26 ก.ย. 2020 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #2 คนที่เคมีตรงกัน ]
หลายคนจำภาพบทบาทโค้ชของ แกรี่ เนวิลล์ ตอนคุมบาเลนเซียเท่านั้นเอง
ความจริงก่อนหน้านั้นเนวิลล์ผู้พี่ ซึ่งสอบผ่าน UEFA Pro Coaching Licences หรือได้ใบรับรองจากทางยูฟ่ามาเรียบร้อย ก่อนเข้าไปทำงานในสมาคมฟุตบอลอังกฤษ
เขาได้รับการแต่งตั้งจากเอฟเอให้เป็นหนึ่งในทีมสต๊าฟฟ์ของ รอย ฮ็อดจ์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เป็นผู้ช่วยพาสิงโตคำรามลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งหยุดเส้นทางแค่รอบแรกเท่านั้น แถมเป็นบ๊วยของกลุ่มอีกต่างหาก
จากนั้นปลายปี 2015 เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปนก็เกิดขึ้น เมื่อบาเลนเซียเลือก แกรี่ มาเป็นเฮดโค้ช
เรื่องของความเหมาะสมนั้นตัดทิ้งไปได้เลย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ปีเตอร์ ลิม เจ้าของสโมสรล้วนๆ ดีลดังกล่าวจึงเกิดขึ้น ท่ามกลางความไม่พอใจของแฟนบอลไอ้ค้างคาว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แกรี่ มุ่งมั่นเพื่อลบคำสบประมาทให้ได้ แม้จะรู้ว่านี่คืองานหินสุดๆก็ตาม
"ไม่อยากตกนรกอย่ามาเป็นผู้จัดการทีม" -- กุนซือบางคนเคยพูดไว้เช่นนี้ ไปหางานอื่นทำดีกว่า
28 นัดผ่านไป แกรี่ น่าจะเข้าถึงความจริงของประโยคอันคลาสสิกดังกล่าว ไม่ถึง 5 เดือนก็ต้องลงจากเก้าอี้ พร้อมทั้งทำชื่อเสียงที่เคยสั่งสมไว้เมื่อครั้งเป็นนักเตะต้องมัวหมองด้วย
ชนะ 10 เสมอ 7 แพ้ 11 คือผลงานที่ว่า แม้จะไม่ถึงขั้นอัปยศน่าอับอายจนต้องเอาปี๊บคลุม แต่บาเลนเซียไม่ใช่ทีมเล็กๆดิ้นรนหนีตกชั้น ความหวังคือเกาะท็อปโฟร์ไปเล่นถ้วยใหญ่ยุโรปให้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายของ แกรี่ เข็ดขยาดถึงขั้นหันหลังให้อาชีพกุนซือเลย
โมเมนต์ที่เจ็บปวดสุดๆ อยากจะลืมแต่ลืมไม่ลงก็คือการต้องเผชิญหน้ากับแอตเลติโก้ มาดริดที่มี ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เป็นกุนซือ
ตลอด 90 นาที แกรี่ รู้สึกตัวเองเล็กลงเป็นเหมือนแมลงตัวน้อยที่ไร้พิษสง ถูก ซิเมโอเน่ เฆี่ยนโบยอย่างไม่มีทางสู้ อยากจะโยนผ้าขาวยอมแพ้ตั้งแต่ครึ่งแรกเลยด้วยซ้ำ
"มันเหมือนโดน ซิโมโอเน่ บีบคอผมตลอดทั้งเกม เหมือนผมเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบให้ตายเมื่อไรก็ได้ทุกเมื่อ"
"เขายัดความทรมานและเจ็บปวด ด้วยปรัชญาการเล่นที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ หลังจบเกมผมได้จับมือกับเขา รู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความน่ากลัว มันน่าหวั่นเกรงเหลือเกิน"
เกมดังกล่าวน่าจะช่วยให้ แกรี่ รู้ซึ้งมากขึ้นกว่าเดิมว่า ชีวิตของกุนซือที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง
แล้ว ซิเมโอเน่ เองคือแข้งตัวแสบของทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งให้ลูกเล่นอันแพรวพราวเรียกใบแดงให้ เดวิด เบ็คแฮม จนต้องกลายเป็นเหยื่อ เกือบจะเสียผู้เสียคนไปแล้ว
เบ็คแฮม เองคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของ แกรี่ เป็นรูมเมทกันมาตลอดไม่ว่าจะในสโมสรหรือทีมชาติอังกฤษ
ลึกลงไปข้างในแล้ว แกรี่ ก็คงขุ่นเคือง ซิเมโอเน่ ไม่น้อยเลยเช่นกัน เพราะสมัยยังค้าแข้งนี่คือตัวแสบอย่างแท้จริง
ดังนั้นการจะทำให้ศัตรูหมอบกราบศิโรราบยอมรับจึงเป็นเรื่องยากมากๆ แต่สำหรับ ซิเมโอเน่ ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น
เขาแสดงให้เห็นบุคลิกทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะสุขุมลุ่มลึกผสานไปกับความดุเดือดร้อนแรง
สำหรับ แกรี่ คงเข้าใจแล้วว่าโลกของกุนซือมันโหดร้ายเพียงใด
ถ้าไม่ประสาทแข็งพอหรืออ่อนไหวกับสิ่งเร้ารอบข้างมากเกินไป ควรเลิกซะ แล้วไปยึดอาชีพอื่นแทน
เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยพูดถึง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ไว้อย่างน่าสนใจ
"เขามีความคล้ายผมบ้าง ตรงที่เราต่างมุ่งมั่นทำงานหนักตามแบบของตัวเอง ไม่ยอมล่าถอยแพ้ให้ง่ายๆ"
คุณสมบัติเด่นของ ซิเมโอเน่ หรือที่กองเชียร์ตราหมีเรียกว่า "เอล โชโล่" คือมีความอดทนเป็นเลิศ พยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อไปสู่เป้าหมายของตัวเอง
แต่การเป็นเทรนเนอร์หรือกุนซือที่ประสบความสำเร็จมันไม่ได้หมายความว่ายืนหยัดด้วยลำแข้งตัวเองตามลำพัง
ยังต้องมีตัวแปรหลายอย่างประกอบให้สมบูรณ์ หนึ่งในนั้นคือผู้เล่นที่จะต้องคอยช่วยขับเคลื่อน
โชโล่ เคยเล่าว่าชอบนักเตะที่เล่นด้วยสกิลอันเหนือชั้น ฉลาดล้ำลึกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วก็ยกตัวอย่างทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ หรือ เนย์มาร์ เพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น
แต่นักเตะประเภทนี้หายากมากๆในโลกฟุตบอล อย่าหวังว่าจะได้มาร่วมทีมเลย แทบเป็นไปไม่ได้
ฉะนั้นเอาให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม นักเตะที่มาเป็นลูกทีมจะต้องสะท้อนตัวตนหรือบุคลิกของ ซิเมโอเน่ ให้ได้
คุณสมบัติสำคัญผลักดันให้ โชโล่ ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามทั้งเงินและกล่องบนเส้นทางสายนี้คือความอดทน
ผู้เล่นที่เลือกมาเข้าทีมจึงต้องมีดีเอ็นเอตรงนี้ด้วย ถึงจะร่วมเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันอย่างมั่นคง
เมื่อครั้งยังค้าแข้ง ซิเมโอเน่ ก็มีบุคลิกดังกล่าว อาจจะไม่ได้ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ โชว์ลีลาอันคลาสสิกเหนือชั้นหรือโดดเด่นไปกว่าใครๆ
แต่เขามีประโยชน์ ซึ่งกุนซือทุกคนต่างต้องการมีนักเตะเช่นนี้ไว้ในทีมด้วยเสมอ
นอกเหนือไปจากเหลี่ยมเลห์ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง อ่านเกมขาดแล้ว ยังยืนอยู่ในสนามด้วยความอดทน
อดทนที่จะทำตามแท็คติกของกุนซืออย่างเคร่งครัด ไม่ยอมแตกแถวหรือนอกลู่นอกทางง่ายๆ
เขาจึงรู้ดีว่านี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญนำทีมไปสู่ชัยชนะ ดังนั้นเมื่อมาเป็นกุนซือจึงยึดแนวทางเช่นนี้นำมาใช้
ปรัชญาหรือวิถีการทำทีมจึงต้องได้รับการตอบสนองจากผู้เล่นที่มีสายพันธุ์หรือนิสัยที่คล้ายกัน
นักเตะอย่าง กาบี เฟร์นานเดซ ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในแผงกลาง อีกทั้งสวมปลอกแขนกัปตันทีมในยุค ซิเมโอเน่ มาหลายปี
เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่โดดเด่นเลย แต่ถูกใจ โชโล่ ยิ่งนัก ทำงานหนักและมีความเป็นมืออาชีพ มุมานะปิดทองหลังพระ โดยที่ไม่เคยร้องขออะไรเลย
หรืออย่าง โกเก้ ที่รับสืบทอดกัปตันทีมก็สะท้อนคุณสมบัติในแบบเดียวกัน เล่นตามใบสั่งของเจ้านายทุกช็อต ไม่เคยวอกแวกหรือคิดฝืนแท็คติก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ โชโล่ ถึงรบเร้าบอร์ดบริหารให้รีบคว้า หลุยส์ ซัวเรซ มาร่วมทีม เพราะเชื่อว่านี่คืออีกนักเตะที่ตอบโจทย์ได้อย่างดี
เอาแค่สไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนอันแพรวพราว เอาตัวรอดได้เก่ง อีกทั้งรอคอยโอกาสด้วยความอดทน เท่านี้ก็พอมองเห็นแล้วว่าเหมือน ซิเมโอเน่ แค่ไหน
ยิ่งเมื่อพลิกปูมหลังแล้วจะเห็นเลยว่า สิ่งสำคัญผลักดัน ซัวเรซ กลายเป็นแข้งผู้ยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นมาตลอด นับตั้งแต่เล่นให้อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม , ลิเวอร์พูลและบาร์เซโลน่า คือความอดทนนั่นเอง
ชีวิตวัยเด็กที่ปากกัดตีนถีบ เกิดในครอบครัวที่แตกแยกขัดสน ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจะเอาตัวรอด เป็นเหมือนเบ้าหลอมให้แข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดต้องใช้ความอดทนเป็นแสงนำทาง
