้ย?" ไม่ทันฟังคำตอบ แกก็หันหลังคว้าหมวกสานปีกกว้างขึ้นสวมหัว เดินไปขึ้นรถซึ่งพ่อถอยออกไปรอท่าอยู่หน้าบ้าน เหมือนกับจงใจจะผลักภาระนี้ไว้ให้ผม
"ลำพังดูแลคนป่วยน่ะง่ายมาก แมวน้ำที่ไหนมันก็ทำได้ แต่ทำกับข้าวเนี่ยดิ ขนาดมีเตาแก๊ส กูยังเอาตัวไม่รอดเลย นี่แม่งเตาถ่าน งานงอกล่ะกู แล้วทำไมไอ้ปลากระป๋ง ปลากระป๋องนี่มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอวะ"
"ทำเป็นมั้ยล่ะลูก เดี๋ยวแม่ทำเองก็ได้ ไม่เป็นไร" เสียงแม่ดังขึ้นจากด้านหลัง ภาพที่แกค่อยๆเดินกระย่องกระแย่งตรงมา เหมือนมีเงื้อมมือของความเกรงใจมาบีบคอหอยเอาไว้ ก่อนอ้อมแอ้มปดแกไปว่า "พอได้ครับ แต่กับเตาถ่านนี่ผมไม่เคยเลย ยังไงแม่นั่งบนตั่งนี่คอยบอกผมแล้วกันว่าต้องทำยังไง"
และนั่นก็คือทูโทเรียลของการเป็น "พ่อครัวเตาถ่าน" ของผม.. .
ผัดพริกอ่อนตับไก่
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน (25 กันยายน 2563) แม่มีอาการแบบเดิมๆอีกแล้ว ผมรีบเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เช็ดหน้าเสร็จก็คว้าเสื้อแจ็คเก็ตตัวเก่งมาสวมใส่ เดินไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ และเงิน 120 บาทที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นข้างๆเก้าอี้โยก อากัปกิริยาเหมือนคนโดนยาสั่งยังไงยังงั้น
ระหว่างทางที่ขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อมุ่งหน้าไปจ่ายตลาด ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ทำให้สมองมีเวลาคำนวณถึงค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับเมนูวันนี้ เงิน 120 บาท จะได้อะไรบ้างไปทำกับข้าวสักสามอย่าง
"ไข่เจียว - ไข่ในตู้เย็นยังเหลืออีก 7 ฟอง
พริกปลาร้า - ซื้อปลาดุกตัวเล็กๆ ซักตัวนึง ปลาร้ายังมีในโหล
ผัดพริกอ่อนตับไก่ - ซื้อตับไก่ซักครึ่งกิโล พริกอ่อนถุงนึงแล้วก็หอมหัวใหญ่อีกซักถุง
บวบต้ม - ที่บ้านบวบหมด ซื้อบวบสดอีกกำนึง
เงินเหลือก็ซื้อน้ำเต้าหู้กลับไปซักสองถุงดีกว่า"
รายจ่ายค่าอาหารผมมีดังนี้
ปลาดุกหนึ่งตัว ตัวละ 20 บาท
ตับไก่ครึ่งกิโลกรัม 40 บาท
พริกอ่อนเขียวถุงละ 10 บาท
หอมหัวใหญ่บรรจุ 2 หัว ถุงละ 10 บาท
บวบสดกำละ 3 ลูก 10 บาท
น้ำเต้าหู้ถุงละ 5 บาท 2 ถุง
เครื่องปรุงที่บ้านเรามีทุกอย่าง ใช้เวลาเดินจ่ายตลาดเพียง 20 นาทีเห็นจะได้ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศของตลาดสดยามเช้ามาด้วย เพราะดันลืมเอาโทรศัพท์ติดตัวไป วันหน้าถ้าไม่ลืม ผมจะถ่ายรูปมาฝาก น้ำเต้าหู้ที่นี่ ใส่เครื่อง 5 บาท ไม่ใส่ก็ 5 บาท แตกต่างกันแค่ถ้าใส่เครื่อง ถุงก็จะเล็กลงหน่อย ส่วนไอ้เรื่องจ่ายกับข้าวทุกเช้า ผมตกกระไดพลอยโจนรับหน้าที่นี้มาได้สักสองเดือนแล้ว
โต๊ะเครื่องปรุงและเครื่องเทศ
ผมรีบบึ่งกลับมาที่บ้าน ทันทีที่ภารกิจเสร็จสิ้น นัดกับทุกคนว่า กลับจากซื้อขยะมาเมื่อไหร่ จะลงมือบรรเลงเอง ให้แม่กินน้ำเต้าหู้รองท้องไปก่อน แล้วค่อยมาเป็นลูกมือผม จะได้ยืดเส้นยืดสายและคอยนั่งกำกับผมไปในตัวด้วย
หลังจากกลับมาจากตระเวนซื้อขยะ ซึ่งวันนี้หนักไปทางเศษเหล็กซะมากกว่า ผมก็รีบล้างไม้ล้างมือ ล้างหน้าล้างตา แล้วก็มาประจำที่ รุ่นพี่ผมเค้าจุดเตาใส่ฟืนนำและใส่ถ่านตามเรียบร้อยแล้ว
ก่อนจะทำพริกปลาร้า ต้องต้ม "หม้อปลาร้า" เสียก่อน ตักน้ำกินใส่หม้อ ใส่ใบมะกรูดลงไปซักสองสามใบก็พอ ใส่น้ำปลาร้าลงไป กะเอาว่าพอเข้มข้น ต้มให้เดือดปุดๆ นำปลาดุกที่ร้านทำมาให้เรียบร้อยแล้ว ใส่ลงไปแล้วเคี่ยวให้เดือดจัด เมื่อได้ที่แล้วเอาลงจากเตา
ถัดมา แม่จะนำชิ้นปลาดุกต่อนใหญ่ๆซักสองต่อนใส่ลงไปในครก บี้เนื้อปลาดุก เอาก้างออก ปอกหอมแดงหัวเดียวก็พอ ซอยแล้วสับให้ละเอียดใส่ตามลงไป ใส่พริกป่นลงไปอีกครึ่งช้อนโต๊ะ แล้วตำปนคลุกให้เข้ากัน หลังจากนั้นตักน้ำปลาร้าในหม้อหนึ่งทัพพีราดลงไป แล้วก็คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที ก่อนเทใส่ถ้วย
ระหว่างนั้น ผมก็จะเจียวไข่ที่แม่ตีไว้แล้ว โดยใช้ไข่ไก่สามฟอง พริกขี้หนูซอย หอมแดงซอย ผสมลงไป
ล้างกระทะด้วยน้ำสะอาดที่ใส่กะละมังเตรียมไว้ เทน้ำทิ้ง วางบนเตา รอจนน้ำที่ค้างในกระทะแห้งดี แล้วเทตับไก่ที่แม่หั่นเตรียมไว้แล้วลงไป ใส่น้ำมันพืชลงไปนิดหน่อยแบบกะเอา รวนให้พอสุก แล้วก็ตามด้วยกระเทียมที่ตำเตรียมรอไว้แล้ว ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ใส่น้ำปลาอีกหน่อย เหยาะผงชูรสอีกนิด (จริงๆแล้วทานผงชูรสนิดหน่อยนี่ไม่เป็นอันตรายนะครับ ลองเสิร์ชหาอ่านในกูเกิ้ลดูก็ได้) ตามด้วยพริกอ่อนเขียว และหอมหัวใหญ่หนึ่งหัว ที่ทั้งสองอย่างหั่นเตรียมไว้แล้ว ผัดจนเข้ากันและผักสุก ตักใส่จานได้เลย
และสุดท้าย ต้มบวบที่แม่ปอกและหั่นเตรียมไว้แล้ว หยิบกระทะอลูมิเนียมอีกใบ ใส่น้ำแค่พอท่วม ปิดฝา แล้วก็รอ
คุณคิดว่ามื้อนี้ ราคาเท่าไหร่?
ถ้าใครติดตามอ่านมาตั้งแต่ep.แรก จะเห็นว่าผมพูดถึง "บวบต้ม" บ่อยมาก คือพ่อรุ่นพี่ผมเค้าฟันไม่ดีถึงกับไม่มีฟันเลยดีกว่า แกชอบกินผักมาก แต่ผักสดนั้นหมดสิทธิ์ มีผักอย่างเดียวที่ต้มแล้วแกกิน คือบวบนี่แหละครับ ถ้าบวบอ่อนกำลังพอดี ผมเคยลองกินสดๆดูนะ ไม่แตกต่างจากกินฝรั่งเลย หวานแต่ไม่กรอบมากเหมือนฝรั่งครับ
ครับ เป็นอันว่าผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับมื้อเช้า มื้อกลางวันก็ต่อจากมื้อเช้านั่นแหละ เพราะที่นี่เค้ากินกับข้าวไม่เปลือง อีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ ถ้าแม่ไม่ค่อยสบาย แกจะกินข้าวเพียงสองมื้อ คือมื้อเช้าและมื้อเย็น ต้องฝืนกินข้าวเพราะต้องกินยา ส่วนมื้อเย็นนั้น เราก็มีกุนเชียงทอดเสริมครับ กุนเชียงนี่สำหรับผมจะไม่ใส่น้ำมันครับ พอหั่นเรียบร้อย กระทะร้อนแล้วก็เอาลงไปทอดทั้งอย่างนั้น โดยพรมน้ำสะอาดลงไปนิดหน่อย กุนเชียงนั้นมีน้ำมันอยู่แล้ว ก็มันหมูยังไงล่ะครับ แต่มันจะกระเด็นพอสมควร ต้องระวัง อันนี้เป็นสูตรของคุณแม่ผม หาใช่ของแม่รุ่นพี่ไม่ ถ้าเป็นเตาแก๊ส เราจะเบาไฟได้ มันจะไม่กระเด็นมาก รวมถึงกุนเชียงจะไม่ไหม้ดำ แต่เตาถ่านนั้นไม่สามารถควบคุมไฟได้ พอถ่านร้อนได้ที่ ไฟจะแรงมากเลย อย่างเจียวไข่ ถ้ากะความร้อนไม่ดี มีสิทธิ์ที่ด้านหลังจะเกรียมได้
เหตุผลที่ครอบครัวนี้ใช้เตาถ่าน เพราะมันเป็นการประหยัดอย่างหนึ่ง วันหนึ่งทำกับข้าวสองรอบ ฟืนก็หาเอารอบๆบ้าน กิ่งไม้ที่ร่วงลงมาจากการตัดแต่งกิ่ง ไม่ว่าจะกิ่งสะเดา กิ่งต้นสักหน้าบ้าน นำมาตัดให้เป็นท่อนๆ แล้วกองรวมกันไว้ ถ่านก็กระสอบละ 150 บาท ใช้ได้เป็นเดือนเกือบสองเดือน กระสอบนึง ผมเคยลองชั่งดู หนักประมาณ 17 กิโลกรัม ถ่านนี่ก็ต้องเลือกไม้ที่เอามาเผา ถ้าไม้ดีจะใช้ได้นาน เอาไว้ในep.ถัดๆไป ผมจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเผาถ่านครับ ปัจจุบัน ถ่านที่บ้านนี้ใช้ ก็ซื้อจากลุงที่สนิทกันในละแวกนี้ ซึ่งแกมีความชำนาญในการเผาถ่านมากเพราะแกเผามาตั้งแต่ยังหนุ่ม
จริงๆแล้ว ที่บ้านนี้ก็มีเตาแก๊สนะครับ หากแต่จะใช้เฉพาะเวลามีแขกมาที่บ้านเยอะๆ หรือมีงานทำบุญอะไร ส่วนเตาถ่านต้องมีเอาไว้ใช้ เหตุเพราะว่าแม่รุ่นพี่แกถนัดทำอาหารด้วยเตาถ่านมาตั้งแต่ยังเด็กยังเล็ก ประการสำคัญอีกอย่างเลยก็คือร้านที่จำหน่ายนี่สิครับ มันอยู่ค่อนข้างไกล หรือไม่ก็ตัวตลาดไปเลย
ยุทโธปกรณ์ในการปรุง.. .พร้อม!!
ซึ่งโดยส่วนตัว ผมว่ามันเป็นการประหยัดอย่างมาก เพราะปัจจุบัน ราคาก๊าซหุงต้มขนาด 15 กิโลกรัมอยู่ที่ถังละสามร้อยกว่าบาท (กว่าบาทนี่ยอมรับว่าไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย เห็นเค้าบ่นกัน ก็เลยตามน้ำ) ฟืนนั้นหาได้ไม่ยากเลย ชนบทอย่างนี้ ต้นไม้เยอะแยะไป แต่มันมีข้อเสีย ตรงที่ภาชนะที่ใช้ประกอบอาหาร ก้นจะดำ คือว่าถ้าจะเดินสายนี้ ต้องทำใจเลยว่า ทำความสะอาดข้างในให้เอี่ยมอ่องก็พอ รวมถึงการดูแลเตาถ่านนั้น ถ้าเตายังร้อนอยู่ โดนน้ำไม่ได้ครับ เตาจะแตกทันที ถ้าเกิดเวลาฝนตกแล้วต้องทำกับข้าว เราจะใช้เตาแก๊สแทน ส่วนเตาถ่านต้องหาฝาอะไรปิดไว้ ไม่ให้มันชื้น อย่างฝาโอ่งเป็นต้น
ฝากติดตามบทความนี้ บทความที่ผ่านมา และบทความต่อๆไป ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ ชอบใจรบกวนช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามด้วยครับ ขอบพระคุณมากๆครับ😁
โฆษณา