นอกจากนี้ ซัวเรซ ยังหนักแน่นในความรักกับ โซเฟีย บัลบิ ซึ่งคบหากันมาตั้งแต่ยังอายุน้อยๆและไม่เคยเปลี่ยนใจไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นเลย
เขามุ่งมั่นกับการเป็นนักเตะอาชีพเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าจะดูแลผู้หญิงคนนี้ได้ จากวันแรกที่คบกันมาจนถึงปัจจุบัน ความรักยังผลิบานหวานชื่นไม่แปรเปลี่ยน
บางครั้งเวลาอยู่ในสนามเขาอาจไม่ได้แค่วิธีการนำไปสู่ชัยชนะเท่าไรนัก เหมือนใช้สัญชาตญาณมากกว่า
ซิเมโอเน่ ก็ไม่ต่างไปจากนี้เลย ต่อให้โดนวิจารณ์เรื่องรูปแบบการเล่นหรืออักลี่เกม แค่ยักไหล่เชิดใส่สวยๆ แล้วเดินต่อไปตามแบบของตัวเอง
มันอาจเร็วไปหากจะบอกว่านี่คือคู่กุนซือ-นักเตะที่มีความเหมาะสมมากๆ
อีกไม่นานเราจะได้เห็นว่า การที่คนเราซึ่งมีนิสัยและเคมีใกล้เคียงกัน มาร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน มันจะไปได้ไกลสักแค่ไหน
แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีมีใครอยากเผชิญหน้ากับเจ้านายลูกน้องคู่นี้แน่ โดยเฉพาะบาร์เซโลน่า
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ปืนโตมองข้ามท็อปโฟร์ ? ] : อาร์เซน่อลโฉมใหม่ภายใต้การทำงานร่วมกันของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมและ เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาน่าจับตามองอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนน้ำเลี้ยงอย่างดีจาก วิไน เวนเกตุชาม ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูงานบริหารภาพรวมโดยตรง รวมถึงอนุมัติการซื้อผู้เล่น แล้วมันชัดเลยว่าการเปลี่ยนแปลงจากข้างบนในคราวนี้ ส่งผลในทางที่ดีกับปืนโตเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องเกินตัว หากพวกเขาคิดจะฝันไปไกล
[ #ยุคมืดกำลังเดินทางมา ] : นับว่าไลฟ์ผ่านอินสตาแกรมของ ปาทริช เอวร่า เมื่อ 3-4 วันก่อนเขย่าบอร์ดบริหารแมนฯยูไนเต็ดในระดับรุนแรงเอาเรื่อง ชื่อของ แม็ตต์ จัดจ์ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเจรจาซื้อขายผู้เล่น ไม่ใช่แค่มีเพียงแค่ เอ็ด วู้ดเวิร์ด เป็นหลักอีกต่อไป ตอนนี้ จัดจ์ โดนสาวไส้เรื่องการทำงานอันล้มเหลว ซื้อผู้เล่นราคาสูงๆแต่ผลงานน่าผิดหวัง ซึ่งประวัติฟ้องอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ กลียุคจะเดินทางมาหาปีศาจแดงในอีกไม่ช้าแน่นอน
[ #ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ ] : จากที่ควรได้ไปยูเวนตุสเรียบร้อย ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วปิดฉากใหม่ๆ สถานการณ์กลับพลิกผัน หลุยส์ ซัวเรซ ต้องเผชิญกับปัญหาสารพัดไล่ตั้งแต่ดีลกับยูเว่ล่ม เพราะติดขัดการทดสอบขอสัญชาติอิตาลีในเรื่องกรอบเวลา ตามด้วยพัวพันการทุจริตสอบที่เปรูจา โดยเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอย่างละเอียดล่าสุดโอกาสที่จะได้ซบแอตเลติโก้ มาดริดก็สะดุดอีก เมื่อทางบาร์เซโลน่าขวางเต็มตัว ทั้งที่มีการตกลงกันไว้ทุกอย่างจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นกับ ซัวเรซ โดยเฉพาะหากยังต้องอยู่กับบาร์ซ่าต่อไป
[ #ความเยือกเย็นที่ถูกทำลาย ] : สมัยค้าแข้งอยู่กับเบนฟิก้า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ถูกยกย่องมากในความแข็งแกร่งและเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์เด่นสำคัญอย่างไรก็ตามพอย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก คุณสมบัติเหล่านั้นค่อยๆถูกกลืนหายไป จนบางครั้งเราได้เห็นเขาระเบิดโทสะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเกิดอะไรขึ้นกับ ลินเดอเลิฟ กันแน่และจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้อย่างไรกัน?
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา